เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2113

บทที่ 2113 ดุจผีสางหลอนไม่เลิกรา

………………..

บทที่ 2113 ดุจผีสางหลอนไม่เลิกรา

ร่างวิญญาณโลหิตอมตะบรรพกาล!

ยามได้ยินคำเหล่านี้ แสงสว่างวาบไหวในดวงตาดุจอัญมณีของชื่อชิงอิงวูบหนึ่ง

“ต่อให้ไม่มีผลงานเช่นนี้ อีกไม่นานข้าก็สะบั้นตรวนกรรมอันถ่วงรั้ง เหยียบย่างสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า บรรลุมหาเต๋าแห่งลิขิต และสร้างร่างวิญญาณโลหิตอมตะบรรพกาลได้อยู่ดี!” ชื่อชิงอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสุดราบเรียบ สองมือไพล่ไว้เบื้องหลัง ให้ความรู้สึกหยิ่งทะนงเฉียบขาด

“ไปกัน อย่าปล่อยเหยื่อหนีไปได้” ชื่อชิงอิงสาวเท้าก้าวเดิน ผ้าคลุมสีแดงเลือดโปรยปลิวตามลม สะท้อนสีแดงจาง ๆ ท่ามกลางม่านหมอก

“ใต้เท้า ท่านจะไปที่ใดขอรับ? มิใช่ท่านจะจัดการกับผู้ช่วงชิงนั่นหรือ? ปล่อยโอกาสนี้หลุดไปจะน่าเสียดายแย่เลยนะขอรับ?” สุนัขสามหัวผงะ มันเพิ่งสังเกตเห็นยามนี้เองว่าชื่อชิงอิงไม่ได้เดินตามทิศทางที่ผู้ช่วงชิงจากไป

วาทะนั้นทำให้ชื่อชิงอิงชะงักเท้า แล้วใบหน้าหล่อเหลาอันซีดเซียวก็เอ่ยปากด้วยสีหน้าเหลืออดเล็กน้อย “หุบปาก!”

สิ้นคำ ชื่อชิงอิงก็ผงะไป เขาเพิ่งรู้ตัวยามนี้เองว่าในใจมีความกระสับกระส่ายเล็กน้อย

สุนัขสามหัวขวัญเสียจนร่างเกร็งนิ่ง ร่างมโหฬารของมันหมอบกับพื้นด้วยความหวาดกลัวเกินสงบใจ ไม่อาจเข้าใจว่าเหตุใดชื่อชิงอิงจึงระเบิดอารมณ์เฉียบพลัน

“เด็กนั่นอันตรายยิ่ง แม้จะบาดเจ็บ สังหรณ์ก็บอกข้าว่าหากไล่ตามเขาไป สถานการณ์เกินคาดคิดเกิดกับข้าแน่” ชื่อชิงอิงสูดหายใจลึก ขณะที่บรรยากาศรอบกายกลับมาเป็นสำรวมสง่างามอีกครั้ง “มรดกเผ่าวิญญาณโลหิตของข้ามีความสามารถพยากรณ์ติดตัวโดยกำเนิด ความรู้สึกที่ผู้ช่วงชิงมอบให้นั้น… ผิดปกติมาก”

หัวใจของสุนัขสามหัวพรั่นพรึง มันตระหนักดีถึงความสามารถโดยกำเนิดของเผ่าวิญญาณโลหิตระดับสูง จากตำนานเล่าขาน ผู้ก่อตั้งเผ่าวิญญาณโลหิตพยากรณ์ได้กระทั่งอนาคต ทำนายด้ายแห่งกรรมลิขิต!

ทว่ายามนี้ ชื่อชิงอิงกลับทำนายได้ถึงอันตรายเกินธรรมดาจากผู้ช่วงชิงซึ่งบาดเจ็บสาหัส สิ่งนี้ทำให้สุนัขสามหัวประหลาดใจสุดขีด

เช่นนั้นจริง มิเป็นข้อพิสูจน์หรือว่าผู้ช่วงชิงจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวตนไม่ธรรมดา?

