บทที่ 2090 ช้าก่อน!
………………..
บทที่ 2090 ช้าก่อน!
เฉินซียืนขึ้นภายในโถงโบราณ
ตัด!
เขาเอามือปัดผมสีดำสนิทที่ยาวลงไปบนพื้นเหมือนผ้า และมากกว่าครึ่งหนึ่งก็ถูกตัดออกทันที หลังจากนั้นก็รวบผมอย่างตั้งใจ และมัดผมหางม้าไว้ด้านหลังศีรษะ เผยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและมั่นคงอย่างเต็มที่
บนใบหน้านี้มีดวงตาคู่หนึ่งที่ลึกราวกับหุบเหว และกว้างใหญ่ไพศาลราวกับผืนนภาฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มันเหมือนกับจักรวาลจำนวนนับล้าน และมหาเต๋ากำลังหมุนเวียนอยู่ภายในพวกมัน ซึ่งเผยให้เห็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างสบาย ๆ ร่างสูงของเขาก็เหมือนกับต้นสนที่สูงใหญ่และพิเศษที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น ซึ่งดูเหมือนจะไม่อาจสั่นคลอนเขาได้ และคล้ายกับว่าเขายืนอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง
นี่คือสิ่งที่เฉินซีทำ หลังจากปิดด่านบ่มเพาะมานานกว่าสี่ร้อยปีจนเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราและบรรลุขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ขั้นที่เจ็ด ซึ่งเสร็จสิ้นการหล่อหลอมครั้งที่แปดของดวงจิตแห่งเต๋าในเคล็ดสัจหฤทัยสูตร!
ในแดนเทพโบราณ ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันก็เพียงพอที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นเจ้าเหนือหัวที่ครอบครองพลังอันไร้ขอบเขต!
“ปอยผมของเจ้าที่ถูกตัดเหล่านี้ เป็นวัตถุเทวะที่หายากมาก และพวกมันอาจก่อให้เกิดการต่อสู้อันดุเดือด หากพวกมันตกสู่โลกภายนอก” เสียงของหมิงที่สงบราวกับน้ำ ดังก้องภายในห้องโถงพร้อมกับน้ำเสียงหยอกล้อเล็กน้อย
เฉินซีหันหน้าไปทางต้นเสียง และเห็นหมิงนั่งอยู่ด้านข้าง ศีรษะของนางเงยขึ้น ในขณะที่ดวงตาสีดำสนิทกำลังจับจ้องเขา รอยยิ้มงดงามประดับบนริมฝีปากวาววับของนาง
เฉินซีหัวเราะเบา ๆ เพราะหมิงกล่าวไม่ผิดนัก เพราะเส้นผมทุกเส้นของเขาเปี่ยมด้วยพลังชีวิตที่น่าตกใจ มิหนำซ้ำ มันยังมีกลิ่นอายของมหาเต๋าจาง ๆ!
ความแข็งแกร่งของเส้นผมเพียงเส้นเดียว เปรียบได้กับศาสตราศักดิ์สิทธิ์!
