บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 212

บทที่ 212 สังสารวัฏ

บทที่ 212 สังสารวัฏ

เฉินซีรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากําลังจะระเบิด!

พลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากระเบียนแดนมรณะ เป็นดั่งมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล เมื่อเปรียบเทียบกับปราณแท้ของเขาแล้ว ปราณแท้ของเขาก็เสมือนกับลําธารเล็ก ๆ ทำให้มันแตกต่างกันนับล้านเท่า

มวลพลังนี้ช่างลี้ลับ ลึกล้ําและเผยถึงความรู้สึกที่ไร้พลัง ซึ่งทําให้คนจมดิ่งสู่การลืมเลือนและดูเหมือนว่าชีวิตและความตายของคนผู้นั้นไม่ได้อยู่ในการควบคุมอีกต่อไป นี่คือพลังของระเบียนแดนมรณะ และเขาเคยพบเจอกับพลังเช่นนี้ เมื่อครั้งที่เผชิญหน้ากับซูเหลิ่งมาก่อน แต่มรรคายมโลกที่ซูเหลิ่งหยั่งถึงนั้นตื้นเขินและอ่อนแอเกินไป ราวกับเป็นไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ ที่สาดส่องประกาย แต่ไม่อาจเทียบความสว่างกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

ในชั่วพริบตา เฉินซีสูญเสียการควบคุมจากร่างกายของตัวเอง และไม่มีโอกาสที่จะดิ้นรนเลยแม้แต่น้อย เขากลับดูเหมือนผู้ชมที่เฝ้ามองจากด้านข้าง นอกจากนี้ยังคล้ายกับคนที่ดวงวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างนี่อีกต่อไป

เหตุใดถึงเกิดสิ่งนี้ขึ้น?

เสียงทีดังขึ้นก่อนหน้านั้นเป็นของผู้ใด?

อย่างไรก็ตาม จากสิ่งที่เขาได้กล่าวมานั้น ดูเหมือนเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อข้า

“เจ้าชื่อเฉินซีใช่มั้ย? จงมอบสมบัติวิเศษที่อยู่ในมือของเจ้ามาซะ แล้วข้าจะจากไปในทันที และสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาให้กับเจ้าในอนาคต” ในขณะนี้ ชิงซิ่วอี้กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว ในสายตาของนางนั้น แม้ว่าเฉินซีจะถูกพวกเขารุมล้อมอยู่ตรงกลาง แต่เขากลับมีท่าทีที่สงบนิ่ง ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด ๆ

นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นถึงร่องรอยของกลิ่นอายที่แปลกประหลาด ซึ่งไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูด และ

กลิ่นอายเหล่านี้ทําให้นางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นนางจึงไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป

” แม่นางชิง เจ้าไม่ได้บอกว่า ให้ฆ่าเจ้าเด็กคนนี้ก่อนแล้วพวกเราค่อยแบ่งสมบัติกันในภายหลังไม่ใช่หรือ? หากเป็นเช่นนั้น ข้าต้องการเจ้ามารน้อยคนนั้น!” หวงฝู่ฉงหมิงชี้ไปที่หลิงไป๋ซึ่งอยู่บนไหล่ของเฉินซี ขณะที่เขากล่าวอย่างสบาย ๆ

“อืม! ข้าต้องการเจดีย์บำเพ็ญทุกข์!”

“เจดีย์บำเพ็ญทุกข์ต้องเป็นของข้า!”

