บทที่ 2094 กระจ่างชัด
………………..
บทที่ 2094 กระจ่างชัด
ฟ้าดินไร้ขอบเขตปกคลุมด้วยสีเทาราวกับขี้เถ้า
ร่างหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังขณะโซ่ศักดิ์สิทธิ์จากกฎแห่งเต๋าสวรรค์นับไม่ถ้วนไหลหลั่งไปทั่วร่างกาย ทำให้ดูสูงส่ง คลุมเครือ ไร้ที่สิ้นสุด
อีกร่างนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น เขามีรูปร่างเตี้ยผอมไม่สะดุดตา แต่กลับมีกลิ่นอายโอ่อ่าไร้พรมแดน
คนแรกคือจ้าวนิกายอำนาจเทวะ
คนหลังคือหลิวเซินจีผู้เป็นจ้าวสำนักเต๋า
สองคนนี้ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่อาจกล่าวได้ว่าทรงพลัง พวกเขาหลงเหลือตำนานนับไม่ถ้วนเอาไว้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน!
“ตาเฒ่าหลิว เจ้าก็รู้ว่าต่อให้ทำลายร่างเจตจำนงไปก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร เช่นนั้นเหตุใดถึงยังพูดเรื่องความเป็นความตายในตอนนี้?”
เสียงของจ้าวนิกายอำนาจเทวะราวกับไม่มีตัวตน ทุ้มต่ำ ปราศจากอารมณ์และเต็มไปด้วยความโอ่อ่าสูงสุด
“อย่างน้อยความตายของข้าในครั้งนี้มากพอจะทำให้สำนักเต๋ากลายเป็นสถานที่แห่งภัยพิบัตินิรันดร์”
หลิวเซินจีเผยรอยยิ้มเฉยชาขณะสีหน้าราบเรียบไม่มีวี่แววของความสั่นคลอน “แต่ยากหน่อยนะ”
แกร๊ง แกร๊ง
ขณะทั้งสองสนทนา กลุ่มโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชากลายเป็นแสงเคลื่อนลงมาจากท้องนภา แม้พวกมันเคลื่อนเข้าหาหลิวเซินจีประหนึ่งสายฟ้า แต่ทำได้เพียงสร้างประกายไฟจำนวนมากเท่านั้น
หลิวเซินจีคล้ายกับสังเกตเห็นทั้งหมดนี้จึงพึมพำกับตัวเอง “หรือว่าเจ้าสามารถเลือกผนึกกำลังกับจี้ซิงถังก็ได้ หากทำแบบนั้นอาจจะบรรลุขั้นนี้ได้ภายในสิบปี แต่จากการคาดเดาของข้า เจ้าคงไม่กล้าเสี่ยงอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรเขาเทพพยากรณ์กับตำหนักเต๋าหนี่หวาก็กำลังจับตาดูอยู่”
จ้าวนิกายอำนาจเทวะฟังอย่างเงียบงันโดยไม่ขัดกลางคัน จนกระทั่งหลิวเซินจีพูดจบ เขาจึงเอ่ยคำอย่างเฉยชา “เจ้าพูดถูก”
หลิวเซินจียกยิ้มเหยียดหยัน “เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อสนทนาหรอกใช่หรือไม่?”
จ้าวนิกายอำนาจเทวะไม่ตอบ เขาเดินมาข้างหน้าแล้วนั่งอยู่ในห้วงอากาศอย่างเฉยเมย ในสายตาของเขา บัญชาเต๋าสวรรค์กำลังโคจรประหนึ่งท้องนภาดาราจำนวนมากที่สาดแสงสว่างลึกลับ
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดจ้าวนิกายอำนาจเทวะก็เอ่ยคำ “ในบรรดาผู้เฒ่าอย่างพวกเรา เจ้า หลิวเซินจี คือคนที่ธรรมดาและหัวรั้นมากที่สุดแต่กลับสามารถบ่มเพาะมาได้ถึงขั้นนี้ ทำเอาข้าประหลาดใจเหลือเกิน”
ในตอนนี้ จ้าวนิกายอำนาจเทวะพลันเปิดปาก “เจ้าคิดว่าครั้งนี้จะหนีรอดปลอดภัยงั้นหรือ?”
หลิวเซินจียังคงสงบขณะเอ่ยคำ “อย่างน้อยก็ร้อยปี”
“เพียงพริบตาก็ผ่านไปร้อยปีแล้ว ความพยายามของเจ้าย่อมถูกกำหนดให้ไร้ประโยชน์”
เสียงของจ้าวนิกายอำนาจเทวะเฉยชาประหนึ่งปรมาจารย์ผู้ประกาศความเป็นความตาย
“แม้จะแค่เพียงพริบตา แต่จะพลิกสถานการณ์ไม่ได้เชียวหรือ?”
