บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 226

บทที่ 226 ศิษย์น้องคนเล็กของข้า

บทที่ 226 ศิษย์น้องคนเล็กของข้า

ชายหนุ่มรูปงามคนนี้มีริมฝีปากสีแดงก่ำและเห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย แต่นางมีเสน่ห์ตามธรรมชาติของตัวเองที่ทำให้นางดูสวยงามและโดดเด่น ทุกการเคลื่อนไหวของนางดูเหมือนจะทำให้ทั้งฟ้าและดินโห่ร้องกระโดดโลดเต้นไปด้วยความสุข ทำให้นางดูเหมือนไม่มีใครเทียบได้

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เด็กหนุ่มรูปงามกล่าวออกมา ชิงซิ่วอี้และฟ่านอวิ๋นหลานรู้สึกราวกับว่าพวกนางถูกสวรรค์และโลกทอดทิ้ง โดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูก ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนบาปที่ถูกขับไล่โดยเต๋าแห่งสวรรค์ ถูกประณามจากผู้คนทั้งโลกและไม่อาจหลีกหนีได้

เพราะภายในดวงตาของพวกนาง กระแสลม ปราณวิญญาณ เมฆหมอก ดอกไม้ พืช หิน ฝุ่น… ทุกสิ่งที่อยู่ในสวรรค์และโลกราวกับกำลังโกรธเคือง ไม่ยอมรับ และต้องการที่จะฉีกพวกนางให้เป็นชิ้น ๆ!

นี่คือการบ่มเพาะประเภทใดกัน?

เพราะด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ กลับทำให้กฎของสวรรค์และโลกยอมจำนนและถูกควบคุมโดยนาง ไม่หวังสิ่งใดมากไปกว่าการทำทุกสิ่งเพื่อนาง และปรารถนาที่จะบดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่ทำให้นางไม่มีความสุข!

หลิงไป๋ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อชายหนุ่มรูปงามซึ่งเป็นหญิงปลอมตัวเป็นชายปรากฏตัวขึ้น เขาประสานมือคารวะให้แก่นาง

ความรู้สึกของเขาแตกต่างจากชิงซิ่วอี้และฟ่านอวิ๋นหลาน ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มรูปงามคนนี้ปรากฏตัวขึ้น เขาก็สัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณอันไร้ขอบเขตของสวรรค์และโลกถาโถมเข้าหาเขาพร้อมปฏิบัติกับเขาอย่างอ่อนโยนเสมือนลูกแกะตัวน้อย ไม่เพียงเท่านั้น พวกมันยังรักษาอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขา แม้แต่พลังชีวิตที่ถูกใช้จากการสังเวยก่อนหน้านี้ ก็ฟื้นคืนมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

เขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้มาจากความสามารถของ ‘ศิษย์พี่หญิง’ คนนี้ของเฉินซี นางสามารถควบคุมทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และโลกด้วยฝ่ามือของนาง เพียงแค่ความคิด ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นหรือดับลง เป็นไปตามใจประสงค์โดยไม่เหนือจากกฎของโลก!

ชายหนุ่มรูปงามยื่นมือที่บอบบางและขาวเนียนราวกับหยกออกมา เพื่อบีบใบหน้าเล็ก ๆ ของหลิงไป๋ “ทะนงตัวและไม่ยอมสยบให้แก่ใคร อีกทั้งยังมีความซื่อสัตย์สูงดั่งปุยเมฆ นับว่าไม่เลว ไม่เลว”

หลิงไป๋ผู้มักแสดงตนว่าเย็นชาและหล่อเหลาอยู่เสมอ กลับเผยให้เห็นร่องรอยของความอับอายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และเขาลดศีรษะลง ราวกับไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มรูปงาม ในขณะที่เขาบ่นพึมพำอย่างไม่รู้จบ

ชายหนุ่มรูปงามยิ้มขณะที่นางลูบศีรษะเล็ก ๆ ของหลิงไป๋ แต่เมื่อนางหันกลับมา รอยยิ้มบนใบหน้าขาวใสและอ่อนเยาว์ของนางกลับสลายไป เหลือเพียงใบหน้าที่เฉยเมยดั่งน้ำนิ่ง สายตาของนางดูเหมือนกำลังประเมินชิงซิ่วอี้กับฟ่านอวิ๋นหลานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะและกล่าวว่า “คนหนึ่งเป็นเซียนสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิด แต่กลับฟื้นความทรงจำเมื่อครั้งที่เป็นเซียนสวรรค์ได้เพียงเศษเสี้ยว ส่วนอีกคนเกิดมาพร้อมกับดอกบัวแห่งความชั่วร้าย ฝึกฝนเคล็ดวิชาอสูรกลืนกินวิญญาณเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดและฐานการบ่มเพาะก็ธรรมดาทั่วไป ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้าทั้งคู่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น”