“มา เราเด็ดศีรษะสักหน่อยแล้วมุ่งหน้าไปที่ที่ราบสูงสังหารต่อเลย มีเพียงที่นั่นที่มีโลหิตเทพมากพอให้ข้าทำความเข้าใจความลึกล้ำแห่งลิขิต!” น้ำเสียงสุขุมเฉยชาของเขาดังขึ้น ขณะที่ชื่อชิงอิงไหวกายหายสู่ส่วนลึกแห่งม่านหมอกหนา

สุนัขสามหัวรีบร้อนตามเขาไป

ร่างของเฉินซีวูบไหวในป่าอันปกคลุมด้วยม่านหมอก ซ่อนเร้นอันตรายเกินรับรู้มากมาย ทว่าสรรพสิ่งในป่าล้วนปรากฏชัดต่อเขาภายใต้การตรวจจับของอักขระผนึกเต๋า ไร้สิ่งใดหลุดพ้นสายตา

ขณะนี้ เฉินซีนั้นไม่ต่างจากเงาอันวูบไหวเกินคาดเดา ไล่ตามพวกเขาไปเงียบ ๆ ไร้ซึ่งวจีใด

การอำพรางของอักขระผนึกเต๋าทำให้กระทั่งผู้ล่าระหว่างทางยังไม่อาจสังเกตเห็นเขาได้ จึงผ่านพวกมันมาได้อย่างปลอดภัย

นับแต่หนามสังหารเทพของกระบี่เต๋าวิบัติกลืนกิน พลังต้องสาปในกายเฉินซีก็ถูกกำจัดสิ้น

แม้บาดแผลที่หลังจะยังดูเหวอะหวะน่าสะพรึง แต่อีกไม่นานก็จะหายดี

ส่วนบาดแผลสาหัสต่อเส้นเลือด ชีพจร เลือดเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นภายในกาย ต้องใช้เวลาค่อย ๆ ฟื้นตัว เพราะถึงอย่างไร บาดแผลเหล่านี้ก็สาหัสเกินไป เกือบกระทบทำลายถึงเอกภพในตัว ดังนั้นแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในอันตรายอีกต่อไป แต่ก็ยังมิใช่สิ่งที่รักษาหายได้ในช่วงกาลอันสั้น

หากมิใช่เช่นนั้น การโจมตีที่เขาลงมือกับกลุ่มของฉางอวิ๋นเหยี่ยไม่มีทางสังหารได้เพียงสองแน่นอน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินซีก็อดรู้สึกเสียดายขึ้นมานิด ๆ มิได้ โอกาสคราวก่อนดียิ่ง หากเขาสมบูรณ์พร้อม คงมั่นใจเต็มที่ว่าจะกำจัดศัตรูได้มากยิ่งกว่านี้ แต่กลับถูกหน่วงรั้งโดยบาดแผลที่ได้มา จึงไร้ทางเลือกนอกจากต้องใช้อำนาจอย่างระวัง มิกล้าแผลงฤทธิ์เต็มที่แต่อย่างใด

เพราะถึงอย่างไร กลุ่มของฉางอวิ๋นเหยี่ยก็มิใช่ศัตรูกลุ่มเดียวที่เขามีในป่าหมอก ยังมีผู้ล่าและผู้รุกรานเต๋าในแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋าอีกเช่นกัน

ขณะเหาะเหิน ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับศึกผู้พิทักษ์วิถีวูบไหวในใจเฉินซี

บิดาเขาเฉินหลิงจวินเคยบอกเขาไว้เมื่อกาลก่อน ว่าศึกผู้พิทักษ์วิถีแบ่งสมรภูมิออกเป็นสามแห่ง

สมรภูมิแห่งแรกคือบริเวณรอบนอกสุดของแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า ที่แห่งนี้มีบริเวณกว้างขวางที่สุด มีอันตรายเกินคาดการณ์มากมาย เมื่อถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่แหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า ก็จะไม่อาจตัดสินได้อีกต่อไปว่าสมรภูมิแห่งแรกจะปรากฏที่ใด

เฉินซีไม่เคยได้ยินเฉินหลิงจวินกล่าวถึงป่าหมอกแห่งนี้มาก่อนเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ากาลก่อน เฉินหลิงจวินมิได้ถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่ยามมายังแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า

แต่ไม่ว่าสมรภูมิแรกจะตั้งอยู่ที่ใด ผู้เข้าร่วมศึกทั้งหมดก็จะมารวมตัวกัน ณ ที่ราบสูงสังหารในท้ายที่สุด!

