เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2091

บทที่ 2091 เผชิญหน้าโดยบังเอิญ

………………..

บทที่ 2091 เผชิญหน้าโดยบังเอิญ

เฉินซีหันหน้ากลับไป และเขาเห็นร่างที่งดงามปรากฏขึ้นในระยะไกล

สตรีผู้นั้นแต่งกายด้วยชุดสีขาวที่มีความสง่าตามธรรมชาติและมีความพิเศษที่ไม่ธรรมดา ผิวของนางดูนุ่มนวล ในขณะที่ไหล่ของนางดูเหมือนถูกแกะสลักโดยมีด ผมสีดำสนิทและเรียบเนียนปล่อยลงมาถึงเอว ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวเป็นประกาย ริมฝีปากสีแดงวาววับ หน้าผากใสกระจ่างและเป็นสีขาวหยก รูปโฉมงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้

การจ้องมองนางเหมือนกับการจ้องมองเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ที่โผล่ออกมาจากภาพวาด นางช่างเหมือนความฝันและเป็นภาพมายา ยิ่งกว่านั้น ความงามอันล้อเหลือ ก็ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้

สตรีคนนี้งดงามเกินไปจริง ๆ นางงดงามมากจนทำให้โลกอับแสงลง เมื่อเปรียบเทียบกัน และมันสร้างความประหลาดใจให้กับยุคสมัยต่าง ๆ ดูเหมือนว่าโลกจะหยุดเคลื่อนไหวในขณะนี้

ดวงตาของเฉินซีเบิกกว้างทันที และดูเหมือนเขาจะแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

แม้แต่อู๋เซวี่ยฉานที่กำลังจะเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เหลือบมองที่เฉินซี ในขณะที่ดูเหมือนจะจมอยู่กับความคิด และแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา

“ศิษย์พี่หญิง?” ผ่านไปพักใหญ่ ก่อนที่เฉินซีจะหายตกใจ และกล่าวด้วยความประหลาดใจในที่สุด

“อืม” สตรีผู้นั้นเชิดคางที่สวยและงดงามขึ้น แล้วตอบอย่างภาคภูมิใจ “เจ้ากำลังดูอะไรอยู่? อย่าทำเหมือนไม่เคยเห็นข้า! ข้าจะควักตาของเจ้าออกมา ถ้าเจ้ายังมองข้าอีก!”

ใบหน้าของเฉินซีแข็งทื่อ จากนั้นก็มีสีหน้าเขินอายเล็กน้อย ตอนนี้เขาตกใจมากจริง ๆ เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าศิษย์พี่หลียาง ผู้รักการแต่งตัวเหมือนบุรุษ จะกลับมาแต่งตัวเหมือนอิสตรีจริง ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลียางสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ และปล่อยผมที่สวยงามของนางลงมาอย่างหลวม ๆ ความงามของนางสามารถอธิบายได้ว่า เป็นผลงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งสรรค์สร้างโดยเทพแห่งการรังสรรค์! นางงดงามจนไร้ที่ติจริง ๆ และทำให้คนอื่นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจกับรูปโฉมของตัวเองเมื่อเผชิญหน้ากับนาง

สิ่งสำคัญที่สุด คือนี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้เห็นนางแต่งกายในลักษณะนี้ ดังนั้นมันจึงน่าประหลาดใจและน่าทึ่งเกินไปสำหรับเขา

หลียางดูเหมือนจะรู้สึกพึงพอใจเล็กน้อย เมื่อเห็นเฉินซีมีท่าทางเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม คิ้วที่สวยงามของนางก็ขมวดเข้าหากันทันที เมื่อนางสังเกตเห็นหมิงที่ยืนอยู่ข้างเฉินซี จากนั้นนางก็เดินเข้าหาหมิง

เมื่อหลียางมาถึงที่นี่ หมิงเพียงแค่เหลือบมองนาง ก่อนที่นางจะถอนสายตาออกไป เพราะหมิงไม่ชอบคลุกคลีกับคนที่ไม่รู้จัก

แต่ถึงกระนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่งดงาม สง่างาม และไม่ธรรมดาของหลียาง ดูเหมือนนางจะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเขาเทพพยากรณ์จะมีศิษย์หญิงที่งดงาม มีชีวิตชีวา และชาญฉลาดเช่นนี้

ในทางกลับกัน หมิงเพิ่งเข้าใจ เมื่อได้ยินเฉินซีเรียกสตรีคนนั้นว่า ‘ศิษย์พี่หญิง’

หลังจากนั้นหมิงก็หยุดคิดเรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้ว นางมีบุคลิกที่โดดเดี่ยวและห่างเหิน ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่สิ่งในโลกนี้ที่สามารถดึงดูดความสนใจของนางได้

