บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 228

บทที่ 228 กระบี่แห่งความเที่ยงธรรม

บทที่ 228 กระบี่แห่งความเที่ยงธรรม

แผ่นศิลาที่อยู่ตรงใจกลางของสุสานอสูรร้าย ตั้งตระหง่านจนสูงเสียดฟ้า มันเปล่งรัศมีแห่งความเที่ยงธรรมอันเก่าแก่และรกร้างออกมา และมันก็เหมือนเสาหินที่เชื่อมต่อกับสวรรค์ บนพื้นผิวของมันถูกสลักด้วยถ้อยคำแปลก ๆ ที่ดูเหมือนลูกอ๊อดอยู่นับไม่ถ้วน ทำให้มันเป็นเหมือนกับศิลาจารึก แต่เมื่อประสบกับการกัดเซาะจากสายลมและเม็ดทรายอยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน ถ้อยคำที่อยู่บนนั้นจึงรางเลือนและไม่อาจแยกแยะได้

เมื่อมองจากระยะไกล แผ่นศิลานี้ดูราวกับเป็นแท่นบูชายัญที่ใช้สยบวิญญาณร้าย ทันทีที่ปราณปีศาจสีดำเข้าใกล้ภายในระยะสิบสองจั้งจากแผ่นศิลานี้ พวกมันทั้งหมดจะหลีกเลี่ยงแผ่นศิลาและไม่กล้ารุกไปข้างหน้า

ที่เบื้องหน้าของแผ่นศิลานี้มีกระบี่เหล็กฝังลงไปบนพื้น และเผยให้เห็นรูปร่างของกระบี่เพียงครึ่งเดียวเหนือพื้นดิน

‘หืม?’ ดวงตาของเฉินซีส่องประกาย เนื่องจากกระบี่นี้ได้ปล่อยพลังวิญญาณที่ผันผวนไม่ชัดเจน และเผยให้กลิ่นอายแห่งความเที่ยงธรรมที่สูงส่งอยู่เล็กน้อย นอกจากนี้ เขายังคุ้นเคยกับกลิ่นอายเช่นนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมันดูคล้ายกับเต๋ากระบี่เที่ยงธรรมที่เฉินฮ่าวบ่มเพาะมา เพียงแต่ว่ากลิ่นแห่งความเที่ยงธรรมนั้นมาจากสื่อกลางที่แตกต่างกัน

เฉินซีใช้เคล็ดวาตะเหินทะยานออกไป และเพียงชั่วครู่ เขาก็ปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของแผ่นศิลาที่เสียหายแล้ว

เฉินซียื่นมือออกไปจับกระบี่เหล็กก่อนจะดึงอย่างแรง

โอม!

ปราณกระบี่อันเที่ยงธรรมพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและทะลุทะลวงผ่านสวรรค์ทั้งเก้า ทำให้ปราณปีศาจและหมอกชั่วร้ายภายในระยะร้อยยี่สิบจั้ง ดูเหมือนหิมะที่ละลายเป็นน้ำในทันที จากนั้นพวกมันก็หายไปในอากาศ

กระบี่เหล็กนี้มีสีดำสนิท ใบกระบี่ที่เผยให้เห็นประกายแสงสีน้ำเงินเข้มของมันมีความยาวราวสี่ฉื่อ บนพื้นผิวของมันถูกจารึกด้วยอักขระที่ลึกลับ ลวดลายของอักขระนั้นเรียบง่ายและชัดเจน เมื่อมองโดยรวมแล้ว กระบี่นั้นเปรียบเสมือนกับแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลบ่าราวกับน้ำท่วมขนาดใหญ่และมีคลื่นที่รุนแรงซัดสาดเข้าหาฝั่ง กลิ่นอายที่ต่อเนื่องของมันดูเหมือนจะสามารถรองรับสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ มันครอบคลุมทั้งการเกิดขึ้นและดับลง หรือการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างหมดจด ราวกับเป็นกระบี่แห่งประวัติศาสตร์ที่โอบรับการเปลี่ยนแปลงในโลกมนุษย์!

