บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 225

บทที่ 225 เขาเทพพยากรณ์

บทที่ 225 เขาเทพพยากรณ์

ในจักรวาลไร้ขอบเขตดั่งมหาสมุทรสุดลูกหูลูกตา

ดาราหลากดวงโคจรไปตามเส้นทาง หมุนเป็นวงอยู่ภายในจักรวาลไปนิรันดร์ ปลดปล่อยปราณแห่งความนิรันดร์อันหาประมาณมิได้ ลึกเข้าไปในดวงดาวเหล่านั้นไม่ทราบเป็นจำนวนระยะทาง คือภูเขาหนึ่งตั้งอยู่

ภูเขานี้ถูกเรียกว่าเทพพยากรณ์ ตั้งสูงตระหง่านอยู่ในโลกที่มีดวงดาวพร่างพราวตลอดกาล

สิ่งมีชีวิตในโลกนี้มีจำนวนเพียงไม่กี่สิบคน พวกเขาพักอยู่ในเขาเทพพยากรณ์ตลอดทั้งปี อาบแสงดาราพราวระยับไร้ขอบเขต

ยังมีเขาสูงตระหง่านที่สูงเสียดฟ้าอยู่รอบข้างเขาเทพพยากรณ์อยู่อีก มันตั้งตรงดั่งดาบ ด้านบนมีน้ำตกมากมายหลั่งไหลลงมาจากขุนเขา ละอองน้ำที่อาบแสงดาวเป็นดั่งมังกรหยกนับไม่ถ้วนที่ส่องประกายแสงสีเงินทำ ดูพร่าวพราวเป็นประกายตา

ท้องฟ้าลึกล้ำกว้างใหญ่ไร้ร่องรอยของเมฆมืดชั่วกาล ดวงดาวมากมายคล้ายจะใกล้แค่เอื้อม ทุกดวงดูเหมือนลูกปัดที่เปล่งประกายแสงงดงามและอ่อนโยน ส่องสว่างไปทั่วใต้หล้า

ภูเขาหลายพันลูกเหล่านั้นเต็มไปด้วยต้นสนที่มีกิ่งก้านแผ่กว้างออกไปเหมือนมังกร เต็มไปด้วยน้ำพุ น้ำตก และพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ เผยให้เห็นถึงปราณแห่งป่าเขายุคดึกดำบรรพ์

ในขณะนี้ ชายหนุ่มผู้งดงามคนหนึ่ง ซึ่งเป็นสตรีปลอมตัวมา กำลังเคลื่อนกายผ่านภูเขา เพียงก้าวเดียวของนางก็ทำให้พื้นที่หดตัวลง ภูเขาจำนวนมากถล่มลงมาไล่หลัง

“อ่า แท้จริงแล้วเป็นศิษย์น้องเล็กนี่เอง เจ้าอยากทำความเข้าใจหลักการของยันต์อักขระกับข้าไหม?”

บนภูเขาที่รูปร่างเหมือนหนังสือ ชายชราผมขาวในชุดนักปราชญ์ยืนอยู่หลังโต๊ะ พูดออกมาด้วยความแปลกใจ

เหตุผลที่ภูเขาลูกนี้ถูกเรียกว่าเขาหนังสือ ก็เพราะมีหนังสือนับไม่ถ้วนกองอยู่ที่นี่ มีทั้งแผ่นไม้ไผ่ ข้อความเขียนบนผ้าไหม บนเปลือกเต่า บนแผ่นหยก… นับเป็นกองสิ่งที่เกี่ยวพันกับหนังสือจำนวนมากดั่งมหาสมุทร ทำให้เหมือนกับเป็นกอง ‘ภูเขาหนังสือ’ ของจริง

“ศิษย์พี่ใหญ่สี่ ข้าได้ยินมาว่าท่านขโมยคัมภีร์เขียนมือของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งพระพุทธองค์ จากพุทธโลกมา ต้องระวังอย่าให้ถูกพระพุทธองค์ จับได้จนถูกกลั่นให้เป็นน้ำมันพุทธประทีปเข้าเล่า” หญิงสาวหน้าตาสะสวยส่ายหัว ดูเหมือนว่านางกำลังมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่าง นางก้าวออกไปแล้วก็หายวับไป