หลิวเฟิงจื่อจากเกาะฉลามมังกรในทะเลตะวันออกและหมานหงจากภูเขานภาลัยของแดนเถื่อนทางตอนเหนือ คนทั้งสองต่างก็กล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง และทันทีที่กล่าวจบคนทั้งสองมองถลึงตาใส่กันด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับว่าพวกเขาพร้อมที่จะเริ่มการต่อสู้ที่รุนแรง หากความขัดแย้งเกิดขึ้นเพียงน้อย

” เฉินซี เจ้าได้ยินสิ่งที่ข้ากล่าวก่อนหน้านี้หรือไม่? มองไปที่คนเหล่านี้สิ พวกมันต่างก็คิดว่าตัวเองสูงส่งและดูแคลนต่อทุกสิ่ง พวกเขาข่มเหงรังแกเจ้าเสมือนมดตัวน้อยที่ถูกเหยียบย่ำราวกับเป็นแค่ฝุ่นผงที่ไร้ค่า และเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้นะหรือ? เพราะพวกมันต่างก็คิดว่าสถานะของตนเองเหนือกว่าเจ้า ภูมิหลังของพวกมันก็ยิ่งใหญ่เสียกว่า นอกจากนี้การบ่มเพาะของพวกมันก็แข็งแกร่งยิ่งกว่ามาก ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ จึงทำให้พวกมันเย่อหยิ่งและไร้ยางอาย!” หลิงไป๋ยืนอยู่บนไหล่ของเฉินซีและกล่าวออกมาทีละคำ ” เฉินซีเป็นคนจิตใจดีเสมอมา ไม่เคยคิดล่วงเกินผู้ใด เว้นแต่พวกเขาจะล่วงเกินเจ้าก่อน และเมื่อเจ้าถูกรังแกเจ้าจึงจะลุกขึ้นต่อต้าน ถ้าเป็นแบบนี้อีกต่อไป เจ้าจะสามารถปกป้องตัวเองได้หรือ? แล้วครอบครัวและมิตรสหายของเจ้าละ จะยังคงปกป้องได้อีกไหม?”

“สิ่งที่เจ้าควรกระทําตอนนี้คือ เข่นฆ่า! เข่นฆ่าจนกว่าพวกมันจะเกรงกลัว! เขนฆ่าจนกว่าพวกมันจะรู้สึกสิ้นหวังเมื่อได้ยินเพียงชื่อของเจ้า! เข่นฆ่าพวกมันทุกคนจนกว่าจะชดใช้กับสิ่งที่กระทำลงไปให้สาสม! เข่นฆ่าพวกมันจนครอบครัว มิตรสหายและอาจารย์ของพวกมันต้องทนทุกข์ทรมานกับเปลวไฟแห่งความโกรธของเจ้า จงอย่าได้ลังเลที่จะทําให้เกิดภูเขาซากศพและทะเลโลหิต! เจ้าต้องทําให้ผู้คนในโลกระลึกถึงผลที่ตามมาของการที่ล่วงเกินเจ้า นั้นคือครอบครัวและนิกายของพวกมันจะต้องถูกทำลายล้างจนไม่เหลือซาก”

เจตนาฆ่าของเจ้าตัวเล็กคนนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก!

เมื่อผู้คนรอบข้างได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงอยู่ในใจ แล้วเผยร่องรอยของความสุขออกมา หากสมบัติที่ฉลาดเฉลียวและมีภูมิปัญญาดังกล่าว ไม่ใช่ดวงจิตของสมบัติอมตะแล้วมันจะคือสิ่งใดอีก?

“เจ้าตัวน้อย การที่จะหยุดการเข่นฆ่าด้วยการฆ่าฟัน มันไม่ใช่วิถีของมหาเต๋า!” ทันใดนั้นเสียงแหบแห้งและเยือกเย็นได้ดังขึ้นจากปากของเฉินซี เสียงนั้นมีร่องรอยของความเศร้าโศกที่ไม่เหมือนใครและมันทําให้หลิงไป๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง

ในขณะนี้ เฉินซีเอามือไพล่หลัง ท่าทางของเขาช่างน่าเกรงขามและดวงตาที่ลึกล้ำของเขาดูเหมือนจะครอบคลุมจักรวาลที่ไร้ขอบเขต ครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงในดวงดาว กระแสน้ำจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ การเคลื่อนตัวในภูเขาและแม่น้ํา หรือการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดทั้งมวลในโลก เพียงแค่ดวงตาคู่นี้ของเขา กลับเผยให้เห็นวิถีของโลกที่เกิด ตั้งอยู่และดับไป เสมือนการเวียนว่ายตายเกิด!