‘ช่างเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งนัก!’ เมื่อเฉินซีถือกระบี่เหล็ก เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้สัมผัสกับความทรงจำต่าง ๆ ของโลกใบนี้ ‘ความผันผวนของชีวิต การเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ การเหี่ยวเฉาและเจริญเติบโตของทุกสิ่ง การเกิดขึ้นและดับลงของชีวิตมนุษย์…’ สิ่งเหล่านี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นอายแห่งความชอบธรรมที่ขยายตัวขึ้นในหน้าอกของเขา และเขาก็ไม่ปรารถนาถึงสิ่งใดมากไปกว่าการมอบหัวใจของเขาให้กับสวรรค์และพิภพ มอบชีวิตของเขาเพื่อผู้คนในแผ่นดิน และสืบทอดเคล็ดวิชาสุดยอดของปราชญ์ในอดีต เพื่อพัฒนายุคแห่งสันติภาพที่เฟื่องฟู!

‘กระบี่ที่ดี! กระบี่นี้น่าจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิขงจื๊อ และได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยกลิ่นอายของปราชญ์ขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ความเที่ยงธรรมของมันคงอยู่ชั่วนิรันดร์ มันทั้งยิ่งใหญ่ น่าประทับใจ และสูงส่งยิ่งนัก!’ เฉินซีชื่นชมอย่างไม่รู้จบ ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่า เต๋ากระบี่เที่ยงธรรมที่เฉินฮ่าวเพิ่งได้รับการบ่มเพาะ มันสอดคล้องกับกลิ่นอายของกระบี่นี้ หากนำทั้งสองสิ่งมารวมกัน จะเป็นการส่งเสริมและขับดันจุดดีของทั้งสองสิ่งออกมา

‘กระบี่นี้ลึกล้ำยิ่งนัก แม้ว่ามันจะไม่ใช่สมบัติอมตะ แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลยแม้แต่น้อย ข้าควรมอบให้กับเฉินฮ่าว เพื่อให้เขาทำความเข้าใจและบางทีมันอาจจะช่วยให้เต๋ากระบี่เที่ยงธรรมของเขาดีขึ้น’ เฉินซีเก็บกระบี่เหล็กนี้ไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ทันที

ห่างออกไปไม่กี่ลี้ ศิษย์สองสามคนที่กระจายอยู่รอบ ๆ สังเกตเห็นว่ามีปราณกระบี่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป และสายตาของพวกเขาก็สั่นไหวขณะที่ทะยานออกไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

“มีคนมา!” หลิงไป๋ร้องเตือน

เฉินซีที่กำลังจะจากไปหยุดลงในทันที ผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ ศิษย์ห้าคนที่เป็นผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์จากนิกายต่าง ๆ ของราชวงศ์ซ่ง ก็ปรากฏตัวขึ้นรอบตัวเขา พวกมันทั้งหมดจ้องมองเฉินซีด้วยความโลภ ซึ่งเผยให้เห็นถึงเจตนาร้ายอย่างชัดเจน

“ไอ้หนู เมื่อครู่เจ้าได้เอาสมบัติไปหรือเปล่า?”

“ทิ้งกระบี่ซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

“ปราณกระบี่พวยพุ่งสู่ท้องฟ้า! กระบี่นี้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และสมบัติเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรจะได้ไป ดังนั้นจงตัดแขนข้างหนึ่งของเจ้าทิ้งซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตอันต่ำต้อยของเจ้า!”

ท่ามกลางเสียงตะคอกอย่างเย็นชา คนทั้งห้าก้าวเข้ามาหาเฉินซีอย่างช้า ๆ และเห็นได้ชัดว่าพวกมันมีความคิดที่จะฆ่าเฉินซีเพื่อแย่งชิงสมบัติ

เฉินซีกลับมีท่าทางที่สงบนิ่ง เนื่องจากเขาสามารถระบุได้จากกลิ่นอายว่า พวกมันเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้นเท่านั้น อีกทั้งความแข็งแกร่งของพวกมันก็ด้อยกว่าสองพี่น้องสกุลเถิงอย่างเห็นได้ชัด

“ต้องการฆ่าข้าเพื่อแย่งชิงสมบัติหรือ? งั้นขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้าทุกคนจะแข็งแกร่งพอหรือไม่” เมื่อเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางทั้งห้าคน ใบหน้าของเฉินซีกลับสงบนิ่ง น้ำเสียงของเขาไม่แยแส ไม่มีแม้แต่เจตนาฆ่าหรือกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวใด ๆ และท่าทางของเขาก็สงบเป็นอย่างมาก

“ในเมื่อเจ้ากำลังรนหาที่ตาย ข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง!” ศิษย์ที่อยู่ใกล้กับเฉินซีที่สุด เหวี่ยงกำปั้นของเขาออกไปและปราณหมัดที่มีขนาดเท่ากับหินโม่ก็พุ่งไปทางเฉินซี

ปัง!

