บทที่ 2100 มหาเทพเต๋าสูจิ
………………..
บทที่ 2100 มหาเทพเต๋าสูจิ
เมื่อเห็นเฉินซีนั่งลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ ชายตาสีเขียวก็ตกตะลึง จากนั้นจึงเอ่ยอย่างเหยียดหยัน “เจ้ากล้ามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถีด้วยความกล้าน้อยนิดแค่นี้ได้อย่างไร? ขยะ!”
คำว่าขยะทำให้ดวงตาของเฉินซีทอประกายด้วยจิตสังหารขณะเหลือบมองกลับอย่างเย็นชา ในความเห็นของเขา ต่อให้คนผู้นี้จะทรงพลังกว่าขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราธรรมดา แต่ก็หาได้น่าเกรงกลัวไม่
เมื่อเห็นว่าความขัดแย้งกำลังจะอุบัติ ทั่วทั้งเรือสมบัติสีทองเข้มก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่ช้าก็มีเสียงพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชามาจากผู้ชายในชุดคลุมสีดำ
ตู้ม!
เฉินซีรู้สึกเหมือนกับถูกค้อนทุบเข้าที่หูจนทำให้ศีรษะวิงเวียน เขารู้สึกไม่สบายจนถึงขั้นเกือบกระอักโลหิตออกมา
ชายตาสีเขียวกลับมีสภาพแย่ยิ่งกว่า ทั่วร่างของเขาสั่นสะท้านขณะแผดเสียงครวญครางต่ำออกมา ลูกตาของเขาพลันขยายออกขณะประสบกับความทนทุกข์สุดแสน
นี่ทำให้ผู้อื่นที่กำลังมองดูทั้งหมดนี้ด้วยสายตาเย็นชารู้สึกใจเต้นแรง มันถึงขั้นมีร่องรอยของความหวาดกลัวอยู่ในสีหน้าของพวกเขา
“หากอยากสู้กันเองนักก็จงไปเสียแต่ตอนนี้!”
เสียงของผู้ชายในชุดคลุมสีดำเผยความเฉยชาที่เต็มไปด้วยความโอ่อ่าจนกดดันวิญญาณออกมา ทันทีที่สิ้นคำก็เกิดความเงียบในเรือสมบัติสีทองเข้มจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่น
เฉินซีหรี่ตาก่อนจะตกอยู่ท่ามกลางความเงียบในที่สุด จากข้อมูลที่ได้รับมา ทำให้เขาทราบว่าสิบสามข้ารับใช้เต๋าบนภูเขาผนึกเทพไม่โปรดปรานตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาประจำการบนภูเขาดังกล่าว ทุกสิ่งที่ทำก็เพื่อความปลอดภัยของเต๋าสวรรค์ ดังนั้นในศึกผู้พิทักษ์วิถีนี้ เฉินซีจึงไม่ต้องห่วงเกี่ยวกับสิบสามข้ารับใช้เต๋าจะแอบหันมาเล่นงานเขา
ชายตาสีเขียวสูดหายใจเข้าขณะมองเฉินซีด้วยสายตาเย็นชาโดยไม่ปกปิดจิตสังหารแต่อย่างใด
หลังจากนั้น เขาถอนสายตาขณะแสงสีเขียวอ่อนเอ่อล้นออกมา ก่อนจะปกคลุมทั่วร่างแล้วไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรอีก
ทางฝั่งซ้ายของเฉินซีมีสตรีงดงามทรงเสน่ห์กำลังนั่งขัดสมาธิ นางสวมชุดเครื่องแบบนักรบ ผมยาวเกล้าเป็นมวย รูปร่างหน้าตาเย้ายวนมีเสน่ห์ยิ่ง ทว่าจิตสังหารเข้มข้นในร่างทำให้ผู้คนรอบข้างรู้ตัวว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้โดยง่าย
ในตอนนี้ ดวงตาสงบของนางก็กะพริบขณะมองเฉินซีสักพัก ทันใดนั้นก็เอ่ยคำ “ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าคือเฉินซีจากตระกูลเฉินระดับกลางใช่หรือไม่?”