หลิวเซินจียิ้ม
“เป็นไปไม่ได้”
จ้าวนิกายอำนาจเทวะลุกขึ้นเดินเอามือไพล่หลัง โดยสายตาเหม่อมองท้องนภาสีเทาไกลออกไป “ขอเพียงศึกผู้พิทักษ์วิถีเริ่มขึ้น ตัวแปรทั้งหมดก็จะถูกกำจัดจนสิ้น”
คำพูดดังกล่าวสงบนิ่งราวกับกำลังเอ่ยความจริง
“โห?” หลิวเซินจียิ้มแต่ไม่เอ่ยคำอะไร
“เจ้าเหมือนกับพวกเขาเทพพยากรณ์ที่พยายามป้องกันไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยการฝากความหวังไว้ที่ตัวแปรน้อยนั่นน่ะหรือ?”
จ้าวนิกายอำนาจเทวะพลันเอ่ยคำ
แม้คำพูดจะไม่เจาะจงว่า ‘ตัวแปรน้อย’ ที่ว่าคือใคร แต่หลิวเซินจีคล้ายกับเข้าใจในฉับพลันจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะราวกับคนโง่ “เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง?”
ดวงตาของจ้าวนิกายอำนาจเทวะลึกล้ำราวกับจักรวาลที่กำลังตีความการสรรค์สร้างแห่งฟ้าดิน จากนั้นจึงเอ่ยอย่างเฉยชา “ตาเฒ่าหลิวคิดว่าข้าจะไม่ให้ความสนใจเด็กคนนั้นงั้นหรือ?”
ก่อนหลิวเซินจีจะทันได้พูดอะไร จ้าวนิกายอำนาจเทวะก็เอ่ยคำ “พวกเจ้าล้วนผิดมหันต์ ตั้งแต่ข้าผู้นี้ลืมตาเกิดมา ทุกการกระทำของเขาก็อยู่ในสายตาแล้ว”
“ถึงอย่างไร เขาเป็นคนเดียวในโลกที่ได้รับแผนภาพวารีหลาก ระเบียนแดนมรณะและพู่กันพิพากษามาร มีเพียงเขาที่สามารถทะลวงประตูสู่วันโลกาวินาศได้โดยไม่ตาย ความผิดปกติเช่นนั้น ข้าจะละเลยได้อย่างไร”
ไม่ทราบได้ว่าหลิวเซินจีคิดอะไรอยู่ เขาเพียงพยักหน้าแล้วเอ่ยคำ “สหายตัวน้อยนามว่าเฉินซียอดเยี่ยมยิ่งนัก”
จ้าวนิกายอำนาจเทวะถึงกับเห็นด้วยต่อเรื่องนี้ก่อนจะเอ่ยคำอย่างมีอารมณ์ที่หาได้ยาก “แน่นอนว่าเขายอดเยี่ยม ทันทีที่เกิดขึ้นมาก็ครอบครองชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากที่ถูกขัดเกลาโดยเต๋าสวรรค์จนกลายเป็นตัวอักษร ‘เต๋า’ ใช่ว่าทุกคนจะสามารถมีโอกาสเช่นนี้ได้”
ในตอนนี้ หลิวเซินจีหรี่ตาโดยไม่รู้ตัวพลางเอ่ยคำ “ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เหตุใดถึงไม่ปิดฉากตั้งแต่ต้นเล่า?”
จ้าวนิกายอำนาจเทวะส่ายหน้า “ถ้าทำแบบนั้นก็น่าเบื่อแย่”
หลิวเซินจียิ้มหยัน “ข้าคิดว่าเจ้าคงมีแผนอื่นสินะ”
จ้าวนิกายอำนาจเทวะไม่เห็นด้วยหรือปฏิเสธขณะเอ่ยอย่างเฉยชา “สรุปก็คือแม้เขาจะมีความผิดปกติมากมาย แต่คงใช้เวลาไม่นานนักก่อนจะถูกกวาดล้างไปจากโลกใบนี้จนสิ้น หากตายเมื่อไหร่ ความผิดปกติทั้งหมดก็จะหายไปไม่ใช่หรือ?”
หลิวเซินจีเงียบสักพักก่อนเปิดปาก “เจ้ามาที่นี่เพียงเพื่อจะบอกเรื่องนี้กับข้าหรือ?”
จ้าวนิกายอำนาจเทวะส่ายหน้า “ข้าเพียงอยากบอกว่ามันยังไม่สายเกินไปถ้าเจ้ายอมจำนนในตอนนี้ หากรอจนกว่าจะออกจากมาตุภูมิหมื่นวิถีก็คงสายเกินแก้”
หลิวเซินจีคล้ายกับไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนี้ ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยคำ “เช่นนั้นก็ต้องรอจนกว่าเจ้าจะออกมาจากมาตุภูมิหมื่นวิถีใช่หรือไม่?”
