บทที่ 2095 คู่ต่อสู้
………………..
บทที่ 2095 คู่ต่อสู้
แดนมารดากำเนิดบรรพ์
โลกภูมิโรจน์อัคคี
มันคือถิ่นอาศัยของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าชั้นสูง ตระกูลซุ่ยเหริน
วิ้ง
รัศมีสีชาดปกคลุมท้องนภา แล้วจึงก่อตัวเป็นหนึ่งร่างสูงใหญ่ทรงพลัง ทันทีที่เขาปรากฏขึ้น แรงกดดันจากกายเขาก็ปกคลุมทั่วฟ้า จวนเจียนขยี้สุญตาแหลกร้าว
เขาคือผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลซุ่ยเหริน ยอดฝีมือสูงสุดอันมีการบ่มเพาะเกินธรรมดา ณ ขอบเขตมหาเทพเต๋าซุ่ยเหรินจิ้งไห่!
ผิวกายของเขาเรืองประกาย โชติช่วงด้วยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เฉิดฉัน ดวงตาดุจวังวนเรืองโรจน์ ประหนึ่งจะผลาญแผดท้องนภาได้ทุกเมื่อ
ขณะนี้ ซุ่ยเหรินจิ้งไห่ยืนตระหง่านบนท้องฟ้า ทอดสายตาสู่ท้องนภาพร่างพราวจากแสนไกล ท้องนภาพร่างพราว ณ จุดนั้นพลุ่งพล่านดุจท้องสมุทร ขณะที่หมู่ดาวภายในเจิดจรัสเยี่ยงอัคคี ดูไม่ต่างจากท้องนภาโรจน์เพลิง
เขาจ้องมองมันอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ขวงหลัน ถึงเวลาออกจากการปิดด่านแล้วนะ!”
เสียงของเขาไพเราะกังวาน และทรงพลังดุจดาบกระบี่ กึกก้องไปทั่วทิศ
ทว่าบริเวณรอบข้างกลับเงียบงันไปแสนนานหลังวาจานั้น ไร้ผู้ใดตอบกลับมา
ซุ่ยเหรินจิ้งไห่ขมวดคิ้ว คลื่นอัคคีโหมกระหน่ำในดวงตาดุจวังวน ดูไม่ต่างจากบรรจุสองตะวันผลาญอยู่ภายใน แผ่อำนาจกดดันยิ่งใหญ่
“ในศึกผู้พิทักษ์วิถีหนก่อน เจ้าบอกยังไม่ถึงเวลา ตั้งใจปิดด่านบ่มเพาะต่อไปเพื่อแสวงขอบเขตบ่มเพาะสูงสุดอันไร้ที่ติ ศึกผู้พิทักษ์วิถีจะเวียนมาอีกหนอยู่แล้ว หรือจะยังไม่ถึงเวลาอีกเช่นกัน?” ซุ่ยเหรินจิ้งไห่เปิดปากอีกครั้งด้วยเสียงแผ่วเบา
แต่ก็ยังไร้คำตอบกลับ
ซุ่ยเหรินจิ้งไห่อดแค่นเสียงเย็นชามิได้ ดูประหนึ่งหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เพียงครู่ต่อมาก็พูดว่า “ตระกูลตัดสินใจแล้วว่า ขอเพียงเจ้าเข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถีครั้งนี้ เจ้าจะถูกขึ้นนามเป็นทายาทอันดับหนึ่งของตระกูล!”
ไม่ทันขาดคำ หนึ่งเสียงหัวเราะร่าก็สนั่นออกมาจากท้องนภาพร่างพราวอันดูประหนึ่งทะเลเพลิงนั้น ฟังประหนึ่งเสียงคำรามของสัตว์ร้ายบรรพกาลผู้จำศีลมาแสนนาน กึกก้องเลื่อนลั่นทั่วทิศ!
หลังจากนั้น ท้องนภาในบริเวณนั้นพลันสั่นไหว ดวงดาวเจิดจรัสมากมายหลอมรวมเข้าหากัน ค่อย ๆ ก่อเป็นหนึ่งลักษณ์อันมโหฬารอย่างยิ่ง!
ร่างนั้นมโหฬารยิ่งนัก ปกคลุมท้องนภาพร่างพราว ดูดซับดวงดาวมากมายเข้าสู่ร่าง เปลวเพลิงเรืองรองเจืออัสนีวูบไหว ดูประหนึ่งภูเขาไฟลอยฟ้าอันตื่นจากหลับใหล!
เปลวเพลิงบนร่างนั้นพล่านแผดเฉิดฉัน ขณะเดียวกันนั้น ร่างอันปกคลุมด้วยดวงดาวก็เริ่มหดตัวลง….
