เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2097

บทที่ 2097 การตัดสินใจ

………………..

บทที่ 2097 การตัดสินใจ

เฉินไท่ชงเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเฉิน และเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งได้บรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋ามานานแล้ว ดังนั้นเรื่องที่ทำให้ตัวตนเช่นนี้ลังเล ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา

อู๋เซวี่ยฉานชำเลืองมองเฉินไท่ชง “สหายเต๋า มีอะไรก็พูดมาเถิด?”

เฉินไท่ชงทอดถอนใจ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะกล่าว “ความจริงตามข้อมูลที่ข้าได้รับ ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เข้าร่วมทั้งหมดจากห้าตระกูลระดับสูงได้ยึดหมายหัวเฉินซีเอาไว้แล้ว”

อู๋เซวี่ยฉานเลิกคิ้วขึ้น

ในขณะเดียวกัน หมิงที่ยังคงเงียบจนถึงตอนนี้ก็ขมวดคิ้วฉับ “ว่าอะไรนะ?”

ไม่ใช่ว่าเฉินไท่ชงไม่ชัดเจน แต่เป็นเพราะข้อมูลชิ้นนี้น่าตกใจเกินไป เพราะนั่นคือ ผู้เยี่ยมยุทธ์ห้าคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา!

ทุก ๆ คนถือได้ว่าเป็นบุตรที่ได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์ในหมู่เทพโดยกำเนิด ตอนนี้พวกเขาได้หมายหัวเฉินซีพร้อมกัน นี่ไม่ใช่แค่การคัดเฉินซีออกจากการแข่งขันเท่านั้น แต่หมายถึงเอาชีวิต!

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ยังคงความนิ่งสงบเอาไว้

เฉินไท่ชงเก็บความลับนี้ไว้ในใจมาเป็นเวลานาน และมันก็เหมือนกับก้อนเนื้อติดอยู่ในลำคอของเขา เมื่อได้เริ่มจึงกล่าวต่ออย่างตรงไปตรงมา “ข้ารู้ว่านี่ไม่ยุติธรรมกับเฉินซีเลยสักนิด แต่ข้าก็ไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี่ สีหน้าของเขาก็ดูเย็นชาเล็กน้อย “ถ้าน้องเฉินซีไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วม มันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจ ข้าจะขอให้เต้าหยวนเข้าร่วมแทน ข้าคิดว่าตระกูลอื่นจะไม่คัดค้านเรื่องนี้”

อู๋เซวี่ยฉานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สหายเต๋า เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนออกคำสั่งนี้”

คิ้วของเฉินไท่ชงขมวดแน่น ขณะที่ความเศร้าโศกปรากฏขึ้นบนใบหน้า “นั่นคือสิ่งที่ทำให้ข้าสับสนจริง ๆ แม้ว่าพวกเขาจะทราบอย่างชัดเจนถึงตัวตนของเฉินซี แต่พวกเขาไม่น่ามีความเห็นที่เป็นเอกฉันท์เช่นนี้”

“อาจจะเป็นฝีมือของนิกายอำนาจเทวะ?” เฉินซีกล่าวทันที

“นิกายอำนาจเทวะไม่มีความสามารถเช่นนั้น” อู๋เซวี่ยฉานครุ่นคิด “ไม่มีทางเป็นไปได้”

“ท่านหมายความว่าอะไร?” เฉินไท่ชงกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะตัวตนของศิษย์น้องเล็กมีเอกลักษณ์เกินไป เขาเป็นผู้ช่วงชิงในยุคนี้ และเป็นผู้ครอบครองแผนภาพวารีหลาก ประกอบกับเป็นตัวแปรที่ท้าทายสวรรค์ในสายตาของเต๋าแห่งสวรรค์”

อู๋เซวี่ยฉานไม่ได้ปิดบังและกล่าวเกี่ยวกับการอนุมานของตน “ข้าคิดว่าเจ้าคงทราบดีว่าตัวตนเช่นนี้แสดงถึงอะไรต่อตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์”

เฉินไท่ชงหรี่ตาลง ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา “จริง ๆ แล้วข้าก็พอจะเดาได้ แต่ข้าแค่ไม่คิดว่าจะเกิดผลเช่นนี้”

เฉินซีฉงน “เพราะเหตุใด?”