เมื่อพวกนางเห็นชายหนุ่มรูปงามเปิดเผยความลับของพวกนางทีละคน ชิงซิ่วอี้และฟ่านอวิ๋นหลานผู้มีความกลัวอยู่ในใจก็หน้าถอดสีอีกครั้งหนึ่ง และพวกนางยิ่งกลัวที่จะกระทำการผลีผลาม

ชิงซิ่วอี้สูดลมหายใจเข้าลึกและถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัย “เจ้าเป็นใคร?”

นางสัมผัสได้ถึงมวลพลังที่ไม่อาจสั่นคลอนจากชายหนุ่มรูปงาม มันทั้งลึกล้ำและไม่อาจหยั่งถึง ราวกับว่าสิ่งที่นางกำลังเผชิญหน้านั้นไม่ใช่คน แต่เป็นเจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์แทน!

ความรู้สึกเช่นนี้เป็นสิ่งที่นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน และยังเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกสิ้นหวัง ตั้งแต่นางกลับชาติมาเกิดและฝึกฝนจนถึงกระทั่งตอนนี้

‘ใช่ มันคือความสิ้นหวัง’

แม้ว่าจะเป็นปรมาจารย์หลงเหอของนาง หรือแม้ว่านางจะค้นหาผ่านเจตจำนงของเซียนสวรรค์ที่อยู่ในใจของนาง นางก็ยังไม่เคยได้พบกับคนที่ทำให้นางรู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้!

ศิษย์น้อง?

‘เด็กน้อยที่มีฐานการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเคหาทองคำคนนี้ จะมีศิษย์พี่ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นใครกันแน่?’

ชิงซิ่วอี้ไม่สามารถเข้าใจได้

ฟ่านอวิ๋นหลานเองก็ตื่นตระหนกถึงตัวตนของชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงข้าม เช่นเดียวกับชิงซิ่วอี้

ความลับที่ว่าชิงซิ่วอี้เป็นเซียนสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิดนั้น เป็นสิ่งที่ล่วงรู้กันทั่วราชวงศ์ซ่ง ในขณะที่ตัวนางนั้นแตกต่างออกไป นอกจากประมุขแห่งนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่านางเกิดมาพร้อมกับดอกบัวแห่งความชั่วร้าย ทว่าความลับสุดยอดนี้กลับถูกชายหนุ่มรูปงามมองออกเพียงแวบเดียว และเขายังเปิดเผยว่าเคล็ดวิชาอสูรกลืนกินวิญญาณที่นางได้บ่มเพาะนั้นเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด ดังนั้น การบ่มเพาะแบบใดที่ทำให้คนคนหนึ่งจะสามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้?

“พวกเจ้ายังจำเป็นต้องถามถึงเรื่องนี้ด้วยหรือ?” ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าทั้งคู่ควรรู้สถานการณ์ของตัวเอง เป็นเพราะเจ้าทั้งคู่คิดว่าศิษย์น้องของข้าอ่อนด้อยจนไม่อาจเทียบได้ในทุกด้าน ดังนั้นพวกเจ้าจึงเหยียบย่ำเขา และทำร้ายเขาจนเกือบจะคร่าชีวิตไป แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว!”

เมื่อนางกล่าวมาถึงตรงนี้ ดวงตาของชายหนุ่มรูปงามก็หรี่ลง และราวกับมีท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพรายอยู่ภายในรูม่านตาสีดำสนิทของนาง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวสั่นไหวระหว่างการดำรงอยู่และการทำลายล้าง ขณะที่การกำเนิดของมหาเต๋าไหลเวียนอยู่ภายในดวงตาอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกัน ร่างกายทั้งหมดของนางดูเหมือนจะกลายเป็นแม่น้ำแห่งดวงดาวนับไม่ถ้วนพร้อมกับกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้ทุกสิ่งรอบข้างดูราวกับไร้ตัวตนและเลือนราง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]