ท้ายที่สุด มันก็กลายเป็นชายร่างสูงหนึ่งจั้ง ปกคลุมกายมิดชิดด้วยเกราะสีชาด ดูประหนึ่งปรากฏขึ้นจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์
เส้นผมสีแดงโบกไสว ผิวกายขาวเรียบเนียน ดวงตาดุจหุบเหวเปลวเพลิง ที่หน้าผากประทับลวดลายเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นอักษร ‘山’ อันหมายถึงภูเขา ปราณแผดผลาญประหนึ่งคิดทลายโลกา
เพียงแรกชำเลือง ก็อดคิดถึงคำชมมากมายอย่างเทพอัคคี! นายเหนือแห่งเปลวเพลิง! ราชันเพลิง อะไรเช่นนี้ขึ้นมามิได้!
เมื่อเขาปรากฏกาย ท้องนภาพร่างพราวอันดูเหมือนทะเลเพลิงนั้นก็แหลกเป็นเถ้า ว่างเปล่าไม่เหลือสิ่งใด
เขาคือซุ่ยเหรินขวงหลัน!
ตัวตนอัศจรรย์ซึ่งเกิดจากต้นกำเนิดมวลอัคคีในความโกลาหล เป็นตัวตนในตำนานของตระกูลซุ่ยเหริน
ต่อให้พินิจในหมู่จ้าวเอกภพจากตระกูลชั้นสูงทั่วแดนมารดากำเนิดบรรพ์ เขาก็ยังเจิดจรัสในจุดสูงสุด
สายตาของซุ่ยเหรินจิ้งไห่อดเกิดประกายประหลาดใจและชื่นชมเล็กน้อยมิได้ยามเห็นว่าซุ่ยเหรินขวงหลันปรากฏตัวเสียที เขาทอดถอนใจ “ขวงหลัน เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าเป็นจ้าวเอกภพเก้าดาราในระดับใดแล้ว กระทั่งข้ายังด้อยกว่าเจ้ายามบ่มเพาะในขอบเขตเดียวกันเมื่อกาลก่อน”
“ฮึ! พอทีเถอะ! แค่ตำแหน่งทายาทตระกูลอันดับหนึ่งนั้นยังห่างไกลเกินพอจะให้ข้าออกจากการปิดด่านไปร่วมศึก” ซุ่ยเหรินขวงหลันแค่นเสียงเย็นชา แม้จะเผชิญหน้าผู้นำของตระกูลซุ่ยเหริน ตัวตนเกินธรรมดาในขอบเขตมหาเทพเต๋า เขาก็ยังไม่ไว้หน้าเกรงใจแม้แต่น้อย
เปลือกตาของซุ่ยเหรินจิ้งไห่กระตุก แต่มิได้เดือดโทสะ “ศึกผู้พิทักษ์วิถีที่กำลังจะถูกจัดขึ้นครั้งนี้กล่าวได้ว่าเป็นประวัติการณ์ มีความนัยแฝงยิ่งใหญ่ ความแข็งแกร่งของเขาเพียงพอชิงโอกาสยิ่งใหญ่จากมันได้ การบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าก็จะง่ายราวพลิกฝ่ามือ”
สีหน้าของซุ่ยเหรินขวงหลันเย็นชาขึ้นเล็กน้อย ดูไม่คิดชอบใจสักนิด กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ว่าด้วยเงื่อนไขดีกว่า”
ซุ่ยเหรินจิ้งไห่ยิ้มเจื่อนทันใด พึมพำว่า “เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ก็ได้ เอาคทาผู้บุกเบิกนี่ไป!”
ว่าแล้ว เขาก็พลิกฝ่ามือ เผยคทาไม้ดำสนิทด้ามหนึ่ง ยาวสามฉื่อ กว้างสองช่วงนิ้ว ดูราวทำมาจากไม้ไหม้เกรียม มันลอยขึ้นตรงหน้าเขา แล้วแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งไปหาซุ่ยเหรินขวงหลันอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
ซุ่ยเหรินขวงหลันคว้ามันไว้ ฝ่ามือออกแรง ทำให้คทาสีดำสนิทซึ่งเดิมดูไร้ความพิเศษเปล่งปราณอ้างว้างเก่าแก่ออกมากะทันหัน ก่อนที่มวลดาราจะโบยบินร่ายระบำ เผยภาพอันลึกล้ำไร้ขอบเขต ทำให้รอบทิศรวนเร
พริบตานั้น ดวงตาของซุ่ยเหรินขวงหลันเรืองประกาย “นี่คือสมบัติล้ำค่าที่ผู้ก่อตั้งตระกูลทิ้งไว้หรือ? ดี!”
รอยยิ้มบ้าบิ่นเผยขึ้นที่มุมปากของซุ่ยเหรินขวงหลัน โพล่งถามเฉียบพลัน “ชื่อฉู่เกอก็มาด้วยหรือไม่?”