โดยเฉพาะตอนนี้ที่เป็นสตรีอีกคน ความสามารถในการต้านทานความงามดังกล่าว จึงแข็งแกร่งกว่าเฉินซีอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม นางกลับต้องประหลาดใจ เนื่องจาก ‘ศิษย์พี่หญิง’ ของเฉินซีได้เดินเข้ามาหานาง และมองอย่างพินิจพิเคราะห์

สิ่งนี้ทำให้หมิงรู้สึกถึงความเกลียดชังเล็กน้อยในใจ และคิ้วสีดำหมึกของนางก็อดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดวงตาสีดำสนิทและบริสุทธิ์ของนางมีร่องรอยของความเย็นชา

เฉินซีตื่นตระหนกทันทีเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมศิษย์พี่หญิงถึงมาที่นี่ เขายังรู้สึกกังวลอย่างไร้เหตุผล เมื่อเห็นหลียางเดินเข้าหาหมิง

ดูเหมือนว่าอู๋เซวี่ยฉานจะอนุมานอะไรบางอย่างได้ และมีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก เขาเอามือกอดอกและมองดูทั้งหมดนี้ ราวกับว่ามันน่าสนใจมาก

“ข้าชื่อหลียาง ศิษย์พี่หญิงของเฉินซี” ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันที่มีร่องรอยของความตึงเครียดเล็กน้อย หลียางก็ยิ้มกว้าง ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของนางส่องประกายและมีเสน่ห์ ขณะที่นางเผยฟันขาวบริสุทธิ์ นางเริ่มแนะนำตัวเอง

เห็นได้ชัดว่าหมิงดูประหลาดใจ แต่นางก็ยังคงกล่าวคำหนึ่งออกมาจากริมฝีปาก “หมิง”

มันกระชับ และตรงประเด็นอย่างไม่มีคำไร้สาระใด ๆ

“หมิง?” แสงมายาปรากฏขึ้นในดวงตาที่สุกใสของหลียาง และพวกมันก็ดูแพรวพราวราวกับดวงดาว “ข้าจะจำชื่อนี้ไว้ เจ้าก็ควรจำชื่อข้าด้วยเช่นกัน” เสียงของนางชัดเจน มีชีวิตชีวา และน่าฟัง

ทันทีที่กล่าวจบ นางก็หันไปมองที่เฉินซีที่ตกตะลึงอยู่ที่นั่น และนางกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ศิษย์น้องเล็ก เจ้ายังมัวยืนอยู่เพื่ออันใด รีบไปซะ!”

“เอ่อ…” ทันใดนั้น เฉินซีก็กลับมามีสติอีกครั้ง จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติราวกับว่ากำลังหลบหนี เขาไม่สามารถระบุเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกังวลขนาดนี้ และถึงขนาดที่เขารู้สึกผิดโดยไม่มีเหตุผล….

“ลาก่อนศิษย์น้องหญิง” อู๋เซวี่ยฉานยิ้มและกล่าวลานาง ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ

ขณะที่หมิงกำลังจะเข้าไปตามพวกเขา จู่ ๆ เสียงที่ชัดเจนและน่าฟังก็ดังก้องข้างหูนาง “จงจำสิ่งนี้ไว้ หากเจ้าตั้งใจจะคบหากับศิษย์น้องเล็กของข้า เจ้าต้องขออนุญาตจากข้าเสียก่อน”

ร่างของหมิงแข็งทื่อ จากนั้นนางก็เร่งความเร็วขึ้น และเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ นางไม่จำเป็นต้องหันกลับไป ก็รู้ว่าเป็นหลียางที่กล่าวคำเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม นางค่อนข้างสับสนมาก “ทำไมศิษย์พี่ของเขา ถึงกล่าวคำเช่นนั้นกับข้า?”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องเล็ก หมิง ดูแลตัวเองด้วย” หลียางยิ้มขณะที่ยืนอยู่ด้านนอกค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ และนางก็โบกมืออันประณีตของนาง ขณะที่นางกล่าวลาพวกเขา

โอม!

คลื่นผันผวนอันลึกลับและคลุมเครือดังกึกก้องจากภายในค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ และจากนั้นร่างของพวกเขาก็หายไป

อย่างไรก็ตาม เสียงหนึ่งได้ยิงตรงเข้าสู่หูของหลียาง ก่อนที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติจะเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ “ศิษย์พี่หญิง อย่าได้คิดมากและเข้าใจผิด”

ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของหลียางก็แข็งทื่อ จากนั้นใบหน้าที่งดงามไม่มีใครเทียบได้ของนางก็ปกคลุมไปด้วยความโกรธและความลำบากใจ

เฉินซีจำได้ว่าเขาใช้พลังจุดจบเมื่อเขาฆ่าเหลิ่งซิงหุน!