ดังนั้นหากรวมจำนวนดังกล่าวเข้าด้วยกัน มันก็คงไม่ต่างจากวัตถุเทวะที่ไม่ธรรมดาในสายตาของผู้บ่มเพาะคนอื่น
“เจ้าตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อใด” หมิงลุกยืนขึ้น ความงามของนางช่างวิจิตรงดงามและบริสุทธิ์ นอกจากนี้นางยังมีคิ้วและดวงตาสีดำสนิทแวววาวดุจอัญมณี ดังนั้นเมื่อนางเหยียดร่างอย่างเกียจคร้านเช่นนี้ มันก็เผยให้เห็นความงามรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ดวงวิญญาณสั่นไหว
หมิงฟื้นตัวเต็มที่นานแล้ว ตั้งแต่เมื่อเฉินซีเพิ่งเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะเป็นเวลาสิบปี
เดิมทีหมิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าเฉินซีพานางไปที่เขาเทพพยากรณ์ เพราะนางพเนจรไปทั่วใต้หล้าตามลำพังมานาน ทำให้นางคุ้นเคยกับการอยู่คนเดียว และทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
เหตุผลที่นางยอมรับเฉินซี และติดตามเขา ส่วนใหญ่มาจากความตั้งใจของนางที่จะค้นหามหาวิถีแห่งเต๋า อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป นางก็ค่อย ๆ ยอมรับความจริงที่ว่าตอนนี้มีเฉินซีอยู่เคียงข้างนางแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าหมิงจะเข้ากับคนอื่นได้
นิสัยที่ภาคภูมิและห่างเหิน รวมกับประสบการณ์ที่นางได้รับจากการท่องใต้หล้ามานานหลายปี มันได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่านางจะไม่มีมิตรสหายมากมาย
ถึงขนาดที่นางรู้สึกว่าการที่นางยอมรับเฉินซีเป็นสหายได้ มันเป็นเพียงเรื่องอุบัติเหตุที่น่ายินดี
สำหรับอนาคต หมิงไม่ได้คิดที่จะยอมรับ… ‘สหาย’ คนที่สองนอกเหนือจากเฉินซี
ใช่ เขาควรถือเป็นสหายของข้าใช่หรือไม่?
บางครั้งแม้แต่หมิงก็ไม่สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ที่นางมีกับเฉินซีได้ แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และนางก็รู้ว่านางไม่ได้ต่อต้านการมีเฉินซีอยู่เคียงข้าง
โชคดีที่เฉินซีอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะมาหลายร้อยปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แนะนำศิษย์คนอื่น ๆ ของเขาเทพพยากรณ์ให้รู้จักกับหมิง นี่คือเหตุผลที่หมิงไม่ต่อต้าน และคอยอยู่ในห้องโถงนี้มาจนถึงตอนนี้
แม้จะดูค่อนข้างน่าเบื่อ แต่หมิงก็ไม่ได้คิดแบบนั้น เช่นเดียวกับเฉินซี นางสนุกกับช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบ
“เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่สิบปีจนกว่าศึกผู้พิทักษ์วิถีจะเริ่มต้นขึ้น การเดินทางสู่แดนมารดากำเนิดบรรพ์จะใช้เวลาไม่กี่ปีเท่านั้น ดังนั้นถึงเวลาออกเดินทางแล้ว” เมื่อกล่าวถึงจุดนี่ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะถามหมิง “เจ้าจะไปกับข้าจริง ๆ เหรอ? ข้าไม่กล้ารับประกันว่าเราจะไม่พบกับอันตรายหรือเหตุร้ายใด ๆ ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้”
ในความเห็นของเขา มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดถ้าหมิงอยู่ที่เขาเทพพยากรณ์ เพราะนางจะไม่เผชิญกับอันตรายใด ๆ เพราะเขาเทพพยากรณ์ซึ่งอยู่ที่นั่นจะปกป้องนาง
“ข้าจะไปทุกที่ที่เจ้าไป” หมิงตอบเขาโดยไม่ลังเลใด ๆ และท่าทางของนางก็สงบราวกับว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของความเป็นจริง
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับสิ่งนี้ และเขาก็ยิ้มหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “ตกลง”
หมิงเหลือบมองที่เฉินซี และนางก็ลังเลอยู่นานก่อนที่จะกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าไม่ได้ตั้งใจรบกวนเจ้า ข้าแค่คุ้นเคยกับการอยู่คนเดียว และข้าไม่สามารถอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเป็นเวลานานได้ ถ้าเจ้าจากไป ข้า…ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนจริง ๆ”
