เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2112

บทที่ 2112 ล้างแค้น

………………..

บทที่ 2112 ล้างแค้น

เสียงหวีดหวิวที่ลอยมานั้นแผ่วเบายิ่ง แต่ก็ยังไม่อาจหลบการรับรู้จากอักขระผนึกเต๋าของเฉินซี และภาพตัวตนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏในใจทันที

ปรากฏว่าเป็นกลุ่มที่นำโดยสั่วหยิ่งฝู ขณะที่ฉางอวิ๋นเหยี่ย ไท่รุ่ย เฟยหลิงเสวี่ย และคนอื่น ๆ รวมหกคนตามมาเบื้องหลัง

ขณะนี้ พวกเขาอยู่ห่างจากเฉินซีไม่ถึงสองพันจั้ง

จิตสังหารเย็นเยียบสาดทอจากดวงตาลึกล้ำเช่นหุบเหวของเฉินซี เขาพลันปลาสนาการไปจากที่

ราวเขาระเหิดสิ้นสู่อากาศธาตุ ไม่เหลือกระทั่งปราณสักเสี้ยว

เพียงไม่กี่อึดใจถัดมา กลุ่มของสั่วหยิ่งฝูก็มาถึงจุดที่เฉินซีอยู่เมื่อครู่

“ระวังด้วย! ข้าสัมผัสปราณของหนามสังหารเทพที่นี่ได้เมื่อครู่ แต่ยามนี้…” ใบหน้างดงามของสั่วหยิ่งฝูเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนงุนงง “ข้ากลับไม่อาจสัมผัสมันได้อีก!”

สายตาของฉางอวิ๋นเหยี่ยเย็นเยียบ “หมายความเช่นไร? เจ้าจะบอกข้าว่าหายไปในอากาศธาตุหรือ?”

“ข้ามิได้โกหกนะ!” สั่วหยิ่งฝูขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่ชอบใจ

ไท่รุ่ยกวาดตามองไปรอบ ๆ พลางกล่าวเสียงเบา “ก่อนเราจะมา ที่นี่มีการต่อสู้เกิดคิด ดูเหมือนผู้ล่าเหล่านั้นจะจู่โจมเด็กนั่น แต่เรื่องประหลาดก็คือ ซากของผู้ล่าเหล่านั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย”

สายตาของคนทั้งหลายหรี่ลงเมื่อได้ยิน

พวกเขาแน่ใจมากว่าเฉินซีบาดเจ็บสาหัสยามถูกหนามสังหารเทพทิ่มแทง ทั่วร่างถูกกัดเซาะด้วยพลังต้องสาปในนั้น และด้วยเหตุนี้ การที่เจ้านั่นทนมาได้จนป่านนี้ กระทั่งสู้กับผู้ล่าได้ ก็เกินคาดมากแล้ว

เขาอยู่หนใด? เขาหนีไปที่ใดหลังบาดเจ็บสาหัสเพียงนั้น?

เหตุใดปราณของหนามสังหารเทพจึงหายสิ้นไปดื้อ ๆ?

พวกเขาสังเกตเห็นชัดเจนว่าสถานการณ์นั้นยากคาดเดาเอาการ ความกังวลจึงปรากฏในใจพวกเขาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

“แม้ข้าจะดูแคลนเขาจริง ๆ แต่ก็ต้องบอกว่าเขาเป็นผู้ช่วงชิงที่รับมือยากเอาเรื่อง หากมิใช่เพราะเหตุนั้น ห้าตระกูลชั้นสูงคงไม่ตกลงร่วมมือหมายหัวเด็กนั่นกันหรอก” ฉางอวิ๋นเหยี่ยสูดหายใจลึก ดวงตาสีเข้มวูบไหว “แต่ไม่ว่าเขาจะร้ายกาจเพียงไร เขาก็บาดเจ็บสาหัส ไม่อาจทนได้นาน เราแค่ต้องฉวยโอกาสนี้หาเขาแล้วกำจัดเสียก่อนฟื้นตัวทัน!”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ จิตสังหารหนาแน่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า พลางตวาดขึ้น “อย่าลืมว่าเราคือจ้าวเอกภพเก้าดาราเจ็ดคน! มันจะไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ หากยังจัดการไอ้เด็กเวรที่บาดเจ็บสาหัสอยู่มิได้!”

