เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2099

บทที่ 2099 สิบสามข้ารับใช้เต๋า

………………..

บทที่ 2099 สิบสามข้ารับใช้เต๋า

หลังจากเงียบไปสักพัก เฉินไท่ชงก็นำเฉินซีตรงสู่ภูเขาผนึกเทพที่อยู่ไกลออกไป

ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงของบัญชาเต๋าสวรรค์ที่มาจากภูเขาผนึกเทพมากเท่านั้น ราวกับม่านแห่งบัญชาเต๋าสวรรค์ที่ปกคลุมไปทั่วจนเต็มไปด้วยความโอ่อ่าสูงสุด

แม้จะมีตัวตนขอบเขตมหาเทพเต๋าอย่างเฉินไท่ชงคอยนำทางก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ซึ่งทำให้พลังลมปราณทั่วร่างติดขัดเล็กน้อย

ภายหลัง แรงกดดันนี้ยิ่งมายิ่งน่าสะพรึงราวกับจะสามารถทะลวงเข้าสู่ส่วนลึกของวิญญาณจนแทบจะหายใจไม่ออก

เฉินซีต้องใช้การบ่มเพาะเพื่อคลายพลังคุกคามอันน่าสะพรึงนี้ เมื่อมองภูเขาผนึกเทพอีกครั้ง สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงตีนเขาผนึกเทพ บริเวณดังกล่าวเจิดจ้าและเต็มไปด้วยหมอกศักดิ์สิทธิ์กับบัญชาเต๋าสวรรค์ที่เคลื่อนผ่านไปมา ทำให้ไม่สามารถมองออกว่าอะไรจริงอะไรเท็จ

เฉินไท่ชงส่งตราคำสั่งให้เฉินซี จากนั้นชี้ไปที่หมอกข้างหน้า “เจ้าเพียงต้องกระตุ้นพลังในตราคำสั่งนี้ ถึงจะสามารถก้าวเข้าสู่แสงสีทองของมหาเต๋าได้ หลังจากเข้าไปแล้ว เจ้าจะถูกอัญเชิญโดยข้ารับใช้เต๋า ฝ่ายนั้นจะตระเตรียมทุกสิ่งให้”

เฉินซีมองตราคำสั่งในมือก่อนจะเห็นตัวอักษรเฉินโบราณและทรงพลังถูกสลักไว้บนพื้นผิวสีน้ำเงินเข้ม

เฉินไท่ชงถ่ายทอดคำสั่ง “เฉินซี จำไว้ว่าต้องระวังให้มาก อย่าละโมบในความสำเร็จ”

เฉินซีพยักหน้าก่อนจะถ่ายทอดธารพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในตราคำสั่ง ระลอกคลื่นพลันปรากฏในหมอกศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าที่อยู่ไกลลิบ แล้วสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์สีทองก็ปรากฏจากส่วนลึกของหมอกดังกล่าวก่อนจะปรากฏใต้เท้าของเฉินซี

“ผู้อาวุโส ลาก่อน”

เฉินซีสูดหายใจเข้าก่อนจะประสานมือให้กับเฉินไท่ชง จากนั้นจึงก้าวไปบนสายรุ้งสีทอง เพียงพริบตาร่างของเขาก็หายเข้าไปในส่วนลึกของหมอก

“ตระกูลเฉินจะอยู่หรือไปก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้ สหายตัวน้อย เจ้าต้องรอดกลับมาให้ได้…”

เฉินไท่ชงยืนนิ่งขณะจ้องมองอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเขาก็หันหลังแล้วจากไป

ในศึกผู้พิทักษ์วิถีครั้งนี้ นอกจากผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการต่อสู้แล้ว คนอื่นย่อมไม่สามารถเข้าภูเขาผนึกเทพได้

ที่ปลายทางหมอก หุบเขาว่างเปล่าก็ปรากฏพร้อมกับท้องนภากว้างใหญ่ไพศาล

สูงขึ้นไปหนึ่งร้อยจั้ง ห้วงอากาศเต็มไปด้วยโซ่ศักดิ์สิทธิ์แห่งระเบียบอันลึกลับ เจิดจ้าและน่าสะพรึง พวกมันเหมือนกับตาข่ายสวรรค์ที่ปกคลุมและพัวพันไปมาขณะปลดปล่อยพลังสูงสุดที่ทำให้ผู้คนอยากคุกเข่าสักการะ

เพียงกลิ่นอายที่เล็ดลอดออกมาก็ทำให้เฉินซีรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงประหนึ่งกระบี่มาจ่อลำคอ ทำให้ทั่วร่างของเขารู้สึกหวาดกลัว