เสียงของนางแผ่วลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ร่องรอยของความคับข้องใจและความโศกเศร้าที่หาได้ยากก็ปรากฏบนใบหน้าบริสุทธิ์และสวยงามของนาง
เมื่อเห็นการแสดงออกดังกล่าว หัวใจของเฉินซีก็บีบรัด เจ็บแปลบขึ้นมา
เพราะหญิงสาวผู้โดดเดี่ยวและห่างเหินผู้นี้ ได้เริ่มท่องโลกตั้งแต่ยุคก่อนถูกทำลาย นางได้สำรวจกลุ่มดาวนับไม่ถ้วน ผ่านความมืดมิดทุกรูปแบบ และกำลังเสาะหามหาวิถีแห่งเต๋าที่ไม่มีตัวตนอย่างยิ่งมาเสมอ
ในที่สุดนางก็พบร่องรอยแห่งความหวังจากเขาแล้ว ดังนั้นหากจู่ ๆ นางถูกขอให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะทำความคุ้นชินกับมัน
เฉินซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยักหน้าและตกลงในที่สุด สำหรับสิ่งที่เขาคิดในใจจริง ๆ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้คำตอบ
…
หลังจากผ่านไปราวสองเค่อ ในที่สุดเฉินซีก็กล่าวลาเหล่าศิษย์พี่น้องของเขาเทพพยากรณ์
แน่นอนว่า เหล่าไป๋ อาเหลียง เยี่ยเหยียน และคนอื่น ๆ ก็รวมอยู่ในเรื่องนี้เช่นกัน
พวกเขาทั้งหมดค่อนข้างไม่เต็มใจที่จะเห็นเฉินซีจากไป ในท้ายที่สุดก็เป็นอู๋เซวี่ยฉานที่ก้าวเข้ามา และในที่สุดก็สามารถพาเฉินซีไปจากพวกเขาได้
โอม!
ความผันผวนที่คลุมเครือและแปลกประหลาดเกิดขึ้นจากค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ ในขณะที่อักขระยันต์จำนวนมากมายกะพริบอยู่ภายในนั้นราวกับละอองแสงที่ล่องลอยผ่านบริเวณโดยรอบ มันเป็นฉากที่ค่อนข้างงดงาม
อู๋เซวี่ยฉาน เฉินซี และหมิงกำลังรออยู่ที่หน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ
เฉินซีบอกอู๋เซวี่ยฉานเรื่องหมิง ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจที่นางอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตาม อู๋เซวี่ยฉานอดไม่ได้ที่จะมองนางอีกครั้ง เมื่อเขาพบว่านางมาจากยุคก่อน
“แม้ว่าจะเป็นช่วงยุคก่อน แต่ภูมิหลังของนางย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ศิษย์น้องเล็ก ทางที่ดีเจ้าควรรู้เรื่องนี้” นี่คือคำกล่าวที่อู๋เซวี่ยฉานบอกเฉินซีหลังจากนั้น
เฉินซีเข้าใจสิ่งนี้ทันที ท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของนางในการควบคุมเตาหลอมแห่งชะตากรรมจากยุคก่อน และเอาตัวรอดมานาน ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าภูมิหลังและชาติกำเนิดของนางมหัศจรรย์เพียงใด
อย่างไรก็ตาม เฉินซีเชื่อใจหมิง ไม่ใช่เพราะนางช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เป็นเพราะเขาอยู่กับนางมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นมันทำให้เขาสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่านางเป็นคนเช่นไร
เฉินซีเชื่อมั่นว่าเขาไม่ได้ตัดสินนางผิดอย่างแน่นอน
ในทางกลับกัน หมิงยังคงเงียบอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่นางอยู่ต่อหน้าอู๋เซวี่ยฉาน แม้ว่าใบหน้าของนางจะสงบ แต่เฉินซีก็ยังสัมผัสได้ว่าหมิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และดูเหมือนจะไม่สามารถกลมกลืนเข้ากับบรรยากาศเช่นนั้นได้
เฉินซีไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ เขาคิดได้เพียงบางเรื่องที่จะกล่าวคุยกับหมิง เพื่อให้อารมณ์ของนางผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ไปกันเถอะ” อู๋เซวี่ยฉานยิ้มทันที และเดินไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ เมื่อเขาสังเกตเห็นว่ามันถูกเปิดใช้งานโดยสมบูรณ์แล้ว
“ช้าก่อน!” ในขณะนี้ เสียงที่ชัดเจนและไพเราะดังก้องมาจากระยะไกล
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...