มันไม่ได้เพียงแค่บดขยี้วิญญาณของเหลิ่งซิงหุนเท่านั้น แต่ยังทำลายศพของเหลิ่งซิงหุนอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เหลิ่งซิงหุนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!

แต่เขามาทำอะไรที่นี่?

เมื่อเฉินซีมองอย่างระมัดระวัง หัวใจของเขาก็สั่นไหวอีกครั้ง เพราะเหลิ่งซิงหุนครอบครองพลังของจ้าวเอกภพเก้าดารา!

ยิ่งกว่านั้น กลิ่นอายของเหลิ่งซิงหุนแสดงให้เห็นราง ๆ ของการบรรลุความสมบูรณ์!

มันเกิดอะไรขึ้น?

เป็นเพราะความเกื้อหนุนของตราประทับยุคสมัยและพลังของโลกต้นกำเนิดที่ทำให้การบ่มเพาะของข้าก้าวหน้าเร็วขึ้นมาก แต่แล้วเขาล่ะ?

เห็นได้ชัดว่าเขาถูกฆ่าตายไปนานแล้ว ทว่าไม่เพียงแต่เขากลับมามีชีวิตอีกครั้งในตอนนี้ แม้แต่การบ่มเพาะของเขาก็ทะลุทะลวงไปถึงขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราแล้ว นี่มันไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยเหรอ?

ทันใดนั้น ความคิดมากมายก็เกิดขึ้นในใจของเฉินซี พลางหรี่ดวงตาลง

ทั้งหมดนี้ใช้เวลาในการอธิบาย แต่มันก็เกิดขึ้นในพริบตา หลังจากที่มหาเทพเต๋าซูถัวปรากฏตัวที่นี่พร้อมกับเหลิ่งซิงหุนและสตรีในชุดหลากสีคนนั้น พวกเขาทั้งหมดก็จ้องมองไปที่กลุ่มของเฉินซี

“ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้พบนายท่านใหญ่ที่นี่จริง ๆ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแท้จริง” ซูถัวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และดวงตาที่ขุ่นมัวของเขาก็กวาดไปทางอู๋เซวี่ยฉานโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่มันจะลงมาที่เฉินซี

ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าก็แผ่พุ่งออกมาจากภายในดวงตา “เจ้าหนูนั่นก็เช่นกัน เราพบกันอีกแล้ว!”

“ซูถัว ข้าได้ยินมาว่า ศิษย์น้องของข้าเกือบถูกเจ้าฆ่าในขณะที่กลับมาจากแดนมารดากำเนิดบรรพ์ จริงหรือไม่?” อู๋เซวี่ยฉานขยับตัว เพื่อยืนขวางหน้าเฉินซีและหมิง ในขณะที่กล่าวอย่างไม่แยแส ดวงตาอันเงียบสงบและเมินเฉิยของเขาก็พลุ่งพล่านด้วยความเย็นยะเยียบ

“เฮ้อ ข้าแก่แล้วและหลง ๆ ลืม ๆ ข้าจำบางเรื่องไม่ได้จริง ๆ” ซูถัวทอดถอนใจด้วยเสียงแหบแห้งและทุ้มต่ำ ซึ่งทำให้หัวใจรู้สึกหนาวเย็น

“โอ้? ถ้าอย่างนั้น เจ้าต้องการให้ข้าช่วยกระตุ้นความทรงจำของเจ้าหรือไม่?” ท่าทางของอู๋เซวี่ยฉานเริ่มไม่แยแสมากขึ้น ในขณะที่จักรวาลและหมอกเพลิงเปล่งประกายในวัฏจักรแห่งการรังสรรค์และการทำลายล้างในดวงตา มันเป็นภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น ผมสีขาวเหมือนหิมะของเขาเริ่มปลิวไสวโดยไม่ต้องลมใด ๆ ในขณะที่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่แทบจะบดขยี้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่นี้ ก็แผ่ซ่านออกมาจากภายในตัวอย่างเงียบ ๆ

“นายท่านใหญ่ โปรดสงบสติอารมณ์เถิด” ซูถัวโบกมือและกล่าวช้า ๆ “ถ้าเราต่อสู้กันตอนนี้ แล้วเราจะมีเวลาพาผู้เยาว์เหล่านี้ไปยังแดนมารดากำเนิดบรรพ์ และเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถีได้อย่างไร?”

ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้กล่าวไป หัวใจของเฉินซีและคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความตกใจ นิกายอำนาจเทวะก็เข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถีด้วยเหรอ?

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]