เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2114

บทที่ 2114 เผชิญหน้า

………………..

บทที่ 2114 เผชิญหน้า

พร้อมกับเสียงที่ดังก้อง ร่างผอมเพรียวเดินออกมาจากหมอกหนาทึบ

ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาซีดเล็กน้อย ในขณะที่ดวงตาโปร่งใสของเขาดูเหมือนอัญมณีสีแดง ประดับด้วยรอยยิ้มที่สงบและสง่างามเบา ๆ ที่มุมปาก

มันเป็นหนึ่งใน ‘ทายาทศักดิ์สิทธิ์’ ที่สูงที่สุด ชื่อชิงอิงซึ่งมาจากเผ่าวิญญาณโลหิตระดับสูง!

นอกจากการมาถึงของเขาแล้ว ฉางอวิ๋นเหยี่ยและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาสั่นสะท้าน ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้จับตาดูบุคคล แต่เป็นมหาสมุทรโลหิตที่ถาโถมลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

แสงสีแดงเลือดจำนวนมากมายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และก่อตัวเป็นโลกสีแดงเลือดที่ทิ่มแทงใบหน้าของพวกเขา

โครม!

ฉางอวิ๋นเหยี่ยและคนอื่น ๆ รู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อ เลือดลมในกายพลุ่งพล่าน ดุจประสบกับสายฟ้าฟาดที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้ดวงวิญญาณสั่นสะท้าน

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้สึกถึงอันตรายที่ร้ายแรงในใจ

ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นจ้าวเอกภพเก้าดารา แต่ก็เป็นที่ประจักษ์ว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขากับชื่อชิงอิง

นี่คือช่องว่างระหว่างพรสวรรค์ตามธรรมชาติ ความแข็งแกร่ง และศักยภาพ ทั้งหมดนี้เพียงพอที่จะสร้างความแตกต่างระหว่างผู้ที่อยู่ในขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกัน

บางทีมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีใครเทียบได้เช่นชื่อฉู่เกอ ซุ่ยเหรินขวงหลัน ถังเสี่ยวเสี่ยว เป่ยหมิงชางไห่ และเซี่ยรั่วยวนเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับชื่อชิงอิงได้ ในขณะที่ฉางอวิ๋นเหยี่ยและคนอื่น ๆ กลับจืดจางเมื่อเปรียบเทียบกัน

มันเหมือนกับดวงดาวที่ไม่สามารถประชันกับสุริยันจันทรา!

ในขณะนี้ ชื่อชิงอิงเป็นเหมือนสุริยันที่ส่องสว่าง ซึ่งเจิดจรัสอย่างหาที่เปรียบมิได้ และรัศมีที่สง่างามของอีกฝ่าย ก็ทำให้ความโดดเด่นของพวกเขาจมหายไปจนสิ้น

หนีไม่ได้แล้ว!

หัวใจของพวกเขาบีบรัดจนถึงที่สุด ขณะที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวเกาะติดพวกเขาไปทุกที่ ในขณะนี้ พวกเขาเพียงคลายความระวังเล็กน้อยเท่านั้น กลับต้องเผชิญกับการโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรงจากชื่อชิงอิง!

พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างผลีผลาม และเตรียมพร้อมรับมือการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึมและมืดมน ทั้งยังไม่เคยคาดคิดว่าพวกเขาจะชักนำร่างที่น่าสะพรึงกลัวจากเผ่าผู้รุกรานเต๋าเข้ามาเสียได้

ฉางอวิ๋นเหยี่ยและคนอื่น ๆ ไม่กล้าคิดต่อ ทั้งยังไม่กล้าแม้แต่จะปล่อยให้ตัวเองเสียสมาธิ ความกดดันที่ชื่อชิงอิงแสดงออกมานั้นมากเกินไป และทุกคนก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามร้ายแรงจากอีกฝ่าย

ในขณะนั้นเองที่พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่า ทั้งที่พวกเขาเป็นยอดฝีมือในขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราเช่นกัน แต่กลับดูธรรมดามากเมื่อเทียบกับชื่อชิงอิง

มันไม่ใช่แค่ช่องว่างในการบ่มเพาะ แต่เป็นช่องว่างในด้านความแข็งแกร่ง พรสวรรค์ตามธรรมชาติ ศักยภาพ และเจตจำนง!

