บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 235

บทที่ 235 เพลงหมัดมหาทำลายล้าง

บทที่ 235 เพลงหมัดมหาทำลายล้าง

‘ข้าได้อันดับที่สี่หรอกหรือ?’

ในใจของเฉินซีไม่ได้แปลกใจเลยสักนิด เพราะผู้บ่มเพาะทุกคนที่เข้าสู่ขุมสมบัติเฉียนหยวนในครั้งนี้ ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางรุ่นเยาว์ และพวกเขาต่างก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแผ่นดินซ่ง เฉินซีสามารถได้อันดับที่สี่ ในขณะที่มีฐานการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเคหาทองคำขั้นสมบูรณ์ก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจได้แล้ว

แต่แน่นอนว่าเขาก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างเช่นกัน กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าทั้งสิบสองวิชาที่เจ้าของขุมสมบัติเหลือทิ้งไว้นั้น ย่อมมีคุณภาพชั้นเยี่ยมอย่างแน่นอน ดังนั้น หากใครได้รับการจัดอันดับในสามอันดับแรก ก็จะสามารถเลือกเคล็ดวิชาการบ่มเพาะที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุดได้โดยปริยาย และเคล็ดวิชาการบ่มเพาะที่เหลือหลังจากนี้ก็อาจมีคุณภาพด้อยกว่าเล็กน้อย

ฟึ่บ!

ในขณะที่เฉินซีกำลังครุ่นคิด แสงสีขาวโดยรอบก็แยกออกอย่างรวดเร็วเพื่อเผยให้เห็นถึงสิ่งของเก้าชิ้นที่เปล่งประกายแสงออกมา สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของเฉินซีนั้นเป็นแผ่นหยกสีทองเข้ม ซึ่งมีขนาดประมาณหัวแม่มือ และพื้นผิวของพวกมันได้ปรากฏความผันผวนของเต๋ารู้แจ้งจาง ๆ นอกจากนี้มันยังมีท่วงทำนองสวรรค์ล่องลอยออกมา จึงทำให้พวกมันดูน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

“หมัดวารีศักดิ์สิทธิ์ เป็นกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่แบ่งออกเป็นสามสิบหกกระบวนท่า กระบวนท่าของมันเหมือนกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก พายุที่รุนแรง และคลื่นที่ซัดสาด ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่สามารถบรรลุในระดับที่สูงจะสามารถหยั่งรู้เต๋ารู้แจ้งวารีพิโรธได้…” เฉินซีเปิดแผ่นหยกแผ่นแรกที่บันทึกเพลงหมัดวารีศักดิ์สิทธิ์ แต่มันกลับมีข้อจำกัดที่ทรงพลังอยู่ในแผ่นหยกนี้ ทำให้เขาอ่านได้เพียงบทนำบางส่วนเท่านั้น แต่ไม่สามารถมองเห็นเนื้อหาที่อยู่เบื้องหลังได้

“เต๋ารู้แจ้งวารีพิโรธเป็นเพียงหนึ่งในเต๋ารองของมหาเต๋าแห่งวารี ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่เหมาะสมกับความแข็งแกร่งของข้า ดังนั้น หากข้าจะไม่บ่มเพาะมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร” เฉินซีทำความเข้าใจมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายศีรษะ จากนั้นเขาก็มองไปที่แผ่นหยกชิ้นที่สองในทันที

กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าเองก็ถูกแบ่งตามคุณภาพเช่นกัน และถ้าผู้ใดต้องการจำแนกคุณภาพของมัน ก็แค่พิจารณาเต๋ารู้แจ้งที่มีอยู่ก็พอแล้ว ส่วนมหาเต๋านั้นยอดเยี่ยมที่สุด มันอาจดูทรงพลังและน่าเกรงขาม แต่มันก็เป็นการฝึกฝนที่ยากที่สุดเช่นกัน แม้ว่าเต๋ารองจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่พวกมันก็ฝึกฝนได้ง่ายกว่า และตราบใดที่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของมันได้อย่างถ่องแท้ อานุภาพของมันก็อาจจะน่าสะพรึงกลัวจนถึงขั้นตกตะลึงอยู่เช่นกัน

