บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 217

บทที่ 217 ฟ่านอวิ๋นหลาน

บทที่ 217 ฟ่านอวิ๋นหลาน

สำหรับเฉินซีแล้ว เขตแดนเต๋าหมอกฝน ของชิงซิ่วอี้นับว่าเป็นน่าเกรงขามที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาเขตแดนเต๋าของผู้ที่เป็นศัตรูทั้งหมด ทุกส่วนสัดของมันประจุไปด้วยเต๋ารู้แจ้งล้ำลึก

แค่การบ่มเพาะเขตแดนเต๋าชนิดนี้ได้มันก็ทำให้ชิงซิ่วอี้สามารถขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในบรรดาผู้บ่มเพาะพลังรุ่นราวคราวเดียวกัน

อย่างไรก็ตามเวลานี้เขตแดนเต๋าหมอกฝนกลับถูกคนสวมผ้าคลุมดำปิดบังหน้า ฉีกมันออกจากกันอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นเขาได้พาร่างผ่านเข้าสู่เขตแดนเต๋าโดยที่ไม่มีผู้ขัดขวาง ความแข็งแกร่งเช่นนี้ช่างน่าอัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ!

ทว่า…สีหน้าท่าทางของชิงซิ่วอี้ยังคงแสดงความสุขุมเยือกเย็นและไม่ยินดียินร้าย นางยืนนิ่งไม่ออกเคลื่อนไหวกระทั่งเขตแดนเต๋าหมอกฝนที่ถูกทำลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้วกลับฟื้นคืนสู่สภาพเดิม เมื่อเห็นเช่นนั้นสตรีจึงเหลือบตามาทางศัตรู ‘ที่ไม่ได้รับเชิญ’ พลางพิจารณามองฝ่ายนั้นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

คนตรงข้ามสวมผ้าคลุมสีดำแม้แต่ใบหน้าของนางก็ถูกหมวกบนศีรษะปิดบังไว้อย่างมิดชิด คนอื่น ๆ ไม่อาจสังเกตเห็นลักษณะหน้าตาของคนผู้นั้นได้ถนัด หากพิจารณาจากเรืองร่างสง่างามภายใต้ผ้าคลุมดำสนิท รู้ได้อย่างเดียวว่าคนแปลกหน้าคนนี้เป็นอิสตรีอย่างแน่นอน

สตรีผู้นี้เป็นใคร พลังของนางช่างประหลาดล้ำ อาจอยู่ที่ขอบเขตแกนทองคำหรือไม่ก็สูงกว่านั้น…ชิงซิ่วอี้ คาดเดาอยู่ในใจ

ฟึ่บ!

ชั่วขณะต่อมาหลิงไป๋ซึ่งแปรสภาพเป็นลำแสงสีทองอยู่กลางอากาศได้กลับคืนร่างเดิมก่อนที่จะทะยานลงมาหยุดด้านหน้าเฉินซีทันที แลเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ยามนี้ซีดขาวและมองทะลุปรุโปร่งอย่างน่ากลัว ร่างกายของเขาใกล้แตกดับเต็มที อีกทั้งกำลังสำลักกระอักโลหิตออกจากปากด้วย

แน่ชัดว่า ด้วยการที่สตรีสวมดำเข้ามาขัดจัดหวะ ทำให้หลิงไป๋ยุติการกระทำซึ่งเสมือนการสังเวยชีวิตของตัวเองลงได้อย่างเฉียบขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทำให้จิตวิญญาณอ่อนโรยขาดความมีชีวิตชีวา อีกทั้งแววตาหม่นมัวและซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด

ขณะที่เฉินซีเมื่อมองเห็นดังนั้นถึงกับถอนใจหนักหน่วง ในใจที่กำลังทั้งโกรธขึ้ง ตระหนกตกใจและเจ็บปวดลึก ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเต็มตื้นอย่างไม่เสแสร้ง ตราบใดที่หลิงไป๋ยังไม่ตาย ข้างหน้าจะมีคลื่นยักษ์ถาโถมหรือภัยพิบัติรออยู่ แล้วจะทำไม

“เฉินซี…เจ้านั่นเอง เจ้าสินะที่ฆ่าพี่น้องตระกูลเถิง ก็สมควรที่จะเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนที่พวกมันจะตายได้ใช้ละอองผีเสื้อดำ ติดมากับตัวเจ้าและหลงเหลืออยู่ละก็ คงยากที่ข้าจะตามมาเจอเจ้าที่นี่ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าของล้ำค่าทั้งสองชิ้นยังอยู่กับเจ้าสินะ” เสียงคนสวมดำโพล่งขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ แก้วเสียงของนางกังวานใสดั่งเสียงร้องของนกขมิ้น จังหวะจะโคนไพเราะเพราะพริ้งและแฝงด้วยมนต์เสน่ห์ มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง

เฉินซีนิ่วหน้าก่อนเอ่ยถามรวดเร็ว “เจ้าคือฟ่านอวิ๋นหลานแห่งนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตงั้นหรือ”

ไม่ผิดแน่ สตรีผู้นั้นเกี่ยวข้องกับพี่น้องตระกูลเถิงทั้งแสดงออกว่ารู้จักข้านับตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอ ฉะนั้นนางจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหัวหน้าหมู่ตึกฟ่าน…ฟ่านอวิ๋นหลาน คนที่เซี่ยวจวินเคยเอ่ยถึงสินะ

นี่ละตัวปัญหา!

ความรู้สึกของเขาราวกับของหนักกดทับลงกลางใจ ตอนแรกแค่ชิงซิ่วอี้เพียงคนเดียว หากเท่านั้นได้ทำให้เขาแทบจะสูญสิ้นพลัง เวลานี้มีสตรีจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตเพิ่มเข้ามาอีกคน จึงยิ่งรู้สึกหนักหน่วงในใจได้อย่างชัดเจน

นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตงั้นหรือ?

เมื่อชิงซิ่วอี้ว่าเฉินซีระบุตัวตนของสตรีสวมดำตรงหน้า พลันหัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ทั้งยังตัดสินใจได้ทันทีคนคนนี้เป็นแต่ศัตรูหาใช่มิตร ยิ่งกว่านั้นนางมาเพราะเห็นแก่สมบัติล้ำค่าในครอบครองของเฉินซีเหมือนกัน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]