เพราะเฉินซีไม่เข้าใจเลยสักนิด

“ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ปกป้องภูเขาผนึกเทพ รวมทั้งกฎและระเบียบแห่งเต๋าสวรรค์ ดังนั้นผู้ช่วงชิงจึงเป็นคนนอกรีตของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ การดำรงอยู่ของผู้ช่วงชิงอาจเป็นภัยคุกคามที่อาจเป็นอันตรายต่อบัญชาเต๋าสวรรค์”

เฉินไท่ชงหายใจเข้าลึก และกล่าวช้า ๆ “หากเป็นในอดีต แม้ว่าตัวตนของเจ้าจะค่อนข้างไม่เหมาะสม แต่ก็จะไม่ทำให้เกิดความปั่นป่วนใด ๆ เพราะมีตัวแปรและคนนอกรีตมากมายเกินไปในใต้หล้า”

“แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เต๋าแห่งสวรรค์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด และสัญญาณของภัยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้ปรากฏขึ้น เมื่อรวมกับความพยายามของนิกายอำนาจเทวะในการเติมเชื้อไฟจากเงามืด มันคงไม่แปลกที่ตระกูลระดับสูงทั้งห้าจะหมายหัวเจ้า”

หลังจากได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจอย่างสมบูรณ์ เป็นตัวตนของข้าในฐานะผู้ช่วงชิงต่างหากที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้!”

อันที่จริง เฉินซีสามารถเดาได้หลังไตร่ตรองสักนิด เนื่องจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ปกป้องศักดิ์ศรีและระเบียบของแดนนภาผนึกเทพ

แต่เขากลับครอบครองแผนภาพวารีหลาก พลังสังสารวัฏและแก่นโลกต้นกำเนิด ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวแปรที่ไม่แน่นอน และเป็นคนนอกรีตในสายตาของนภาผนึกเทพ

เนื่องจากเขายังคงตั้งใจที่จะเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถี ในขณะที่อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจึงหวังใช้โอกาสนี้กำจัดเขา

เพียงชื่อของมันก็แสดงให้เห็นว่าเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ศึกผู้พิทักษ์วิถีถูกจัดขึ้น คือเพื่อปกป้องบัญชาเต๋าสวรรค์ซึ่งเป็นของนภาผนึกเทพ!

แต่เฉินซีก็เข้าร่วมในการต่อสู้เช่นนี้ เขาจึงกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่นมากที่สุด

แน่นอนว่า ห้าตระกูลระดับสูงคงไม่ทำการตัดสินใจที่เป็นเอกฉันท์เช่นนี้ หากนิกายอำนาจเทวะไม่ได้เติมเชื้อไฟจากเงามืด

ท้ายที่สุด ไม่ว่าตัวตนของเฉินซีจะพิเศษแค่ไหน เขาก็เป็นเพียงผู้ช่วงชิง และไม่ใช่ผู้ช่วงชิงเพียงคนเดียวที่ปรากฏตัวในโลกตลอดหน้าประวัติศาสตร์

ตัวอย่างเช่น ปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ฝูซี ก็เป็นผู้ช่วงชิงไม่ใช่หรือ? ปรมาจารย์แห่งยุคหมานกู่ เซวียน ก็เป็นผู้ช่วงชิงด้วยไม่ใช่หรือ?

“เฉินซี เจ้าตัดสินใจแล้วหรือยัง?” เฉินไท่ชงถาม

“ข้าตัดสินใจแล้ว และข้าจะไม่เปลี่ยนใจ” เฉินซีกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว เขาเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้มานานแล้ว ไม่ใช่แค่เพื่อประโยชน์ในการทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าเท่านั้น แต่ยังเพื่อประโยชน์ในการพาบิดามารดาของเขาออกจากตระกูลเฉินได้อย่างราบรื่น และสืบสวนความลับที่แท้จริงของ นภาผนึกเทพ

“เจ้าแน่ใจหรือไม่?” เฉินไท่ชงดูตื่นเต้นเล็กน้อย

“ศึกผู้พิทักษ์วิถีมีกำหนดจะเริ่มในอีกเจ็ดปีนับจากนี้

ในเวลานั้น เฉินไท่ชงจะนำเฉินซีไปที่ภูเขาผนึกเทพ เพื่อเข้าร่วมสุดยอดการต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบได้

