บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 216

บทที่ 216 เขตแดนเต๋าหมอกฝน

บทที่ 216 เขตแดนเต๋าหมอกฝน

หลังจากเสียงกระซิบที่แผ่วเบาและเยือกเย็น ชิงซิ่วอี้ก็ปรากฏตัวขึ้นบนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม แขนเสื้อของนางพลิ้วไหวไปกับสายลม ราวกับนางอัปสรที่ลอยล่องลงมาด้วยรัศมีอันงามสง่า

หัวใจของเฉินซีเกร็งกระตุก เมื่อเขาเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ยังไล่ตามเขามาตลอดทาง จนเขาได้คร่ำครวญออกมาอยู่ภายในใจ บ้าเอ๊ย! ยามนี้ร่างกายของข้าบาดเจ็บหนักจนไม่มีแรงแม้แต่จะยกนิ้ว หากต้องเผชิญหน้ากับสตรีที่เป็นเซียนสวรรค์อวตารนางนี้อีก ข้าคงไม่มีช่องให้ต่อต้านละทำได้เพียงรอให้ความตายมาถึงแล้ว

ฟุ่บ!

เพียงชิงซิ่วอี้พลิกข้อมือขาวละออของนาง ผืนป่าโดยรอบก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นกลุ่มหมอกก็ค่อย ๆ ม้วนขดตัวจากพื้นดินราวกับควันขึ้นปกคลุมอยู่ในอากาศ บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื้นเมื่อดอกไม้สดจำนวนมากมายเบ่งบานออกมาอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับลำธารที่เริ่มไหลเชี่ยวกรากหลายสาย แสงแดดที่ส่องลงมาถูกหักเหเป็นหมอกมัว ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นสีรุ้งราวกับอยู่ในฝันไปทั่วพื้นที่

หลังจากที่นางลงมือเสร็จ ชิงซิ่วอี้ก็กล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉย “นี่คือเขตแดนเต๋าหมอกฝนของข้า ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้า มันไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยที่เจ้าจะสามารถหลบหนีออกไปได้”

เฉินซีเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ในขณะที่เขาจ้องมองเต๋ารู้แจ้งของเต๋าเมฆาพยับที่ดูเหมือนจริงแต่เป็นเพียงภาพลวงตา และเกือบจะเหมือนโลกใบเล็ก ๆ นี้ไป หัวใจของเขาดิ่งวูบในทันที เพราะคำพูดของชิงซิ่วอี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงไปเลยแม้แต่น้อย

เขตแดนเต๋าหมอกฝนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้มันสมบูรณ์ยิ่งกว่าเขตแดนเต๋าแห่งการสังหารของหานกู่เยว่ และเขตแดนเต๋าแห่งแม่น้ำโลหิตของเถิงหัวซวี่เสียอีก เต๋ารู้แจ้งมากมายมีอยู่เต็มภายในพื้นที่เขตแดนเต๋านี้ ทั้งดอกไม้สดเหล่านั้น สายน้ำไหล สายฝนที่โปรยปราย… พวกมันทั้งหมดล้วนมีกลิ่นอายของมหาเต๋าที่เป็นธรรมชาติและไม่มีร่องรอยของการประดิษฐ์อยู่เลยแม้แต่น้อย นี้พิสูจน์ให้เห็นว่าความเข้าใจในเขตแดนเต๋าของชิงซิ่วอี้ได้บรรลุถึงระดับที่สูงมากเกินธรรมดาไปแล้ว

“เจ้าคิดอย่างไรกับเขตแดนเต๋าหมอกฝนของข้า? แม้ว่ามันจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขตแดนเต๋าแห่งปารามิตา, เขตแดนเต๋าแห่งการลืมเลือน และเขตแดนเต๋าแห่งจุดจบได้ แต่มันก็มากเกินพอที่จะดักจับเจ้า” ชิงซิ่วอี้หยุดยืนอยู่ที่ข้างลำธาร รูปลักษณ์ของนางช่างงดงามดุจดอกบัวในน้ำใส ทั่วทั้งร่างของนางก็ดูราวกับมีหมอกปกคลุม เพิ่มความลึกลับยิ่งขึ้น

