บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 22

บทที่ 22 นิกายกระบี่เมฆาพเนจร
บทที่ 22 นิกายกระบี่เมฆาพเนจร

พี่น้องคู่นี้เป็นมังกรในหมู่มนุษย์เสียจริง น้องชายมีพรสวรรค์อันไม่มีใครเทียบได้ในวิถีเต๋าแห่งกระบี่ ส่วนพี่ชายสามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะได้อย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาอันแสนสั้น หากตระกูลเฉินไม่ถูกทำลายล้าง อนาคตของตระกูลจะรุ่งโรจน์ด้วยมือของพี่น้องสองคนนี้อย่างแน่นอน!

เมิ่งคงชื่นชมอย่างไม่หยุดหย่อนในใจ

หากศิษย์จำนวนมากของสำนักหมอกสนรู้ว่าเมิ่งคงผู้มีชื่อเสียงในฐานะอาจารย์สุดโหดยกย่องผู้อื่นได้แบบนี้ เกรงว่ากรามของพวกเขาคงจะอ้าค้างด้วยความตกใจอย่างแน่นอน

“จะว่าไป สำนักหมอกสนห้ามมิให้ศิษย์ออกมาเที่ยวเล่นนอกสำนักไม่ใช่หรือ?” เฉินซีถามเมื่อเห็นเมิ่งคงอยู่ข้างเฉินฮ่าว เขาสัมผัสได้ราง ๆ ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น

เฉินฮ่าวพยักหน้า “ท่านพี่ ท่านลุงเมิ่งคงอยากจะพาข้าไปที่เมืองทะเลสาบมังกรเพื่อเข้าร่วมนิกายกระบี่เมฆาพเนจร ข้าออกมาครั้งนี้เพื่อมาฟังความคิดเห็นของท่านก่อน”

นิกายกระบี่เมฆาพเนจร?

หัวใจของเฉินซีสั่นอย่างรุนแรงและเขาก็จ้องมองไปยังเมิ่งคง

หากนิกายถูกแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ได้ละก็… นิกายกระบี่เมฆาพเนจรที่ตั้งอยู่ในเมืองทะเลสาบมังกร ซึ่งเป็นศูนย์กลางของดินแดนทางใต้จะเป็นนิกายชั้นหนึ่งอย่างแน่นอน เนื่องด้วยนิกายนี้มีผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีดำรงอยู่หลายคน นอกจากนี้ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่นิกายกระบี่เมฆาพเนจรมี มันยังมีขุมกำลังน้อยใหญ่ในดินแดนทางใต้ทั้งหมดที่สามารถเปรียบเทียบได้

“ความเข้าใจของเฉินฮ่าวในหลักเต๋าแห่งกระบี่นั้นยอดเยี่ยม และสิ่งที่หาได้ยากกว่าคือหัวใจกระบี่ของเขานั้นมั่นคงยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงเหมาะสมกับเส้นทางของผู้ฝึกฝนกระบี่อย่างยิ่ง ข้ารู้สึกว่าเราควรอนุญาตให้เขาไปที่นิกายกระบี่เมฆาพเนจรเพื่อรับการฝึกกระบี่ที่ถูกต้องมากที่สุด ไม่ควรเสียเวลาฝึกปรือในสถานที่เล็ก ๆ เช่นเมืองหมอกสน ไม่เช่นนั้นความสำเร็จของเขาจะล่าช้า”

เมิ่งคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “นอกจากนี้ เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาระหว่างทาง ข้าจะเป็นผู้ส่งเขาไปที่นิกายกระบี่เมฆาพเนจรด้วยตัวเอง”

เฉินซีกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเมื่อเดือนที่แล้วปู่ของเขาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของศัตรู ขณะที่ส่งน้องชายของเขาไปยังเมืองทะเลสาบมังกรเพื่อเข้าร่วมการทดสอบของสำนักพันกระบี่

ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินว่าเมิ่งคงจะเป็นคนไปส่งเฉินฮ่าว เฉินซีก็คลายความกังวลไปได้มาก จากนั้นเขามองไปที่ดวงตาของเฉินฮ่าวขณะที่พูดอย่างจริงจังว่า “เจ้าโตขึ้นแล้ว พี่เคารพทางเลือกของเจ้า นิกายกระบี่เมฆาพเนจรนั้นแข็งแกร่งกว่าสำนักพันกระบี่อย่างเทียบกันไม่ได้ หากเจ้าตัดสินใจที่จะไปจริง ๆ เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี”

“ตกลงขอรับ!” เฉินฮ่าวแสดงออกอย่างแข็งขัน ขณะขานรับ “ท่านพี่ ไม่ต้องกังวลอันใด เมื่อข้าฝึกปรือจบและกลับมา ข้าสัญญาว่าจะฆ่าศัตรูทั้งหมดของตระกูลเฉินได้อย่างแน่นอน!”

ความเกลียดชังฝังแน่นเข้ากระดูกดำ?

ร่องรอยของความกังวลบังเกิดขึ้นในใจของเมิ่งคงอย่างช่วยมิได้ เมื่อยิ่งมีความคิดที่แน่วแน่มากเท่าใด ก็ยิ่งมีความดื้อรั้นดื้อดึงมากขึ้นเท่านั้น หากหัวใจกระบี่ของเฉินฮ่าวถูกบดบังด้วยความเกลียดชัง มีความเป็นไปได้สูงมากที่เด็กน้อยผู้นี้จะประสบกับสภาวะธาตุไฟเข้าแทรกในอนาคต

เฉินซีขมวดคิ้วและตำหนิ “อย่าพูดถึงเรื่องการแก้แค้นอีกในอนาคต! ถ้าข้าพบว่าเจ้าออกตามหาศัตรูของเราเพียงลำพัง ก็อย่าเรียกข้าว่าพี่ชายอีกต่อไป!”