ไม่เพียงแต่ดวงตาของสตรีคนนี้ที่กวาดมองเฉินซีเท่านั้น แต่ผู้คนทั้งหลายที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกำลังมองมาเมื่อได้ยินชื่อดังกล่าว แล้วสายตาของพวกเขาต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย
มีตระกูลระดับสูงห้าแห่งกับตระกูลระดับกลางสิบหกแห่งอยู่ในแดนมารดากำเนิดบรรพ์ แม้ตระกูลเฉินจะนับว่าโด่งดัง แต่อันดับของพวกเขาในตระกูลระดับกลางนับว่าต่ำมาก
หากเขาเป็นเพียงจ้าวเอกภพเก้าดาราจากตระกูลเฉิน ทุกคนคงไม่มีท่าทีเช่นนี้
ประเด็นอยู่ที่สมาชิกตระกูลเฉินผู้นั้นมีชื่อว่าเฉินซี
จ้าวเอกภพเก้าดาราที่สามารถเข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถีในครั้งนี้ได้ล้วนเป็นตัวตนยิ่งใหญ่จากตระกูลทั้งหลายในแดนมารดากำเนิดบรรพ์
ก่อนจะมาที่นี่ พวกเขาได้ทำการศึกษารายชื่อของผู้ทรงพลังที่เข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถีเหมือนอย่างเฉินซี
แม้ชื่อเฉินซีจะไม่โดดเด่นในหมู่พวกเขา แต่ก็นับว่าพิเศษอย่างยิ่ง!
เพราะตอนนี้ตระกูลใหญ่ทั้งหลายในแดนมารดากำเนิดบรรพ์ทราบว่าเฉินซีคือทายาทของเฉินหลิงจวิน อีกทั้งยังเป็นคนที่มีชะตาเป็นผู้ช่วงชิงยุคสมัย!
ผู้ช่วงชิงยุคสมัยนับว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกติและพิเศษ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญก็คือการตัดสินใจระหว่างห้าตระกูลใหญ่กับเฉินซีไม่ใช่ความลับในแดนมารดากำเนิดบรรพ์แต่อย่างใด
ผู้คนทั้งหลายที่นี่อดไม่ได้จะรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อคิดว่าคนจากตระกูลเฉินซึ่งเป็นตระกูลระดับกลางจะกล้ายั่วยุห้าตระกูลใหญ่จนต้องตัดสินใจร่วมกันเช่นนั้น
แค่การตอบสนองจากทุกคน เฉินซีก็เข้าใจทันทีว่าตัวตนของเขาไม่ใช่ความลับอีกต่อไป แม้กระทั่งทุกสิ่งเกี่ยวกับตนเองก็อาจจะรู้ถึงหูผู้อื่นแล้วก็ได้
เฉินซีเหลือบมองสตรีเย้ายวนมีเสน่ห์ขณะยักไหล่อย่างสงบ “ใช่แล้ว”
“ชื่อของข้าคือสั่วหยิ่งฝู ข้ามาจากตระกูลสั่วหยิ่งซึ่งอยู่ระดับกลาง”
หลังจากแนะนำตัวเอง นางก็เอ่ยต่อ “ข้าได้ยินมาว่าผู้ทรงพลังทั้งหลายที่เข้าร่วมสงครามต่างหมายหัวเจ้า ดังนั้นเจ้าควรระวังตัวเอาไว้ด้วย”
เฉินซีชำเลืองมองสั่วหยิ่งฝูแล้วเอ่ยตอบ “ขอบคุณที่เตือน”
สั่วหยิ่งฝูยิ้มเล็กน้อยขณะริมฝีปากสีแดงเย้ายวนยกยิ้มกว้าง ไม่ช้าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของเฉินซี
“คนเมื่อครู่มาจากตระกูลฉางอวิ๋นซึ่งอยู่ระดับกลาง เขามีชื่อว่าฉางอวิ๋นเหยี่ย เท่าที่ข้าทราบมา ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฉางอวิ๋นกับตระกูลซุ่ยเหรินนับว่าดียิ่ง”
“อย่างนี้นี่เอง” เฉินซีตอบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องแล้วส่งกระแสปราณกลับไป “เช่นนั้นเจ้ารู้จุดกำเนิดของข้ารับใช้เต๋าเมื่อครู่หรือไม่?”
เมื่อเห็นเฉินซีเปลี่ยนเรื่องโดยไม่ให้ความสนใจฉางอวิ๋นเหยี่ยมากนัก สั่วหยิ่งฝูก็ประหลาดใจก่อนจะคลี่ยิ้ม “นั่นคือข้ารับใช้เต๋าลำดับเจ็ด ฉายาคือ ‘มหาเทพเต๋าสูจิ’ ”
เฉินซีพลันเข้าใจว่าสิบสามข้ารับใช้เต๋าไม่มีชื่อจนต้องมีการจัดอันดับในโลก ข้ารับใช้เต๋าลำดับเจ็ด ‘มหาเทพเต๋าสูจิ’ คือหนึ่งในนั้น เท่าที่ทราบข้อมูลมา เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่าย แม้กระทั่งอู๋เซวี่ยฉานกับเฉินไท่ชงก็รู้เพียงมีตัวตนเช่นนี้อยู่เท่านั้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...