จ้าวนิกายอำนาจเทวะจับจ้องหลิวเซินจีพักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจ “ช่างดื้อด้านเสียจริง”
สิ้นคำ เขาหันหลังแล้วจากไป
“ช้าก่อน”
เห็นได้ชัดว่าอู๋เซวี่ยฉานตกตะลึงก่อนจะเอ่ยทันที “เมื่อศึกผู้พิทักษ์วิถีเริ่มขึ้น สถานการณ์บนภูเขาผนึกเทพอาจจะต่างออกไปก็ได้”
สิ้นคำ พวกเขาก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วทะยานออกไป ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็เห็นแดนมารดากำเนิดบรรพ์ขนาดใหญ่ลอยอยู่ในท้องนภาดารา
ซู่!
คราวนี้เฉินซีใช้ตราคำสั่งอย่างชำนาญ มันกลายเป็นลำแสงแล้วพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของห้วงมิติบนพื้นผิวของแดนมารดากำเนิดบรรพ์ก่อนจะหายไป
เฉินหลิงคงซึ่งเป็นบรรพชนของตระกูลเฉินเป็นผู้มอบตราดังกล่าวให้ในตอนออกจากตระกูลเฉินคราวที่แล้ว ขอเพียงทำการขยี้มันก็จะสามารถเข้าสู่ ‘โลกภูมิเก้าวิญญาณ’ ที่ตระกูลเฉินอยู่ได้อย่างราบรื่น
ไม่ช้า หมอกควันสีเทาบริเวณทางเข้าของห้วงมิติก็จางหายอย่างเงียบงัน ก่อนจะเผยให้เห็นเส้นทางทั้งหมด
“ไป!”
อู๋เซวี่ยฉานสะบัดแขนเสื้อขณะนำเฉินซีและหมิงเข้าสู่ห้วงมิติก่อนจะหายไป
ผ่านไปสักพัก ห้วงอากาศบริเวณที่พวกเฉินซีเคยอยู่ก็ผันผวน แล้วร่างของมหาเทพเต๋าซูถัว เหลิ่งซิงหุนกับผู้หญิงในชุดสีสันสดใสก็ก้าวออกมา
“พวกเขาตระเตรียมให้เจ้าหนูน้อยนั่นไปต่อสู้ในนามของตระกูลเฉินจริงด้วย…”
แสงสว่างวาบไหวในดวงตาหมองหม่นของมหาเทพเต๋าซูถัว แล้วร่างของเขาก็วูบไหวก่อนจะพุ่งเข้าสู่ห้วงมิติอีกแห่งบนพื้นผิวของแดนมารดากำเนิดบรรพ์พร้อมกับเหลิ่งซิงหุนและผู้หญิงในชุดสีสันสดใส
…
ท้องนภาเป็นสีคราม หมู่เมฆสีขาวประหนึ่งปุยฝ้าย พลังโกลาหลอันหนาแน่นและบริสุทธิ์แผ่ซ่านไปทั่วฟ้าดิน
เมื่อมาถึงโลกภูมิเก้าวิญญาณอีกครั้ง เฉินซีสัมผัสได้ว่ามันแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิงขณะรู้สึกคาดหวังอยู่เล็กน้อย
แม้ไม่คาดหวังว่าตระกูลเฉินจะเปลี่ยนท่าที แต่เขาก็ยังตั้งตารอที่จะได้พบกับครอบครัวอีกครั้ง!
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ขอเพียงสามารถรอดจากศึกผู้พิทักษ์วิถีครั้งนี้ได้ เขาก็สามารถพาครอบครัวออกจากตระกูลเฉินตามข้อตกลงระหว่างตนเองกับเฉินไท่จงได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นนายท่านใหญ่กับสหายน้อยเฉินซีจริงด้วย”
เสียงหัวเราะเริงร่ามาจากระยะไกล ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของเฉินไท่จงก็ปรากฏขึ้นจากอากาศ
เมื่อเห็นเฉินซีกับอู๋เซวี่ยฉาน รอยยิ้มบนใบหน้าซีดเผือดก็ปรากฏอย่างไม่ปิดบัง เขาคล้ายกับมีความสุขยิ่งที่พวกเฉินซีมาตามสัญญา
“เอาละ โปรดตามข้ามา”
หลังจากกล่าวคำทักทาย เฉินไท่จงก็พาพวกเฉินซีมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง
ระหว่างทาง เฉินไท่จงไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไปก่อนจะเอ่ยคำ “ตอนนี้ทุกสิ่งเกี่ยวกับศึกผู้พิทักษ์วิถีเตรียมพร้อมแล้ว ข้าจะนำรายชื่อของผู้เข้าร่วมศึกดังกล่าวมาให้ดู เจ้าลองไล่ดูทีละคนก่อน จากนั้นค่อยหารือเกี่ยวกับเรื่องการเข้าร่วมสงครามอย่างละเอียด”
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...