“อืม…” เฉินฮ่าวก้มศีรษะลงเมื่อเห็นเฉินซีโกรธ แต่แววตาของเขานั้นยังคงดื้อรั้นไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย

“เอาแบบนี้เป็นอย่างไร เมื่อเจ้าบรรลุถึงขอบเขตเคหาทองคำ เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการและข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง” เฉินซีมีหรือจะไม่เข้าใจความคิดของเฉินฮ่าว เขารู้ว่าเขาใช้กำลังบังคับไม่ได้ แต่ต้องค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมเด็กคนนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องประนีประนอมหาทางออกให้อีกฝ่ายแทน

“ข้อเสนอนี้ดียิ่งนัก!” เฉินฮ่าวเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นเต้นแล้วกล่าวออกมา “ท่านพี่รอไว้เถิด ข้าจะบรรลุขอบเขตเคหาทองคำอย่างรวดเร็ว และในเวลานั้นท่านก็ไม่ควรหยุดข้าอีกต่อไป”

“ตกลงแล้วนะ”

“ตกลง!”

สองพี่น้องจับมือกันแน่นเป็นสัญญา

เมิ่งคงยิ้มเบา ๆ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาหันไปมองไกล ๆ

ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี เงาแวบวาบอย่างรวดเร็วราวกับสายลมพุ่งเข้ามา สีหน้าของผู้มาใหม่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

“เฉินซี!” เงาที่กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่งหยุดลงและร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่เขาจ้องมองที่เฉินซีซึ่งยืนอยู่ในระยะไกล

ตอนนี้เองที่เฉินซีและเฉินฮ่าวจำคนผู้นี้ได้ในที่สุด เขาคือผู้ดูแลอู๋ของตระกูลหลี่นั่นเอง!

ผู้ดูแลอู๋อยู่ในสภาพน่าสังเวชอย่างยิ่ง ใบหน้าที่ซูบตอบของเขาซีดนัก ร่องรอยของความขมขื่นและความหวาดกลัวยังคงปรากฏให้เห็น กลุ่มของเฉินซีอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่าย

เหตุใดคนผู้นี้ถึงปรากฏตัวในเขตสามัญชนโดยไม่มีเหตุผล?

และอีกฝ่ายไปเจอสิ่งใดมาถึงอยู่ในสภาพที่น่าสงสารเช่นนี้?

สายตาของผู้ดูแลอู๋แวบผ่านเมิ่งคงและเขาอดไม่ได้ที่จะตะลึง เมื่อครู่เขาเพิ่งเจอกับหลัวชงและตอนนี้กลับมาเจอกับเมิ่งคงอีก เป็นไปได้หรือไม่ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นกับดัก?

ผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่งภายใต้การบัญชาการของท่านแม่ทัพคอยเฝ้าประตูบ้านเฉินซี ยิ่งไปกว่านั้นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอันดับต้นในสำนักหมอกสนยังมาดักเฝ้ารอพร้อมกันเฉินซีอยู่ตรงนี้ ถ้านี่ไม่ใช่กับดักแล้วมันคือสิ่งใด?

“เฉินซี เจ้าบังอาจนัก! ลอบโจมตีข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าช่างเป็นแผนที่เลวร้ายจริง! รอไว้เถิด! ตระกูลหลี่ของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปโดยเด็ดขาด!” ผู้ดูแลอู๋ไม่กล้าหยุดสักครู่หลังจากขู่คำรามอย่างดุเดือด จากนั้นเขาก็หันหลังและหนีไป

เขาหมายถึงอะไร?

ไม่ใช่แค่เฉินซี แม้แต่เฉินฮ่าวและเมิ่งคงก็สับสนอย่างเห็นได้ชัด

พวกเขาไม่รู้ว่าขณะนี้ผู้ดูแลเฒ่าปักใจเชื่ออย่างสมบูรณ์แล้ว ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นคืนนี้เป็นกับดักที่เฉินซีวางไว้เพื่อจัดการกับเขาและสามพี่น้องตระกูลหลี่

“ฮึ่ม ก็แค่สุนัขรับใช้ของตระกูลหลี่ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” เมิ่งคงเอ่ยอย่างเย็นชาด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยาม

“ท่านพี่ หมาแก่นั่นมาหาเรื่องท่านตอนที่ข้าฝึกที่สำนักหมอกสนอย่างนั้นหรือ?” เฉินฮ่าวกัดฟันกรอด ใบหน้าของเขาสะท้อนเจตนาฆ่าชัดเจน

เฉินซีส่ายหัว “เรารีบกลับบ้านกันเถิด เหตุผลที่สุนัขเฒ่าอู๋หนีด้วยสภาพที่น่าสังเวชแบบนั้น สาเหตุอาจเกิดจากบางอย่างที่อยู่ใกล้บ้านของเรา”

เมิ่งคงถอนหายใจด้วยความชื่นชม เพียงแลเห็นสภาพของผู้ดูแลอู๋ในช่วงเวลาสั้น ๆ เฉินซีก็สามารถคาดเดาสาเหตุที่ผู้ดูแลอู๋หลบหนีในสภาพที่น่าสังเวชได้แล้ว ปัญญาและความคิดเช่นนี้แทบจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับปีศาจ!

“เมิ่งคง!”

“หลัวชง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]