แท้จริงแล้ว หลักการของพวกมันนั้นง่ายดายมาก เมื่อพิจารณาและฝึกฝนแล้ว ผู้คนต่างก็ใช้เคล็ดวิชา และอานุภาพของมันก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะ

ดังนั้น เมื่อผู้บ่มเพาะฝึกฝนกระบวนยุทธ์ระดับเต๋า ไม่เพียงแต่ต้องใส่ใจกับคุณภาพของมันเท่านั้น แต่ยังต้องดูว่ามันเหมาะสมกับการบ่มเพาะด้วยหรือไม่

“สะบั้นประกายแสงเทวะบงกชคราม เป็นกระบวนยุทธ์ระดับเต๋า ที่แบ่งออกเป็นสิบแปดขั้น ทุกขั้นล้วนทวีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม และเมื่อฝึกฝนจนถึงขีดสุด ดอกบัวนับไม่ถ้วนจะเบ่งบานปกคลุมโลก ผู้ที่ฝึกฝนจนบรรลุอย่างถ่องแท้แล้ว ก็จะสามารถหยั่งถึงเต๋ารู้แจ้งบงกชครามได้เช่นกัน…” เฉินซีส่ายศีรษะอีกครั้ง เต๋ารู้แจ้งบงกชครามเป็นเต๋ารองและเป็นส่วนหนึ่งของมหาเต๋าพฤกษา แต่เขาได้หยั่งรู้มหาเต๋าวายุแล้ว ดังนั้นการบ่มเพาะเต๋ารู้แจ้งบงกชครามนั้น จะเป็นการเสียเปล่า และเขามองไปที่แผ่นหยกชิ้นที่สามอีกครั้ง

“ฝ่ามือหยินทลายน้ำแข็ง…”

“ผลาญปฐพีเจ็ดวิถี…”

“ย่างก้าวไร้เงา…”

“เพลงกระบี่ทวนทิศอสูรน้อย…”

“เคล็ดวิชาดัชนีสลายสัตพิชาน…”

“เคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำราม…”

หลังจากที่เขาดูแผ่นหยกแปดแผ่นอย่างต่อเนื่อง หากจะว่าไปแล้ว เฉินซีก็ชื่นชอบเคล็ดวิชาเหล่านี้ทั้งหมด แต่มันกลับไม่มีเคล็ดวิชาใดที่พอจะทำให้หัวใจของเขาต้องสั่นไหวและทำให้เขารู้สึกไม่อาจทนที่จะต้องแยกจากพวกมันได้

อันที่จริง ชายหนุ่มก็รู้ตัวดีว่าเขาค่อนข้างจู้จี้จุกจิกเกินไป หากกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าทั้งแปดนี้หลุดไปสู่โลกภายนอก ทุกเคล็ดวิชาล้วนทำให้ผู้บ่มเพาะต่างต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้ครอบครอง แต่จะว่ากระไรดี? อะไรที่ไม่เหมาะสมมันก็ไม่เหมาะสม และเฉินซีก็ไม่เต็มใจที่จะบังคับตัวเอง

หากเขายังตัดสินใจไม่ได้สักที เขาก็ทำได้เพียงละทิ้งเป้าหมายเดิมของตนเองและเลือกเคล็ดวิชาเต๋าที่เขาพอใจมากที่สุดก็พอ

แต่น่าเสียดายที่เขาสามารถเลือกกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าได้เพียงเคล็ดวิชาเดียว และจำนวนตัวเลือกที่มีให้เขานั้น ช่างน้อยอย่างน่าสมเพช