ที่ราบสูงสังหารตั้งอยู่ใจกลางสมรภูมิแรก เป็นที่รู้จักในฐานะสมรภูมิกลางแห่งแรก ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมศึกจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์หรือผู้รุกรานเต๋า ทั้งหมดก็จะมุ่งหน้าไปรบพุ่งกัน ณ ที่ราบสูงสังหาร เป็นศึกวงกว้างอันยิ่งใหญ่สูงสุดในศึกผู้พิทักษ์วิถี

บางที อาจกล่าวได้ว่าเหตุผลที่คณะของฉางอวิ๋นเหยี่ยมิได้ตัดใจเป็นเพราะพวกเขาคิดเสมอว่าเฉินซีจะไม่อาจทนได้นาน

ทว่ายามนี้ ทิศทางของสถานการณ์หักเหเกินคาดการณ์ เฉินซีไล่ตามพวกเขาดุจผีสางหลอนไม่เลิกรา ดูกัดไม่ยอมปล่อย ทำให้คณะของฉางอวิ๋นเหยี่ยบังเกิดโทสะในใจอย่างช่วยไม่ได้

เดิมที พวกเขาตั้งใจหาที่ปลอดภัยอันห่างไกลเพื่อหารือกลยุทธ์ก่อนออกเดินทางอีกครั้ง แต่มิคาดเลยว่าเฉินซีจะยังตามไม่เลิก ไม่แม้แต่จะให้โอกาสพวกเขาพักหายใจ!

สั่วหยิ่งฝูเป็นคนแรกที่หลุดการควบคุมอารมณ์ ตะโกนขึ้นเสียงแข็ง “เฉินซี หากกล้าก็เผยตัวออกมา เหตุใดต้องหดหัวเป็นคนขลาดเขลาด้วย?”

เสียงของนางกึกก้องทั่วทิศ ขจรไปไกล

คนอื่น ๆ เตรียมตัวรับศึก สั่งสมกำลังระหว่างรอ

ทว่าเงียบงันอยู่เนิ่นนาน ก็ยังไร้ผู้ใดตอบกลับ

“เฉินซี! ผู้ช่วงชิงสมควรตาย! เจ้าจะไม่เผยตัวก็ได้ แต่ข้าจะรวบรวมทุกตระกูลที่เหลือมาล้างตระกูลเฉินของเจ้าหลังจากจบศึกผู้พิทักษ์วิถีแน่!” ใบหน้าเย้ายวนทรงเสน่ห์ของสั่วหยิ่งฝูบูดบึ้งขณะแผดเสียงโวยวาย พอกันทีกับความรู้สึกกังวลร้อนใจยามถูกไล่ตาม มันเหมือนมีดาบลอยเหนือศีรษะ ไม่รู้จะสับลงมายามใด มันทรมานกันชัด ๆ

“ไม่มีทางตรวจร่องรอยของเขาเลยหรือ?” ฉางอวิ๋นเหยี่ยหันไปถามเฟยหลิงเสวี่ย

“ไม่มี ความสามารถโดยกำเนิดของเราตระกูลเฟยหลิง ฤทัยกระจ่างลักษณ์แยกจริงจากเท็จได้ แต่กลับมิอาจมองทะลุเฉินซีได้เลย นี่หมายความว่าเขาบรรลุวิชาอำพรางกายอันแข็งแกร่งยิ่ง อย่างน้อยที่สุดก็เหนือชั้นกว่า ‘ฤทัยกระจ่างลักษณ์’!” เฟยหลิงเสวี่ยพูดรัวเร็ว แม้นางไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็ไร้หนทางนอกจากต้องกล่าวรับความจริง

อะไรนะ?

หัวใจของคนอื่น ๆ ที่ฟังอยู่ร่วงวูบ พวกเขาตระหนักดีว่าฤทัยกระจ่างลักษณ์ ความสามารถของตระกูลเฟยหลิงนั้นแยบยลเพียงไร แต่ยามนี้ กระทั่งเคล็ดวิชาดังกล่าวยังไม่อาจตรวจร่องรอยของเฉินซีพบ แล้วพวกเขาจะไม่ตกใจได้หรือ?

“ไร้หนทางอื่นที่บีบให้เขาปรากฏตัวได้จริง ๆ หรือ?” สีหน้าของฉางอวิ๋นเหยี่ยดำคล้ำอย่างยิ่ง

คนอื่น ๆ เงียบไป ทำให้บรรยากาศที่นี่เงียบงันสุดขั้ว ราวกระทั่งอากาศยังแน่นิ่ง

ท่ามกลางความวังเวงนี้เอง หนึ่งเสียงทุ้มต่ำสง่างามถูกเปล่งเนิบช้าจากในสายหมอก “สหายผู้หลงทางทั้งหลาย ส่งศีรษะต่ำต้อยโสมมของพวกเจ้ามาสิ แล้วข้าจะพาไปพบผู้ช่วงชิงนั่นเอง ดีหรือไม่?”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]