ห๊ะ?

เหตุใดเจ้าเด็กคนนี้ถึงดูเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนกัน?

ทุกคนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในท่าทางของเฉินซี และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะวิตกกังวลอยู่ในใจ

“หึ! ความตายกําลังใกล้เข้ามา แต่เจ้ากลับแสดงลูกเล่นอยู่อีก? ไปตายซะ! เพลงหมัดพยัคฆ์ซ่อน ที่ด้านหลังของหมานหง ชายหนุ่มผิวสีทองแดงตะโกนออกมาอย่างรุนแรงพร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้า กล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาขยายออก เปลวไฟสีดำพันรอบร่างกายของเขาก่อนที่จะบรรจบกันที่แขนขวา จากนั้นเขาก็ชกออกไปในทันที

ตูม!

กระแสของอากาศถูกดูดเข้าหากันจนระเบิดออกไปราวกับพายุ หมัดที่ดูเรียบง่ายเช่นนี้ กลับสามารถทำลายภูเขา พลิกทะเล และมวลพลังที่น่าสะพรึงนั้น ได้ควบแน่นก่อตัวขึ้นเป็นปราณรูปพยัคฆ์จำนวนมากมายกำลังกางกรงเล็บ ขณะที่พุ่งผ่านท้องฟ้าเพื่อฉีกกระชากเฉินซี

การโจมตีนี้เรียบง่ายและรัดกุม อีกทั้งยังเป็นการโจมตีอย่างกะทันหันที่ดุร้ายมาก

ไม่เลว เพลงหมัดมหาพยัคฆ์ซ่อนของหมานเจ่อนั้น แฝงด้วยเต๋าแห่งมายา เต๋าแห่งวิญญาณเงา พลังของวิญญาณพยัคฆ์ และทั้งสามสิ่งนี้ได้หลอมรวมเข้าหากัน ทําให้มันอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์แบบแล้ว เมื่อเขาเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งในอีกห้าปีข้างหน้า บางทีอาจมีตําแหน่งสําหรับเขา หมานหงที่อยู่ใกล้เคียง ดูเหมือนจะคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่า หมานเจ่อจะต้องลงมือ ดังนั้นจึงแอบวางแผนอยู่ในใจ

เพลงหมัดมหามังกรซ่อนเป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับมหาเต๋าที่สืบทอดกันมาในภูเขานภาลัย เพลงหมัดนี้แฝงไปด้วยเต๋าแห่งมายาและเต๋าแห่งวิญญาณเงา ที่หลอมรวมเข้ากับพลังของวิญญาณพยัคฆ์ และเมื่อมันถูกบ่มเพาะจนถึงขีดสุด เพียงหมัดเดียว จะแฝงไปด้วยพลังของพยัคฆ์นับพันที่คำรามก้อง สะท้านไปทั้งสรวงสวรรค์ทั้งเก้า

เพลงหมัดมหาพยัคฆ์ซ่อนของหมานเจ่อนั้นได้บรรลุถึงแก่นแท้ของมันแล้ว และมันทรงอานุภาพเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าเป็นดั่งไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ กลับกล้าเปล่งแสงเทียบดวงจันทร์อีกหรือ?” เฉินซีหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา มือขวาของเขาซัดออกไป ปรากฏประกายสีดำและสีขาวอันลึกล้ำทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กลายเป็นเป็นวงล้อสีขาวดำที่กำลังหมุนวน มันคล้ายกับการขึ้นของดวงอาทิตย์และการตกของดวงจันทร์ ซึ่งผันแปรอย่างไร้ที่สิ้นสุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]