บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 218

บทที่ 218 ยันต์หยกเซียนปฐพี

บทที่ 218 ยันต์หยกเซียนปฐพี

ชิงซิ่วอี้โบกฝ่ามือตนเบา ๆ ก็ขัดขวางท่าฝ่ามือของฟ่านอวิ๋นหลานไว้ได้ เฉินซีที่จับจ้องมองทุกอย่างโดยตาไม่กระพริบสังเกตเห็นในพลันว่าพลังฝ่ามือของฟ่านอวิ๋นหลานสลายหายไปโดยสมบูรณ์ ส่วนร่างของชิงซิ่วอี้ก็คล้ายเป็นมหาสมุทรไร้ขอบเขต สามารถกักเก็บทุกสิ่งไว้ภายในได้!

“การบ่มเพาะกงล้อที่ 7 แห่งขอบเขตจุตินั้นน่าเกรงขามจริง ๆ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะข้าข่มความแข็งแกร่งไว้เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งที่จะมีอีกห้าปีจากนี้ ข้าก็อาจก้าวสู่ขอบเขตสถิตกายานานแล้ว ข้าจะกลัวพวกเจ้าไปทำไม?” หลังจากที่ชิงซิ่วอี้ต้านฝ่ามือของฟ่านอวิ๋นหลานได้แล้ว สีหน้าของนางก็สงบและเฉยเมย ไร้อารมณ์ใดแม้แต่น้อย นางพลิกฝ่ามือก่อนจะประกบกันอีกครั้ง

ทันใดนั้น ท่าฝ่ามือนั่นก็ราวกับจะดูดซับเต๋าแห่งการรู้แจ้งภายในเขตแดนเต๋าหมอกฝนรอบกาย เกิดเสียงคลื่นกระทบฝั่งบนฟากฟ้า คลื่นหลายชั้นพุ่งเข้าหาฟ่านอวิ๋นหลานที่อยู่เหนือนาง

ครืน!

เสียงอันน่าเกรงขามของปราณแท้ปะทะกันดังก้องออกมาไม่หยุด ชิงซิ่วอี้และฟ่านอวิ๋นหลานยอดฝีมือทั้งสองผู้ครองพลังบ่มเพาะน่าผวาได้เข้าต่อสู้กันอย่างจริงจังแล้ว

การบ่มเพาะของชิงซิ่วอี้อยู่ที่ขอบเขตแกนทองคำขั้นสมบูรณ์แบบ และยังเป็นร่างจุติของเซียนสวรรค์ที่มีความแข็งแกร่งเกินหยั่งอีกด้วย อีกทั้งตอนนี้นางอยู่ในเขตแดนเต๋าหมอกฝนของตนเอง ดังนั้นจึงเทียบขั้นได้กับฟ่านอวิ๋นหลานซึ่งอยู่ขอบเขตจุติเลยทีเดียว!

ภาพฉากนี้ทำให้หัวใจของเฉินซีเดี๋ยวโดดขึ้นสูงเดี๋ยววูบลงต่ำราวกับคลื่นน้ำ เลือดในกายพลุ่งพล่านไปมา

ขอบเขตจุติเป็นพลังที่น่ากลัว มีพลังเหนือกว่าขอบเขตแกนทองคำมาก ในโลกแห่งการบ่มเพาะของดินแดนทางใต้ ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุตินั้นนับว่าได้รับความเคารพนับถือจากผู้อื่นให้เป็นบรรพาจารย์ได้แล้ว สำหรับผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติแล้ว การฆ่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำนั้นง่ายดั่งเชือดไก่ตัวหนึ่ง ความแตกต่างระหว่างทั้งสองขอบเขตนั้นราวกับชั้นฟ้าและผืนดิน ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้เลย

ยิ่งมีพลังบ่มเพาะแตกต่างกันมากก็ยิ่งฝ่าขอบเขตและต่อสู้ศัตรูได้ยากขึ้นเท่านั้น เพราะมันเกี่ยวเนื่องถึงความละเอียดอ่อนในการควบคุมพลังฟ้าและดิน ทั้งยังเกี่ยวพันถึงการหยั่งถึงความลึกล้ำของเจตจำนงเต๋า ขอบเขตทั้งสองนั้นเหลื่อมล้ำแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

ทว่าตอนนี้ ชิงซิ่วอี้กลับสามารถใช้พลังขอบเขตแกนทองคำประมือกับฟ่านอวิ๋นหลานที่อยู่ขอบเขตจุติได้ นับว่าทำลายแนวคิดดั้งเดิมของโลกแห่งการบ่มเพาะไป สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาก็ว่าได้ หากข่าวการต่อสู้ครั้งนี้แพร่กระจายออกไปก็อาจจะไม่มีใครเชื่อ

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขตแดนเต๋าหมอกฝนถูกระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยพลังอันน่าเกรงกลัว

จากนั้นปราณแท้เส้นแล้วเส้นเล่าก็เข้าปะทะกัน เกิดระเบิดทั้งบนฟ้าและบนดิน บุปผาและพืชพรรณทั้งหลายในระยะหลายร้อยลี้พลันถูกทำลายสิ้น แม้แต่ผินดินยังเกิดรอยแตกขนาดใหญ่ขึ้นจำนวนมาก

ในช่วงเวลานี้ ถึงจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตแกนทองคำ แต่หากเข้าไปถูกพลังโจมตีของคนทั้งคู่เข้าก็จะถูกพลังทำลายล้าง สิ้นใจไปในทันที