เกี่ยวกับวิธีการจัดการศึกผู้พิทักษ์วิถี เขาจะเผชิญกับสภาพแวดล้อมและอันตรายประเภทใด หรือเขาควรคว้าโอกาสโดยบังเอิญสูงสุดที่แสวงหาท่ามกลางการแข่งขันที่โหดร้ายและโหดเหี้ยมได้อย่างไร เป็นสิ่งที่เฉินไท่ชงไม่ได้กล่าวถึง

เฉินไท่ชงเพียงแต่บอกเฉินซี ให้ถามเฉินหลิงจวิน ผู้เป็นบิดาเพื่อให้ได้คำตอบที่เขาต้องการ

ท้ายที่สุดแล้ว เฉินหลิงจวินเคยเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถีเมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่เขาจะกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง!

หลังจากที่พวกเขาสรุปการสนทนาแล้ว เฉินไท่ชงก็เดินทางไปพร้อมกับเฉินซีเพื่อไปเยี่ยมบิดามารดาของเขา

สำหรับอู๋เซวี่ยฉานและหมิง พวกเขารออยู่ภายในศาลาประทีปเมฆา เพราะพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถี และไม่คิดที่จะรบกวนเวลาครอบครัวของเฉินซี ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกรออยู่เฉย ๆ ดีกว่า

หลังจากที่เขาส่งเฉินซีไปพบกับเฉินหลิงจวินและจั่วชิวเสวี่ยแล้ว เฉินไท่ชงไม่ได้กลับไปที่ศาลาประทีปเมฆา แต่มายังพื้นที่หวงห้ามของตระกูลเฉินแทน

“เฉินซีเห็นด้วยแล้ว และการตัดสินใจครั้งนี้ยังได้รับการอนุมัติจากนายท่านใหญ่อีกด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราไม่มีทางถอนตัวได้แล้ว” เฉินไท่ชงเดินเข้าไปในดินแดนเร้นลับ และเขายืนท่ามกลางโลกที่ไร้ขอบเขตขณะที่เขากล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

“พี่ใหญ่ หากล้มเหลวตระกูลเฉินของเราจะต้องพินาศแต่เจ้าก็ยังยืนกรานที่จะทำเหรอ?” เสียงที่หนักแน่นเหมือนฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วโลก

ในเวลาเดียวกัน เสียงอื่น ๆ ก็ดังก้องอยู่ข้าง ๆ พวกเขาแสดงความเห็นด้วยความกังวลและอารมณ์ที่ซับซ้อนมากมาย

“ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว เมื่อครั้งหลิงจวินยังคงเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลของเรา ตระกูลเฉินก็มีโอกาสที่ดีมากที่จะก้าวเข้าสู่ตระกูลระดับสูง! แต่ดูตอนนี้สิ ไม่เพียงแต่เราสูญเสียหลิงจวินไป มันยังทำให้ตระกูลเฉินของเราไม่สามารถฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้นั้น และตกต่ำลงจนถึงปัจจุบัน ข้าไม่อยากให้เรื่องเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก!”

ในขณะนี้ เฉินไท่ชงดูเย่อหยิ่งและมีกลิ่นอายที่น่าประทับใจ เขาได้เผยความเด็ดเดี่ยวและความแน่วแน่อย่างเต็มที่ในฐานะมหาเทพเต๋า

ชั่วขณะหนึ่ง ฟ้าดินที่นี่ก็เงียบกริบ และไม่มีเสียงใดคัดค้านการตัดสินใจนี้แม้เพียงครึ่งคำ

เฉินไท่ชงหันหลังกลับและเดินจากไปเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ระหว่างทาง และแววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอันเย็นเฉียบ “เมื่อการต่อสู้ของศึกผู้พิทักษ์วิถีสิ้นสุดลง และหากเฉินซีสามารถกลับมาได้ พวกเจ้าทุกคนต้องทำเรื่องหนึ่ง จงสังหารคนทรยศคนนั้น เฉินหลิงคงที่สมรู้ร่วมคิดกับนิกายอำนาจเทวะ และปฏิเสธที่จะกลับตัว!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]