กระบี่ที่ส่องประกายด้วยแสงสีเงินปรากฏขึ้นในมือของเฉินซี และแทงออกไปด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้ประกายอันเยียบเย็นปรากฏพร้อมกับส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ปราณกระบี่ดูเหมือนสายฟ้าฟาดผ่าอากาศ ขณะที่มันบดขยี้ปราณกำปั้นเป็นเสี่ยง ๆ และเจาะลำคอของคนผู้นั้น!

ฟู่!

เลือดสีแดงสดอันร้อนระอุสาดกระเซ็นไปทั่ว เกิดเป็นภาพที่สวยงามและน่าสลดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้

ตายในกระบวนท่าเดียว!

ในช่วงที่เขายังอยู่ในซากปรักหักพังห้าธาตุ เฉินซีกวาดล้างพี่น้องตระกูลเถิงด้วยตัวคนเดียว และฐานการบ่มเพาะของเขาในตอนนั้น ก็แค่ขอบเขตเคหาทองคำขั้นต้นเท่านั้น แต่ในตอนนี้ หลังจากผ่านการบ่มเพาะร่วมกับชิงซิ่วอี้และฟ่านอวิ๋นหลาน และการส่งเสริมจากสมบัติเฉกเช่นกำยานสวรรค์ที่มีสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์ การแปรสภาพร่างกายและการบ่มเพาะปราณของเขาก็อยู่ห่างจากการบรรลุไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางเพียงก้าวเดียว และความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงสองเท่า ดังนั้นการฆ่าผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำขั้นต้นจึงเป็นเรื่องง่ายดายนัก

“ไอ้เจ้าเด็กคนนี้รับมือยาก ทุกคน มาโจมตีด้วยกันเถอะ!” อีกสี่คนที่เหลือตกตะลึงและพวกเขาก็แสดงท่าทางดุร้าย เพื่อปกปิดความกลัวในใจขณะที่พวกเขาตะคอกออกไป

รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินซี จากนั้นจึงใช้เต๋ากระบี่พายุอัสนีของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบออกไป กระบี่ในมือของเขาหมุนไปโดยรอบ ทำให้ปราณกระบี่ฟาดฟันไปทั่วท้องฟ้าราวกับพายุหมุน

ผู้บ่มเพาะที่โจมตีเขาจากด้านข้างยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ปรากฏรูเลือดขึ้นที่ระหว่างคิ้วของเขา และกะโหลกของเขาก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีก

หลังจากสังหารผู้บ่มเพาะคนหนึ่งด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เฉินซีก็ไม่ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย ยามกระบี่ของเขากวาดออกไป มันได้กลายเป็นปราณกระบี่ขนาดใหญ่ที่ทะลวงใต้ซี่โครงของผู้บ่มเพาะอีกคนอย่างดุเดือด และผ่าร่างของผู้บ่มเพาะคนนั้นเป็นสองซีก จนเลือดเนื้อและอวัยวะภายในมีโลหิตกระจายไปทั่วพื้น

“รีบหนีเร็วเข้า! เจ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำขั้นสมบูรณ์ทั่วไป มันได้สำเร็จวิชากระบี่ที่ยากสุดที่ในโลก!” เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์นี้ วิญญาณของผู้บ่มเพาะที่เหลืออีกสองคนแทบจะหลุดออกจากร่าง และพวกเขาก็ตกตะลึงด้วยความสับสนและเดือดดาล อีกทั้งตระหนักได้ว่า เฉินซีไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถจัดการได้ ดังนั้นจึงคิดที่จะหลบหนี

‘แต่การจะหลบหนีในตอนนี้ มันก็สายเกินไปแล้ว…’

หนึ่งในผู้บ่มเพาะเหล่านั้นเคลื่อนไหวช้ากว่าเล็กน้อย ศีรษะของมันจึงถูกทำลายโดยกระบี่ของเฉินซีเพียงครั้งเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]