เมื่อได้มองดูสตรีนางนี้ จะรับรู้ไปว่านางไม่เหมือนผู้บ่มเพาะคนใดในโลกมนุษย์เอาเสียเลย ร่างกายที่ดูบริสุทธิ์และไร้ที่ติ จากการเกิดใหม่ทำให้นางไร้มลทินในโลกมนุษย์ ทำให้คนอื่นรู้สึกราวกับว่านางเป็นเซียนอมตะไม่ใช่มนุษย์เดินดิน

จุดเหล่านี้คือข้อบ่งชี้ของเซียนสวรรค์อวตาร ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเซียนสวรรค์อวตารจะครองสติปัญญาและความรู้มากมายออกมาด้วย และเพราะพวกเขามีเศษเสี้ยวประสบการณ์ในความเข้าใจเต๋าจากชีวิตก่อนหน้านี้ ทำให้พวกถือความได้เปรียบในการบ่มเพาะที่คนทั่วไปในโลกไม่สามารถเปรียบเทียบได้เอาไว้

“เขตแดนเต๋าของเจ้าไม่เลวเลยจริง ๆ ทว่าข้าไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ครั้งนี้เจ้าไล่ตามข้ามาเพราะต้องการจะฉกชิงของที่ข้าครอบครองงั้นหรือ? เจ้าควรรู้ว่าต่อให้พวกเจ้ามีกันมากกว่า 10 คนไม่สามารถฆ่าข้าได้อยู่ดี” เฉินซีเอนตัวลงไปกับพื้น แม้ว่าอาการของเขาจะแย่มาก แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงเรียบนิ่งและสงบ

“ข้ารู้ แต่เหตุผลที่เราไม่สามารถหยุดเจ้าได้ นั้นเพราะพวกเราถูกหยุดโดยเจตจำนงของตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในตัวของเจ้า ข้าพอจะเข้าใจตัวตนนี้อยู่ไม่มากก็น้อย และยามนี้เขาคงไม่อาจช่วยเจ้าได้แล้ว เพราะเขาได้ถูกผู้เยี่ยมยุทธ์จากโลกภายนอกร่วมมือกันบดขยี้ไปเมื่อราวสองสามหมื่นปีที่แล้ว บางทีร่างกายและวิญญาณของเขาอาจยังไม่ถูกทำลาย ทว่าอย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่มีพลังมากพอที่จะไปต่อกรกับเทพเจ้าต่าง ๆ ในมิติที่สามได้ ฉะนั้นตอนนี้เจ้าก็เหลือเพียงตัวคนเดียวและไม่อาจทำอะไรได้ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องพยายามหลอกลวงข้า” เสียงของชิงซิ่วอี้ทั้งเย็นชาและเลือนราง ใบหน้าที่สวยงามของนางยังคงเรียบสงบ แต่ก็ไม่ได้เยือกเย็น เป็นเพียงใบหน้าที่ไร้ซึ่งกังวล เงียบและสงบ แต่ก็ไม่อาจรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าในใจนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่

เมื่อไม่กี่หมื่นปีที่แล้ว?

ถูกผู้เยี่ยมยุทธ์จากโลกภายนอกร่วมกันบดขยี้?

ความประหลาดใจพรั่งพรูออกมาจากภายในใจของเฉินซี ในตอนนี้เขาเข้าใจได้เพียงผิวเผินเท่านั้น ว่าสวรรค์ที่ท้าทายการดำรงอยู่ของเจ้าของเสียงที่เยือกเย็นและเศร้าสร้อยนั้นเป็นอย่างไร

ทว่าเขาก็ยังคงกล่าวต่อไปอย่างใจเย็น “หากข้าคาดเดาไม่ผิด เจ้าคงจะเกรงกลัวตัวตนที่ยิ่งใหญ่เบื้องหลังข้ามากน่าดูชม ไม่อย่างนั้นเจ้าคงจะไม่พูดเรื่องไร้สาระให้มากความ และคงจะไม่รอจนถึงตอนนี้แต่กลับยังไม่ลงมือกับข้า”

