เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2189

บทที่ 2189 เดินทางสู่สามภพ

………………..

บทที่ 2189 เดินทางสู่สามภพ

แผนการนั้นเดินทางผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน

ตั้งแต่ที่เฉินหลิงจวินได้ครอบครองชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นแรกที่สถิตบนภูเขาผนึกเทพ ถึงตอนที่เฉินซีหลอมรวมชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากทั้งเก้าชิ้นเข้ากับร่างของตน ในที่สุดแผนการที่ยิ่งใหญ่นี้ก็กำลังจะสิ้นสุดลง

ถึงอย่างนั้น มันก็ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงผลลัพธ์สุดท้ายในตอนนี้

อย่างที่เฉินซีได้กล่าวไว้ แผนขั้นสุดท้ายของเจ้านิกายอำนาจเทวะคือการแย่งชิงความแข็งแกร่งที่เขามี ใช้แผนภาพวารีหลากเพื่อครอบครองพลังปฐมกาลภายในมาตุภูมิหมื่นวิถี

กระนั้นบัดนี้เฉินซีได้ล่วงรู้ถึงแผนการของเจ้านิกายอำนาจเทวะแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำสำเร็จตามแผนอย่างเด็ดขาด

ตี้ชุนและเหวินเต้าเจินรู้นิสัยของศิษย์หลานดี จิตใจของพวกเขาเริ่มกลับมาสงบลง อย่างน้อยความหวังก็ยังคงมีอยู่ และมันก็มาจากแผนภาพวารีหลากที่เฉินซีครอบครอง!

เมื่อประกอบความแข็งแกร่งในปัจจุบันของชายหนุ่มรวมเข้ากับพลังของแผนภาพวารีหลาก มันจะทำให้พวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์และเอาชนะเจ้านิกายอำนาจเทวะได้หรือไม่?

ช่างเป็นคำตอบที่ยากจะฟันธง

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังมีร่องรอยแห่งความหวัง ตราบใดที่เฉินซียังคงครอบครองแผนภาพวารีหลาก เจ้านิกายอำนาจเทวะก็ไม่อาจทำอะไรต่อเขาได้ และแผนการมากมายเหล่านั้นจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน!

เมื่อตี้ซุนคิดได้ถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดเจ้าถึงยืนกรานที่จะมุ่งหน้าไปยังมาตุภูมิหมื่นวิถีให้ได้เล่า?”

ในความเห็นของเขา เจ้านิกายอำนาจเทวะคงกำลังรอให้เฉินซีเข้าไปที่นั่น เห็นได้ชัดว่าด้วยแผนนี้เฉินซีจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกว่าการไม่เล่นไปตามน้ำอีกฝ่ายจะเป็นการดีที่สุด

นั่นก็เพราะหากเฉินซีไม่ไปที่นั่น เจ้านิกายอำนาจเทวะก็ทำได้เพียงเฝ้ารออย่างไร้จุดหมาย และในที่สุดแผนการก็ต้องเป็นอันล้มเหลวมิใช่หรือ?

เหวินเต้าเจินส่ายหน้าพลางถอนใจ “ในเมื่อเจ้านิกายอำนาจเทวะได้วางแผนเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะไม่คิดเช่นเจ้า? อย่าลืมสิ่งที่เจตจำนงของเจ้านิกายอำนาจเทวะได้กล่าวไว้ก่อนที่มันจะถูกเฉินซีทำลายสิ”

ตี้ซุนชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปท่ามกลางความเงียบที่ปิดปากเขาเอาไว้

เจตจำนงของเจ้านิกายอำนาจเทวะนั้นกล่าวว่า ไม่ว่าจะฝูซี จี้อวี๋ หรือแม้แต่คนที่เฉินซีรักจะต้องประสบกับเภทภัยหากเขาไม่ได้มุ่งหน้าไปยังมาตุภูมิหมื่นวิถี!

นี่นับเป็นคำขู่ที่เฉินซีไม่อาจปฏิเสธได้

เพราะตี้ซุนรู้จักศิษย์หลานของเขาเป็นอย่างดี เฉินซีเป็นคนหนักแน่นที่ให้ความสำคัญกับสัจจะ ความภักดี และคนที่รักเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าในสายตาของหลาย ๆ คน นี่เป็นลักษณะนิสัยที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง แต่มันก็ถือเป็นจุดอ่อนร้ายแรงในสายตาศัตรูเช่นเดียวกัน!

หากถามว่าเหตุใดเจ้านิกายอำนาจเทวะจึงแข็งแกร่ง?

คำตอบมีเพียงสองคำเท่านั้น ไร้หัวใจ และไร้ความปรานี!

ไม่มีสิ่งใดสามารถผูกมัดอารมณ์ และขัดขวางเขาจากการบรรลุเป้าหมายได้!