ชื่อชิงอิงก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวช้า ๆ รอยยิ้มที่มุมปากไร้ที่ติ เหมือนเป็นขุนนางที่มาร่วมงานเลี้ยง

แต่กระนั้น ทุกย่างก้าว กลับทำให้หัวใจของฉางอวิ๋นเหยี่ยและคนอื่น ๆ กระตุกวูบ แรงกดดันที่เผชิญทวีความรุนแรงขึ้นเล็กน้อย

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าแรงกดดันนี้คงทำให้พวกเขาพังทลายอย่างสมบูรณ์ และไม่สามารถหยุดยั้งการโจมตีได้!

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของพวกเขาได้บอกว่า หากมีคนใดคนหนึ่งโจมตีในตอนนี้ มันก็เหมือนกับชนวนที่ชักนำความทุกข์ทรมานจากการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของชื่อชิงอิง

โลกพลันเงียบสงัด อากาศคล้ายถูกแช่แข็ง มันทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก ทว่าชื่อชิงอิงยังคงเดินอย่างไม่เร่งรีบเช่นเดิม

ในท้ายที่สุด เหลือเพียงสิบจั้งระหว่างพวกเขา และตอนนั้นเองที่ชื่อชิงอิงหยุดเคลื่อนไหว นัยน์ตาสีแดงเลือดกวาดผ่านใบหน้าของฉางอวิ๋นเหยี่ยและคณะ ราวกับกำลังตรวจสอบเหยื่อของตน

“เจ้าพิจารณาข้อเสนอของข้าเสร็จแล้วหรือยัง? มอบหัวของเจ้ามาซะ แล้วข้าจะพาทุกคนไปพบผู้ช่วงชิง” ชื่อชิงอิงกล่าวช้า ๆ

เขายืนอยู่ที่นั่นราวกับมหาสมุทรโลหิตที่ตั้งใจจะกลืนกินศัตรู และควบคุมโลกทั้งใบ มันทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังในใจอย่างแท้จริง

สีหน้าของพวกเขายิ่งไม่น่าดูมากขึ้น ความกลัวและความเสียใจอันไร้ขอบเขตก่อเกิดขึ้นในใจ พวกเขาเป็นจ้าวเอกภพเก้าดาราทั้งห้าคน แต่กลับถูกกลิ่นอายอันสง่างามของศัตรูปราบอย่างสมบูรณ์ ความรู้สึกดังกล่าวเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนในอดีต

ไม่มีใครกล่าววาจาใด ๆ เพราะเพียงวจีเดียวอาจหมายถึงราคาที่ต้องจ่ายอย่างแสนสาหัส

ชื่อชิงอิงไม่สนใจและส่ายศีรษะช้า ๆ “เป็นจริงดั่งที่ผู้เฒ่าเหล่านั้นกล่าว นอกจากพวกเจ้าสองสามคนจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกที่เหลือทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ”

ชิ้ง!

หอกเหล็กที่โอบล้อมไปด้วยเมฆหมอกก็ปรากฏขึ้นในมือของสั่วหยิ่งฝู มันส่งเสียงโหยหวน คล้ายกำลังกู่ร้องเพราะไม่สามารถระงับความโกรธในใจตนได้

เสียงหอกของนางดังก้องและชัดเจน ทำให้หัวใจของฉางอวิ๋นเหยี่ยและคนอื่น ๆ กระตุกวูบ ก่อนที่จะร้องในใจ “ไม่ได้การ!”