“ฮึ่ม! สามารถใช้คำว่า ‘ขโมย’ ได้หรือในเมื่อมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนักปราชญ์? เขาเรียกยืมต่างหาก! เมื่อข้าเข้าใจพุทธปัญญาที่ซ่อนอยู่ในคำเหล่านี้และรวมมันกับเต๋าแห่งยันต์มนตราของข้าได้เมื่อไหร่ เช่นนั้นข้าค่อยคืนของก็ไม่เป็นไรแล้วนี่?” ชายชราผมขาวในชุดนักปราชญ์คำรามเสียงเย็นพลางลูบหนวดยาวตน เอ่ยเสียงเรียบเฉยออกมา

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้ามาได้จังหวะพอดี ช่วยข้าปราบสัตว์ร้ายตัวนี้ทีเถอะ!” บนภูเขาขนาดใหญ่อีกลูกหนึ่ง ชายเครายาวตัวสูงผิวสีทองแดงกำลังใช้มือเปล่าปราบนกวิญญาณที่ร่างปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงพุ่งขึ้นฟ้า ปีกของนกวิญญาณตัวนี้เหมือนริบบิ้น ขนของมันเหมือนใบมีด และมีเปลวไฟไหลเวียนอยู่รอบกายมันตลอดเวลา เห็นเป็นไฟเทวะหลากสี เช่นสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า และสีน้ำเงินงดงามดูตระการตา

“วิหคเพลิงหรือ? ศิษย์พี่สาม ท่านเข้าไปในซากโบราณเปลวเพลิงแห่งเพลิงโลกามาจริงหรือ? คุณพระ นกตัวนี้มีเพลิงเทวะอยู่ในร่าง รากฐานเทวะของมันกำลังปรากฏ อีกไม่ช้ามันก็จะกลายร่างเป็นเทพแห่งธรรมชาติ” หญิงสาวหน้าตางดงามกล่าว นางยกมือขวาขึ้นมา อักขระยันต์โบราณขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมา เกิดน้ำแข็งไร้เขตออกมาทันท ก่อนมันควบแน่นเป็นอักษร 冰 ขนาดใหญ่ [1. 冰 เป็นตัวอักษรที่มีความหมายว่าน้ำแข็ง] และจากนั้นก็ยิ่งส่งแรงกดลงไปอีกจนวิหคเพลิงร้องครวญครางออกมาไม่หยุด ไม่กล้าดิ้นรนอีกต่อไป

“ฮ่า ๆ หลังจากข้าทำความเข้าใจอักขระเพลิงบนร่างมันแล้ว ข้ามอบมันให้เป็นสัตว์เลี้ยงศิษย์น้องเล็กเป็นอย่างไร?” ชายร่างกำยำหัวเราะอย่างพอใจ

“ศิษย์พี่เก็บไว้ให้ตัวเองเรียนเถอะ” นางส่ายหัว ก่อนจะเดินต่อไปยังส่วนลึกของภูเขาไร้เขตแดน

“ศิษย์น้องเล็ก รีบมาดูต้นประหารอสุราที่ข้านำกลับมาจากโลกหุบเหวอเวจีสิ ธัญพืชของต้นนี้ก็ปกติดี แต่ที่สำคัญคือใบที่เหมือนทารกพวกนี้ต่างหาก เส้นเลือดพวกนี้มีความลึกล้ำ มีแก่นเต๋าแห่งยันต์มนตราอยู่จาง ๆ ด้วย

เป็นอะไรที่เปิดหูเปิดตาดีแท้”

“ศิษย์น้องเล็ก นี่เป็นสมบัติที่ข้าเพิ่งได้มา มันเรียกว่าไบเอ๋อร์ เสียงมันเหมือนระฆังใหญ่ แต่มีเสียงใสและเบาคล้ายผีผา และให้ความรู้สึกลึกล้ำของขลุ่ย ทำให้เพลงยันต์เต๋าของข้าก้าวหน้าไปอีกครั้งแล้ว!”

“ศิษย์น้องเล็ก…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]