ซุ่ยเหรินจิ้งไห่เหมือนจะคาดคำถามนี้ไว้แล้ว เขาตอบโดยไม่หยุดคิด “ชื่อฉู่เกอตอบตกลงเมื่อปีก่อนแล้ว”
ชื่อฉู่เกอเป็นตัวตนโด่งดังจากตระกูลชื่อ ถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอด ‘หอกโบราณตระกูลชื่อ’ นับแต่กำเนิดมา ยามนี้ เขาถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งระดับจ้าวเอกภพเก้าดาราของตระกูลชื่อ!
หอกนี้ยังมีอีกนามอันเลื่องลือกว่า หอกเพลิงโลหิตย้อมนภา!
หนึ่งคนหนึ่งหอก หนึ่งพื้นที่บ่มเพาะ
ชื่อฉู่เกอดูคุ้นชินกับวิถีชีวิตของการเข่นฆ่า บ่มเพาะ และเช็ดเลือดบนหอกด้วยตนเอง
นี่แหละสิ่งที่เขาแสวงหาในใจ
นอกจากนั้น เขาก็เฉยชากับทุกสิ่ง
ทว่าวันนี้ ชื่อฉู่เกอไร้ทางเลือกนอกจากต้องรอที่นี่ เพราะเขาตกลงเข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถีที่จะเกิดขึ้น!
“หวังว่ามันจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนักนะ….” ชื่อฉู่เกอละสายตาที่จับจ้องหอกเพลิงโลหิตย้อมนภานิ่งงันขณะพึมพำ
ขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งก็แว่วมาไกล ๆ ชื่อฉู่เกอลดสายตาลงเช็ดหอกเพลิงโลหิตย้อมนภาต่อไป
“ฉู่เกอ เรื่องตกลงชัดเจนแล้ว นี่คือผู้ที่ผู้นำตระกูลอยากให้เจ้าฆ่าระหว่างศึก” ชายวัยกลางคนผู้สง่างามในอาภรณ์ม่วงคนหนึ่งเดินมาหา เห็นได้ชัดว่าเขาก็เป็นจ้าวเอกภพเก้าดาราเช่นกัน แต่ก็ยังอดเผยความนับถือ สงวนกิริยาจากใจมิได้ยามเผชิญหน้าชื่อฉู่เกอที่กำลังตั้งอกตั้งใจเช็ดถูหอกเพลิงโลหิตย้อมนภา
เขาถือม้วนกระดาษม้วนหนึ่งไว้ในมือ
ชื่อฉู่เกอมิได้หันมาด้วยซ้ำ แต่ม้วนกระดาษนั้นราวได้รับเชิญ จู่ ๆ ก็พุ่งขึ้นสู่เวหาแล้วคลี่ตัวออกมาเอง
บนนั้นมีอักขระโบราณเขียนไว้เพียงแถว ตระกูลชั้นกลาง ตระกูลเฉิน เฉินซี!
ชายวัยกลางคนสังเกตเห็นชัดเจนว่าชื่อฉู่เกอขมวดคิ้ว เหมือนงุนงง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่ดี
“ฉู่เกอ แม้เขาจะมาจากตระกูลชั้นกลาง แต่ก็เป็นพวกนอกคอก มิใช่เพียงตระกูลชื่อเรา ผู้เข้าร่วมจากตระกูลชั้นสูงคนอื่น ๆ ก็หมายหัวเขาอยู่เช่นกัน” ชายวัยกลางคนชุดม่วงอธิบายเสียงเบา ดูกลัวนักว่าจะไปทำให้ชื่อฉู่เกอหงุดหงิดรำคาญ
“ข้าเข้าใจแล้ว” ชื่อฉู่เกอกล่าวเสียงเรียบ นับแต่บทสนทนาเริ่มต้น ชื่อฉู่เกอมิได้ละสายตาจากหอกเพลิงโลหิตย้อมนภาเลย
ชายวัยกลางคนตะลึงไปอย่างเห็นได้ชัด คิดในใจว่าเขาไม่สงสัยหรือ ว่าเหตุใดจึงถูกขอให้หมายหัวทายาทผู้หนึ่งของตระกูลชั้นกลาง?
แม้เขาจะคิดเช่นนี้ในใจ ชายวัยกลางคนก็มิกล้าอยู่ต่อ เขากุมกำปั้นคำนับชื่อฉู่เกอแล้วจากไปเงียบ ๆ
นี่แหละชื่อฉู่เกอ เขาเป็นตัวตนไร้เทียมทานอันหมกมุ่นในโลกของตน เมินเฉยต่อเรื่องอื่นใด
และเขาก็เฉยชาสมบูรณ์เช่นกันว่าเฉินซีเป็นใครกันแน่ หรือเหตุใดตระกูลชั้นสูงทั้งห้าจึงร่วมมือกันหมายหัวคนผู้นี้
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...