แม้แต่สั่วหยิ่งฝูก็ตระหนักว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่ถึงขีดสุด ใบหน้าสวยงามซีดลงอย่างน่าสยดสยอง

ในช่วงเวลานั้นเองที่นัยน์ตาสีแดงเลือดของชื่อชิงอิงจ้องลงมายังสั่วหยิ่งฝู เหมือนเป็นทางผ่านสู่นรกที่เต็มไปด้วยแสงเรืองรองอันน่าตกใจ

แต่ปรากฏว่าคนผู้นี้กลับเปิดเผยตัว มิหนำซ้ำ ยังช่วยสั่วหยิ่งฝูอีกด้วย สิ่งนี้จึงทำให้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระจนไม่น่าเชื่อสำหรับฉางอวิ๋นเหยี่ยและคนอื่น ๆ อย่างยิ่ง

แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่รู้สึกขอบคุณเฉินซีแต่อย่างใด พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการเห็นชื่อชิงอิงและเฉินซีสู้กัน เพราะพวกเขาจะได้นั่งเฉย ๆ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในท้ายที่สุด

เมื่อพวกเขาไตร่ตรองว่าจะยืมมือผู้รุกรานเต๋าฆ่าเฉินซี ฉางอวิ๋นเหยี่ยและคณะก็รู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังเล็กน้อย

ในขณะเดียวกัน สั่วหยิ่งฝูก็กลับมามีสติก่อนใคร และเมื่อตระหนักว่าตนเองเกือบถึงฆาต ร่างของนางก็หนาวสั่นราวกับตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง

สำหรับการกระทำของเฉินซี แม้ว่านางจะรู้สึกว่ามันค่อนข้างไร้สาระ แต่มันก็ทำให้นางประหลาดใจ เหตุใดถึงช่วยข้า?

“ทำไม?” ชื่อชิงอิงกล่าวอย่างใจเย็น ยังคงสงบและสง่างาม

“พวกเขาเป็นเหยื่อของข้า” เสียงที่ไม่แยแสของเฉินซีดังก้องมาจากระยะไกลกว่าหมื่นสองพันลี้

เหยื่อ?

การแสดงออกบนใบหน้าของฉางอวิ๋นเหยี่ยและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ประกายโหดเหี้ยมฉายวาบผ่านดวงตา ที่แท้เหตุผลที่เขาหยุดชื่อชิงอิง เป็นเพราะเขาถือเราเป็นเหยื่อ!

สั่วหยิงฝูตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นนางก็กัดฟันแน่น

“ช่างโง่เขลาเสียจริง หากข้าสังหารพวกเขา มันจะไม่เท่ากับเป็นการขจัดปัญหาใหญ่ให้เจ้าหรือ? แม้ว่าเจ้าต้องการสอดมือ ค่อยรอหลังข้าฆ่าพวกเขาก็ยังไม่สายเสียหน่อย บางทีมันอาจเป็นประโยชน์ต่อเจ้าด้วยซ้ำ เพราะข้าอาจได้รับบาดเจ็บ หรืออาจทำให้ข้าสูญเสียกำลังไปบางส่วนไม่ใช่หรือ?”

ชื่อชิงอิงกล่าวเสียงเนิบช้า แสงสีแดงเลือดพลุ่งพล่านทั่วกาย ในขณะที่ดาวสีแดงเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยสูงเหนือท้องฟ้าก็ยิ่งพร่างพราวและพลุ่งพล่านไปด้วยรัศมีสีเลือดอันน่าสะพรึงกลัว

ทว่ามันกลับไม่อาจสั่นคลอนแสงสีม่วงทองนั่นได้เลย กลับกันมันยิ่งเจิดจ้า ทรงอานุภาพ และแวววาวทบทวี

สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของชื่อชิงอิงหรี่ลงเมื่อตระหนักว่าไม่อาจเปลี่ยนใจเฉินซีได้

“ข้าจัดการปัญหาของข้าเองได้” แน่นอนว่าเฉินซีตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ชื่อชิงอิงหัวเราะแผ่ว นัยน์ตาสีแดงเลือดหลั่งไหลไปด้วยคลื่นสีแดงฉาน พลางถอนหายใจกล่าวว่า “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ หากเราต้องต่อสู้ตอนนี้ ศัตรูของเจ้านี่แหละที่จะได้ประโยชน์ในท้ายที่สุด?”

ขณะที่กล่าวมาถึงจุดนี่ เขาก็เหลือบมองที่ฉางอวิ๋นเหยี่ยและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลัง ซึ่งนั่นทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเล็กน้อย และตื่นตัวด้วยหวาดระแวง

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]