ไม่สงสัยเลยว่าหากเขาพยายามบินขึ้นสู่ท้องนภาหรือพยายามเคลื่อนผ่านมิติ ย่อมไม่ต่างกับรนหาที่ตาย

ในตอนนี้ ทางฝั่งหนึ่งของภูเขามีเรือสมบัติสีทองเข้มจอดอยู่อย่างเงียบงัน ความยาวของมันอยู่ที่ราวสิบจั้ง ทั่วทั้งลำประหนึ่งกรวยที่พื้นผิวปกคลุมไปด้วยชั้นลวดลายลึกลับแปลกประหลาดจำนวนมาก

เบื้องหน้าเรือสมบัติ ร่างในชุดคลุมสีดำยืนเอามือไพล่หลัง เขาคือชายวัยกลางคนผิวขาวผู้มีสีหน้าเฉยชา

ฟ่าว!

เมื่อร่างของเฉินซีปรากฏ ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำก็หันหลัง สายตาของเขาประหนึ่งสายฟ้าเย็นเยือกที่ตัดผ่านมิติและเวลาขณะจับจ้องไปยังอีกฝ่าย

ในตอนนั้น เฉินซีมองเห็นเพียงแสงสว่างร้อนแรงอยู่ในทัศนวิสัย มันช่างโอ่อ่าไร้ที่สิ้นสุดจนทำให้รู้สึกถึงความไร้ค่า จนเลือดในกายคล้ายกับแข็งตัว

เมื่อร่างของเฉินซีปรากฏ สายตาหลายคู่ก็จับจ้องมาที่เขาพร้อมกัน บ้างก็ตรวจสอบ บ้างก็สังเกตการณ์ บ้างก็พยายามโอ้อวด บางคนถึงขั้นเผยจิตสังหารออกมา

เฉินซีคิ้วขมวดเล็กน้อยขณะมองกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ เขาพบชายผู้มีสีหน้าเย็นชา ผิวขาวกับดวงตาสีเขียวนั่งอยู่ในเงาของมุมหนึ่งในเรือสมบัติ

ชายผู้นี้มีรูปลักษณ์ธรรมดา แต่สิ่งที่น่าสังเกตที่สุดก็คือดวงตาสีเขียวคู่นั้นดูเหมือนกับดวงตาของงูที่มีลูกตาแนวตั้งแปลกประหลาด

เมื่อเห็นเฉินซีมองมา เขาคล้ายกับประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นมุมปากก็ยกยิ้มเย็นชาขณะทำท่าปาดคอไปทางเฉินซีอย่างเงียบงัน

เฉินซีหรี่ตา เขาสามารถสัมผัสกลิ่นอายของชายตาสีเขียวได้อย่างชัดเจน

การบ่มเพาะของคนผู้นี้อยู่ที่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราระดับสูงสุด แม้ดูเย็นชาและคลุมเครือ แต่ก็นับว่าแข็งแกร่งกว่าขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราทั่วไป ทั้งหมดนี้มาจากมรดกโดยกำเนิด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะกล้าทำตัวอวดดีเช่นนี้

แต่เฉินซีไม่ทราบว่าคนผู้นี้คือใคร เขาจึงคาดเดาไม่ได้ว่าเหตุใดชายผู้นี้ถึงแสดงจิตสังหารอย่างไม่ปิดบังเช่นนี้

เมื่อถูกเฉินซีจับจ้อง เขาก็รู้สึกเหมือนกับทั่วร่างถูกเปลื้องจนเปลือยเปล่าก่อนจะพลันกรีดร้องออกมาอย่างเย็นชา “โอหัง! มองอะไรไม่ทราบ!”

เฉินซีประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าชายผู้นี้จะกระสับกระส่ายขนาดนี้ หรือบางทีอีกฝ่ายอวดดีเกินกว่าจะเก็บตนเองมาคิดจริงจัง

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็นับว่าโง่เขลาทั้งสิ้น เฉินซีจึงส่ายหน้าก่อนจะไปหาสถานที่นั่งขัดสมาธิโดยไม่สนใจสายตาของผู้อื่นอีก

แต่ในใจของเฉินซีได้ตัดสินว่าชายผู้นั้นตายไปแล้ว ตอนนี้ศึกผู้พิทักษ์วิถีกำลังจะอุบัติ เขาจึงทราบดีว่าสถานการณ์ทั้งอันตรายและเลวร้ายแค่ไหนก็เลยไม่กล้าแสดงความเมตตาเหมือนแต่ก่อน

หมายความว่านับจากนี้ไป คู่ต่อสู้ที่เป็นศัตรูกับเขาล้วนเป็นเป้าหมายที่ต้องกำจัด!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]