‘ช่างเถอะ ถ้ามันใช้ไม่ได้จริง ๆ ข้าจะเลือกเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำรามแทนละกัน อย่างน้อยข้าก็สามารถเข้าใจจังหวะของเต๋ารู้แจ้งนี้ ซึ่งจะทำให้ข้าสามารถเอาชนะศัตรูได้โดยไม่คาดฝัน และอานุภาพของมันก็ไม่เลวเช่นกัน…’ เฉินซีถอนหายใจขณะมองไปที่แผ่นหยกชิ้นสุดท้าย

“เพลงหมัดมหาทำลายล้างเป็นกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าครึ่งขั้น ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาที่ยังไม่สมบูรณ์ มันแบ่งออกเป็นสามระดับ ในเพลงหมัดนี้ หนึ่งหยิน หนึ่งหยาง เดี๋ยวรุก เดี๋ยวรับ และความแข็งแกร่งของมันถูกแบ่งออกเป็นสองขั้ว หยินและหยางปะทะกัน รุกและรับผลักกัน เมื่อสุดขั้วทั้งสองกระตุ้นกันและกัน อานุภาพทำลายล้างของมันจะมหาศาลถึงขั้นเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นผงธุลี… เฮ้อ แต่ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้ ทำให้ข้าเข้าใจเต๋าแห่งการทำลายล้างเพียงผิวเผิน และไม่สามารถบรรลุสู่ขั้นสมบูรณ์แบบได้”

กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าครึ่งขั้น ถูกเรียกอีกอย่างว่ากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าเท็จ และในโลกการบ่มเพาะมักจะสื่อถึงกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ กล่าวอีกนัยหนึ่ง กระบวนยุทธ์ระดับเต๋านี้เป็นเพียงเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์ เว้นแต่คนผู้นั้นจะฝึกฝนเคล็ดวิชาจนเชี่ยวชาญถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว มิฉะนั้น การจะทำให้มันสมบูรณ์แบบและเข้าใจเต๋ารู้แจ้งที่อยู่ในเคล็ดวิชา หลังจากที่ฝึกฝนมันมาอย่างยาวนานแล้วก็ตาม ก็จะไม่มีวันที่จะสำเร็จ

ยกตัวอย่างเช่น เพลงหมัดมหาทำลายล้างนี้มีเศษเสี้ยวของเต๋าแห่งการทำลายล้างอยู่เพียงผิวเผิน และสำหรับอัจฉริยะทั่วไป ไม่ว่าพวกเขาจะฝึกฝนสักเท่าใด พวกเขาจะไม่มีทางเข้าใจเต๋าแห่งการทำลายล้างที่ซุกซ่อนอยู่ภายในได้

ดังนั้น มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดสนใจที่จะเลือกเคล็ดวิชานี้ เพราะมันเป็นเพียงกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าครึ่งขั้นที่สร้างขึ้นโดยเจ้าของขุมสมบัติ และเป็นเพียงเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์…

ทว่าหัวใจของเฉินซีกลับกระตุกอย่างกะทันหัน ขณะที่เขารู้สึกได้ราง ๆ ว่าเคล็ดวิชานี้เหมาะกับตัวเขายิ่งนัก

จากการคาดเดาของเขา หลังจากที่ฝึกฝนวิชานี้ แม้ว่าเขาจะไม่อาจเข้าถึงเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างที่อยู่ภายในนั้นได้ แต่ทักษะที่มีอยู่ในเพลงหมัดนี้จะทำให้เขาสามารถใช้เต๋ารู้แจ้งแห่งหยิน เต๋ารู้แจ้งแห่งหยาง เต๋ารู้แจ้งแห่งไฟ เต๋ารู้แจ้งแห่งสายน้ำ เต๋ารู้แจ้งแห่งนภา และเต๋ารู้แจ้งแห่งผืนดินร่วมกับมัน และมันจะให้กำเนิดอานุภาพที่น่าเหลืออีกเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]