แต่เฉินซีไม่ใช่คนเช่นนั้น นิสัยของเขาคล้ายคลึงกับอู๋เซวี่ยฉานมากจนน่าตกใจ เขาภักดีเสียจนยินดีที่จะสละชีวิตตัวเองโดยไม่นึกหวั่น!

เฉินซีส่ายหน้า “นั่นเป็นเพียงหนึ่งเหตุผลเท่านั้น ข้ายังมีเหตุผลอื่นให้ต้องมุ่งหน้าไปยังมาตุภูมิหมื่นวิถีให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

ดวงตาของตี้ซุนและเหวินเต้าเจินหรี่ลงด้วยความสับสน

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และพูดอย่างจริงจัง “เจ้านิกายอำนาจเทวะต้องการความแข็งแกร่งของข้าเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของเขา ข้าก็ต้องการความแข็งแกร่งของเขาเพื่อบรรลุมหาวิถีแห่งเต๋าเช่นกัน!”

เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าจะข้าหรือเจ้านิกายอำนาจเทวะ เราทั้งคู่จะไม่ยอมให้ตัวเองพลาดโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน!”

ทุกคำที่เขาพูดเต็มไปด้วยความแน่วแน่

ในที่สุดอาจารย์อาทั้งสองก็เข้าใจความคิดของเฉินซี

เขามีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปมาตุภูมิหมื่นวิถี!

หลังจากที่ตี้ซุนและเหวินเต้าเจินจากไป เฉินซีก็พบปะพ่อแม่ของเขา หมิง เจิ้นหลิวชิง เหล่าไป๋ อาเหลียง และคนอื่น ๆ ตามลำดับ เขาบอกแก่คนเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมาถึงความตั้งใจที่จะมุ่งหน้าไปยังมาตุภูมิหมื่นวิถีเพื่อค้นหาความลับของมหาวิถี และหากทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาก็คงจะกลับมาในไม่ช้า

สำหรับอันตรายที่อาจต้องเผชิญในระหว่างการเดินทางและแผนการของเจ้านิกายอำนาจเทวะนั้น เขาไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

ถึงกระนั้นพวกเขาก็รู้ดีว่าการเดินทางของเฉินซีจะต้องเต็มไปด้วยอันตรายอย่างแน่นอน ความกังวลก่อตัวขึ้นในหัวใจของพวกเขาอย่างยากหลีกเลี่ยง

อย่างไรก็ตาม พวกเขามีหรือจะไม่รู้ว่าไม่มีสิ่งใดหรือใครจะเปลี่ยนการตัดสินใจของเฉินซีได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงอธิษฐานในใจขอให้เขากลับมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น

ไม่เพียงเท่านั้น เฉินซียังได้พบกับหลียาง เที่ยอวิ๋นไห่ ปราชญ์เฒ่า หลี่ฝูเหยา และศิษย์พี่คนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน เขาบอกอีกฝ่ายถึงเป้าหมายสุดท้ายซึ่งได้แก่การแสวงหามหาวิถีเป็นอย่างแรก ก่อนจะกล่าวถึงเป้าหมายในการตามหาวิธีชุบชีวิตอู๋เซวี่ยฉานเป็นลำดับถัดไป

สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้านิกายอำนาจเทวะ เขาไม่จำเป็นต้องพูดถึงแม้แต่น้อย

หลียางและคนอื่น ๆ ค่อนข้างเป็นกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา แน่นอน เขาเทพพยากรณ์เพิ่งจะสูญเสียศิษย์พี่ใหญ่ อู๋เซวี่ยฉานไป หากกระทั่งศิษย์น้องเล็กต้องประสบเภทภัยไปอีกคน เรื่องนี้ก็คงจะหนักหนาเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไหว

ถึงอย่างนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าความกังวลของพวกเขามันหาได้มีประโยชน์อันใด พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอคอยอยู่ที่เขาเทพพยากรณ์อย่างอดทน

ปัจจุบันเต๋าแห่งสวรรค์ประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด แดนเทพโบราณตกอยู่ในความโกลาหล ภัยพิบัติได้กวาดกระจายไปทั่วทุกมุมโลก ทั้งเอกภพและพลังโบราณทั้งหลายถูกทำลายและช่วงชิงไปโดยนิกายอำนาจเทวะ หากกล่าวได้ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายก็นับว่าไม่ผิดนัก

จริงอยู่ที่ยอดแห่งความแข็งแกร่งในสามภพนั้นได้แก่ ขอบเขตราชันเซียน ทว่าแม้แต่เทวารู้แจ้งโลกาที่อ่อนแอที่สุดของแดนเทพโบราณก็ยังทรงพลังมากพอที่จะจัดการกับราชันเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างง่ายดาย!