คนอื่น ๆ อดเผยสีหน้าไร้ปรานีออกมามิได้ นั่นสิ เรามีจ้าวเอกภพเก้าดาราถึงเจ็ดคน จะจัดการเฉินซีคนเดียวซึ่งบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วมิได้เชียวหรือ?

ความกังวลและร้อนใจในอกสลายสิ้น จิตต่อสู้ถูกก่อขึ้นใหม่ในพริบตา

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ทว่าขณะนั้นเอง พื้นที่รอบทิศก็สะท้านถล่มเป็นเสี่ยงเยี่ยงแก้วอันเปราะบาง และขณะเดียวกัน ปราณกระบี่ม่วงทองดุดันมากมายก็โผนทะยานกลุ้มรุม

ขณะนั้น ฟ้าดินทั่วทิศเรืองรองม่วงทอง ปราณกระบี่เจิดจรัสคมกริบ ถาโถมดุจพายุคลั่ง เผยปราณน่าสะพรึงกลัวลบโลกา

เรื่องทั้งหมดนี้กะทันหันเกินไป ทำให้สีหน้าของฉางอวิ๋นเหยี่ยและคณะแปรเปลี่ยน พวกเขาโคจรการบ่มเพาะทั่วกายกันโดยไม่หยุดคิด แผดตะโกนลงมือสกัดการโจมตี

ครืน!

ชั่วขณะนั้น เสียงครืนโครมฟาดปะทะดังเลื่อนลั่นทั่วสารทิศ

ฉางอวิ๋นเหยี่ยและคณะต่างเป็นจ้าวเอกภพเก้าดารา มีประสบการณ์ศึกโชกโชน หาไม่ คงไม่อาจถูกส่งเข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถีได้

ดังนั้นแม้การจู่โจมอันรุนแรงกะทันหันนี้จะเกินคาด แต่ประสบการณ์มากมายที่พวกเขาสั่งสมตลอดกาลผ่านมาก็ยังทำให้พวกเขารับมือได้ทันที

แต่พวกเขายังไม่ทันถอนใจโล่งอก ก็พลันสังเกตพบว่าการโจมตีที่กระหน่ำเข้ามาหาพวกตนน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ปราณกระบี่ทุกสายดูจะควบรวมฤทธาฟ้าดิน บรรจุกฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์สูงสุด นอกจากนั้น อำนาจจากพวกมันยังทำให้พวกเขาหลายคนร่างสะท้านเซถอย ไม่อาจสกัดกั้นมันไหว!

สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนอย่างอดไม่ได้ แผดเสียงพลางใช้ความสามารถเต็มที่ มิกล้าเลินเล่อแม้แต่น้อย

พรวด!

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาประเมินความน่ากลัวของปราณกระบี่นี้ต่ำไป หนึ่งในจ้าวเอกภพเก้าดาราที่ถูกฟาดเซถอยยังไม่ทันตั้งหลัก ศีรษะก็ถูกสับขาด โลหิตแดงฉานกระฉูดย้อมเวหา

เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะแผดร้อง ก็ตกตายลงในพริบตา

“เหลียนเจ๋อ!” สั่วหยิ่งฝูโวยวายอย่างตกใจระคนเดือดดาล

ทั้งหมดนี้ดูจะบรรยายได้ว่าการโจมตีเมื่อครู่ชวนสะพรึงเพียงไร

ทว่าแม้การโจมตีนั้นสลายหายในพริบตา ตั้งแต่เริ่มจนบัดนี้ พวกเขาก็ยังมิอาจสังเกตหรือเฟ้นหาพบว่าศัตรูอยู่ที่ใด สิ่งนี้ทำให้ฉางอวิ๋นเหยี่ยและคณะมีสีหน้ายากมองอย่างยิ่ง

การลอบจู่โจมนี้เกิดขึ้นโดนพวกเขาไม่ตั้งตัว ต้องเสียสหายไปสองคน แต่กลับไม่อาจหาพบว่าศัตรูคือผู้ใด เป็นความเสียหายสาหัสต่อคณะของฉางอวิ๋นเหยี่ยอย่างไร้กังขา