แม้ทั้งคู่จะโจมตีโดยไม่ยั้งมือ แต่ก็สามารถคุมความผันผวนของตัวเองไว้ได้ดี เพราะดูจะกลัวเฉินซีที่อยู่ใกล้ ๆ ได้รับบาดเจ็บไปด้วย

แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่เฉินซีจะหลบหนีไปได้ ไม่ต้องกล่าวเรื่องที่เขาไร้เรี่ยวแรงใดในร่าง แค่ปราณของคนทั้งคู่ก็สามารถตรึงเขาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้แล้ว

“ฮึ่ม! ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือความคาดหมายข้าจริง ๆ แต่มันก็ไม่เพียงพอหรอก หากคนอัจฉริยะเช่นเจ้าไม่ถูกสังหารโดยเร็ว ก็จะกลายเป็นต้นเหตุแห่งหายนะในอนาคตอย่างแน่นอน!” ในขณะที่นางหัวเราะอย่างเย็นชา ฉับพลันร่างของฟ่านอวิ๋นหลานก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ด้านหลังของนางเกิดแสงสีดำสนิทของเขตแดนเต๋าพุ่งออกมา เป็นเหมือนม่านแห่งความมืดนิรันดร์ เห็นเป็นดวงตาปีศาจสีแดงเลือดหลายพันคู่กระพริบอยู่ในม่านแห่งความมืดนี้ เมื่อนับดี ๆ ได้เป็นจำนวน 3,000 คู่พอดิบพอดี ดวงตาปีศาจทุกคู่มีขนาดใหญ่ดั่งโคมไฟ ปล่อยแสงชั่วร้ายหลากหลาย แผ่ความอำมหิต กระหายเลือด และเป็นลางร้ายออกมา…

เฉินซีรู้สึกว่าแค่ดูจากไกล ๆ หนังศีรษะตนก็ชาวาบขึ้นมาแล้ว ราวกับเกิดความรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างหมายจะกลืนกินวิญญาณเขาก็มิปาน

เขารีบสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ปราณแท้เต๋ารู้แจ้งแห่งปารามิตาพลันสว่างวาบอยู่ในดวงจิต ทำให้ความคิดขุ่นมัวทั้งหลายถูกกวาดล้างหายไปจนสิ้น จิตใจกลับมากระจ่างดังเดิม

“ปารามิตานำทางจิตวิญญาณเพื่อให้หกวิถีสังสารวัฏเกิดความมั่นคง ดังนั้นมันจะไม่ปล่อยให้ความชั่วร้ายกลืนกินจิตวิญญาณและกล้าฝืนต่อกฎธรรมชาติ…” เฉินซีสัมผัสได้จาง ๆ ราวกับว่าเต๋ารู้แจ้งแห่งปารามิตากำลังต้านทานความชั่วร้ายทั้งหมดเอาไว้

มันทำให้อดนึกถึงตอนที่สังหารหลัวซิ่วกับเถิงหัวซวี่ขึ้นมาไม่ได้ พู่กันพิพากษามารทำการสังหาร ทว่าระเบียนแดนมรณะกลับทำการกลืนกินความชั่วร้ายทั้งหลาย ชำระล้างปราณชั่วร้ายบนฟ้าดิน คืนความสุขสงบสู่ใต้หล้า เต๋ารู้แจ้งแห่งปารามิตานั้นมาจากระเบียนแดนมรณะ อยู่ภายในตราประทับเจตนจำนงของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลาย

“ดวงตาปีศาจ 3,000 ดวงหรือ? เขตแดนเต๋ากลืนวิญญาณหรือไร? ข้าได้ยินมาว่านิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตมีบ่อเลือดที่สืบทอดมาจากยุคบรรพกาล ภายในนั้นมีมหาเต๋าสูงสุดสิบประเภทของนิกายอสูรอยู่ เว้นเสียแต่จะเป็นผู้มีความสำคัญสูงส่งในนิกาย ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถเข้าไปบ่มเพาะพลังในนั้นได้ ในเมื่อเจ้าสามารถฝึกเขตแดนเต๋ากลืนวิญญาณได้ ดูท่าเจ้าจะเป็นคนสำคัญในนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตกระมัง!” สีหน้าของชิงซิ่วอี้จริงจังขึ้นพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักหน่วง

“คุณหนูชิงมีความรู้ดีนัก แต่ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น วันนี้คือวันตายของเจ้า” ฟ่านอวิ๋นหลานที่สวมชุดสีดำสนิทยืนอยู่ภายในเขตแดนเต๋ากลืนวิญญาณพร้อมกับดวงตาปีศาจ ทำให้นางดูชั่วร้ายอย่างน่าประหลาด

สิ้นคำนาง เขตแดนเต๋ากลืนวิญญาณก็พลันขยับเคลื่อน

ดวงตาปีศาจ 3,000 ดวงเปิดออกอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลำแสงสีเทาจำนวนมากพุ่งกรีดฟ้าออกมา พร้อมกับปราณทำลายล้างดูน่าประหลาดที่ทั้งหนัก หน่วง และกลืนวิญญาณคนได้

ซู่~

ทันทีที่แสงสีเทาแห่งความตายพุ่งขึ้นฟ้า พลังกัดกร่อนก็ทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบจนเกิดเป็นรูนับไม่ถ้วน เป็นภาพที่น่ากลัวนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]