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าสามภพนั้นต้อยต่ำหรือล้าหลังเสียจนถูกเทพเจ้าลืมเลือน เห็นได้ชัดจากบัญชาเต๋าสวรรค์!

บัญชาเต๋าสวรรค์ในสามภพมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างมาก เมื่อมีคนอยู่เหนือขอบเขตราชันเซียนปรากฏขึ้น บุคคลนั้นจะถูกบัญชาเต๋าสวรรค์ทำลายล้างในทันที ดังนั้นเทพทั้งหลายในแดนเทพโบราณจึงไม่สามารถรุกล้ำหรือทำลายสามภพได้

อันที่จริงแล้ว หากมองย้อนกลับไปในอดีตก็จะเห็นว่าสามภพนั้นเปรียบเสมือนจุดกำเนิดและการเริ่มต้น นานมากแล้วเมื่อความโกลาหลเพิ่งถูกแยกออก ยอดคนได้ถือกำเนิดขึ้นในสามภพ ส่งผลให้ที่แห่งนี้อยู่ใต้เงายุคสมัยแห่งการบ่มเพาะที่เฟื่องฟูและงดงามอย่างยิ่ง

ตัวอย่างเช่น ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ จักรพรรดิมด จักรพรรดิยมโลกที่สาม ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล และแม้กระทั่งฝูซี หนี่หวา เจ้านิกายอำนาจเทวะ และบุคคลในตำนานอื่น ๆ อีกมากมาย ต่างก็ทิ้งร่องรอยเบื้องหลังไว้ในสามภพ

ในทำนองเดียวกัน สามภพนั้นมียมโลก สถานที่สำหรับจัดสรรการเวียนว่ายตายเกิดซึ่งแตกต่างจากดินแดนเทพโบราณ!

เช่นนี้ แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ของแดนเทพโบราณก็ยังต้องมุ่งหน้าไปยังสามภพหากว่าตนต้องการเข้าสู่วงจรวัฏสงสาร

ตัวอย่างเช่น เฉินหลิงจวิน หลี่ฝูเหยา ชิงซิ่วอี้ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย

พูดง่าย ๆ สามภพนั้นเต็มไปด้วยความลับมากมายซึ่งแม้แต่แดนเทพโบราณยังไม่อาจล่วงรู้

ความโกลาหลในสามภพได้ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ เต๋ามากมายในสากลโลกก็บังเกิดขึ้นที่นี่ และแม้แต่บัญชาแห่งนภาผนึกเทพก็ถูกสร้างขึ้นที่นี่เช่นกัน

หากสามภพไม่ใช่สถานที่พิเศษเช่นนั้น เขาเทพพยากรณ์ นิกายอำนาจเทวะ และตำหนักเต๋าหนี่หวาก็คงจะไม่ได้ก่อตั้งนิกายของตนขึ้นที่นี่

เนื่องจากเฉินซีตั้งใจที่จะกลับไปยังสามภพ เขาจึงต้องผ่านด่านของบัญชาเต๋าสวรรค์ไปให้ได้ ในอดีต เขาแทบจะไม่สามารถส่งเจตจำนงของตนลงไปยังภพทั้งสามได้เลย และต่อให้ผ่านลงไป ความแข็งแกร่งของมันก็มักจะอยู่ที่ขอบเขตราชันเซียนเท่านั้น

ทว่าตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เมื่อเฉินซีได้หลอมรวมเข้ากับแผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์และมองเห็นมหาวิถีของตน ด้วยเหตุนี้ เขาก็มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อบัญชาแห่งแดนนภาผนึกเทพด้วยเช่นกัน

ดังนั้นในครานี้ ชายหนุ่มจึงไม่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากเต๋าแห่งสวรรค์เมื่อเขากลับมายังสามภพอีกครั้ง

แดนโลกาวินาศอยู่เหนือภพทั้งสาม

มันเป็นอาณาเขตที่สร้างขึ้นจากซากศพของจ้าวเต๋าคุนเผิง เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เฉินซีทะลุผ่านของเขตราชันเซียน เขาก็ต้องผ่านแดนโลกาวินาศก่อนที่จะมาถึงเอกภพมสิหิมในที่สุด

ฟึ่บ!

ทันใดนั้น ระลอกคลื่นก็บังเกิดขึ้นบนท้องฟ้าเหนือแดนโลกาวินาศ เรือนกายอันสูงสง่าของเฉินซีปรากฏตัวขึ้นที่นั่น แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในแดนโลกาวินาศกลับไม่รับรู้ถึงตัวตนของเขาเลย

เฉินซีก้าวไปข้างหน้าก่อนจะหยุดลงตรงพื้นที่ที่เขาเคยมาถึงในทันทีเมื่อเข้าสู่แดนโลกาวินาศ และเริ่มทำการค้นหาหลังจากนั้น…

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]