“เป็นเช่นนั้น เมื่อหลายปีก่อนตัวตนที่ยิ่งใหญ่นั้นได้ทำให้โลกต่าง ๆ หวาดกลัวเขาอย่างมาก พลังความสามารถของเขาถือว่ามากจนน่าตกใจ ถึงขั้นที่สามารถสั่งการโลกทั้งใบได้ แม้ว่าข้าจะฝึกฝนจนกลับไปสู่ขอบเขตเซียนสวรรค์อีกครั้ง ข้าก็ยังต้องระมัดระวังต่อแผนการที่เขาวางเอาไว้ก่อนที่จะร่วงหล่นไปอยู่ดี เจ้าควรเข้าใจดีว่ามนุษย์มักตายด้วยการแสวงหาความมั่งคั่ง เช่นเดียวกับนกที่ตายเพราะการแสวงหาอาหาร ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลประโยชน์บ้างอย่าง ข้ายอมที่จะเพิกเฉยต่อทุกสิ่งเพื่อให้ได้สิ่งนั้น” ชิงซิ่วอี้พยักหน้าและตอบไปตามความเป็นจริง

เป็นเพราะนางไม่บ่ายเบี่ยงแม้แต่น้อยที่จะยอมรับข้อเท็จจริงนี้ ทำให้เฉินซีมีความรู้สึกมั่นใจมากว่าสตรีนางนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ และทำให้เขาไม่สามารถกระตุ้นความคิดที่จะเกลียดนางได้เลย เพราะเมื่อเทียบกับการกระทำที่เสแสร้งและเจ้าเล่ห์ของคนอื่น ๆ แล้ว หญิงสาวผู้นี้กลับสามารถพูดเกี่ยวกับสิ่งที่นางกำลังคิดได้โดยไม่ต้องหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นี่แสดงให้เห็นว่านางมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างมาก และสถานการณ์ทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุมของนางมาโดยตลอด!

“เจ้าวางแผนจะทำอะไร?” เฉินซีตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะหยุดเล่นเกมจิตวิทยากับผู้หญิงคนนี้ และเลือกถามนางอย่างตรงไปตรงมา

ชิงซิ่วอี้ตอบกลับ “ข้าวางแผนที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้า ส่งมอบสมบัติอมตะที่อยู่ในความครอบครองของเจ้าให้ข้า แล้วข้าจะมอบสมบัติ, วารีวิญญาณ, เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ, โอสถ… เจ้าสามารถเลือกอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ”

“แลกเปลี่ยน?” เฉินซีดูราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ “ถือเป็นวิธีที่ดีในการแก้ปัญหา การฉกชิงกลายเป็นการแลกเปลี่ยน และเจ้ายังจะตอบแทนข้าด้วยของที่มีค่าเท่าเทียม ตราบใดที่ข้าตกลงไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเขาก็คงหาข้ออ้างมาวุ่นวายกับเจ้าไม่ได้อีกต่อไป แผนการที่ดี เป็นแผนการที่ดีอย่างแท้จริง”

ชิงซิ่วอี้รับรู้ถึงการเยาะเย้ยในคำพูดของเฉินซี แต่นางก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยและยังคงกล่าวอย่างเฉยเมยต่อไป “เจ้าคิดอย่างไรกับการแลกเปลี่ยนนี้?”

“ข้ามีทางเลือกหรือไม่?” เฉินซีเลือกตอบอย่างมีวาทศิลป์

ชิงซิ่วอี้กล่าวต่อ “นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าคงราบดีถึงช่องว่างระหว่างเราสองคน การต่อต้านจนถึงที่สุดมีแต่จะทำให้เจ้าต้องสละชีวิต และนั่นไม่ใช่สิ่งที่คนฉลาดทำ”

“เจ้าจะมากเกินไปแล้ว! เฉินซี เจ้าต้องไม่เห็นด้วยกับนางอย่างเด็ดขาด!” หลิงไป๋กระโจนออกไปลอยขวางหน้าเฉินซี เขามองไปที่ชิงซิ่วอี้ด้วยสายตาที่เย็นชายิ่ง ในขณะร่างกายของเขาปลดปล่อยรัศมีออกมา ทำให้เขาดูเหมือนดาบคมไร้ปลอกที่ตั้งใจจะดื่มเลือดของศัตรู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]