“ต้องเป็นไอ้เวรเฉินซีนั่นแน่ ไม่สงสัยเลย!” ฉางอวิ๋นเหยี่ยข่มเขี้ยวเคี้ยวฟัน เสียงฟังเหมือนเค้นจากในอก สุดเคียดแค้นอาฆาต

“แต่เขาบาดเจ็บสาหัสอยู่มิใช่หรือ เหตุใดจึงยังเผยอำนาจท้าทายสวรรค์เช่นนี้ได้? สุดท้ายแล้ว ฝ่ายเราก็มียอดฝีมืออยู่ถึงเจ็ดเลยนะ!” สีหน้าของสั่วหยิ่งฝูดำคล้ำ บูดบึ้งยากมอง

เจ็ด! จ้าวเอกภพเก้าดาราเจ็ดคน! กำลังเช่นนี้นับว่าน่ากลัวสำหรับทั่วโลกาได้แล้ว แต่มันกลับไม่อาจหนีการลอบโจมตีเฉียบพลันนี้พ้น ศัตรูกระทั่งฆ่าสหายของพวกเขาได้สองคน เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้เลย

“ดูเหมือนอำนาจต่อสู้ของเขาจะร้ายกาจกว่าที่เราคาดมากนัก” ไท่รุ่ยผู้มั่นคงสุขุมเสมอรำพึง คิ้วขมวดหากันแน่น ศึกนี้ทำให้เขาเกิดความกระวนกระวายเล็กน้อย

“เขากำลังล้างแค้นเรา มันต้องอยู่ไม่ไกลแน่ อาจกระทั่งมองเราจากเงามืดอยู่ในยามนี้” เสียงของเฟยหลิงเสวี่ยอ่อนหวานนุ่มนวล ทว่าสีหน้าเย็นเยียบเช่นน้ำแข็ง นอกจากนั้น ร่างอ้อนแอ้นบอบบางยังดูเหมือนใบมีด แผ่จิตสังหารกดดันมหาศาล

เพียงวาทะเหล่านี้ลำพังก็ทำให้หัวใจคนอื่น ๆ สะท้าน เขากำลังล้างแค้นเรา? ล้างแค้นที่เราลอบโจมตีด้วยหนามสังหารเทพ?

บรรยากาศเงียบกริบลงอย่างช่วยไม่ได้

“อยู่ต่อนาน ๆ ไม่ดีแน่ เราออกจากที่นี่ไปหารือก่อนดีกว่า” สุดท้าย ไท่รุ่ยก็ทำลายความเงียบ

คนอื่น ๆ ต่างตระหนักดีว่าสถานการณ์คลุมเครือและอันตรายเพียงไร พวกเขาจึงรีบร้อนจรจากภายใต้การนำของฉางอวิ๋นเหยี่ย

แต่ในใจพวกเขาก็ยังมีความกระสับกระส่ายอ้อยอิ่ง สงสัยว่าเฉินซียังลอบตามพวกเขาเงียบ ๆ จากเงามืดอยู่หรือไม่!

วูบ!

หลังกลุ่มของฉางอวิ๋นเหยี่ยจากไปไม่นาน หนึ่งร่างสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้นเงียบเชียบในสมรภูมิ สุนัขสามหัวปรากฏขึ้นข้างกายตามมา

“ใต้เท้า ปรากฏว่าเจ้านั่นคือผู้ช่วงชิงคนที่เก้าของยุคสมัยนี้ หากเราจับตัวเขาได้ เราทายาทศักดิ์สิทธิ์ก็จะปลุกบรรพชนแห่งความโกลาหลจากการหลับใหลได้ขอรับ!” สุนัขสามหัวกล่าวเสียงเบาอันเจือความตื่นเต้นอย่างไม่อาจปกปิด “นั่นจะเป็นความดีความชอบใหญ่หลวง บางทีใต้เท้าก็อาจใช้ผลงานนี้เหยียบย่างสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า สร้างร่างวิญญาณโลหิตอมตะบรรพกาลอย่างแท้จริงได้ก็เป็นได้!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]