บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 24

บทที่ 24 คำชี้แนะ
บทที่ 24 คำชี้แนะ

เฉินซีหาได้เดินเตร็ดเตร่ไปมา เมื่อออกจากหอวิจิตรแล้วเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารนทีกระจ่างทันที

ผู้เฒ่าหม่าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจ เมื่อเห็นเฉินซีกลับมาภายในหนึ่งวัน “เจ้าหนูนี่ไม่เลว เขารู้วิธีใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อพัฒนาศิลปะการปรุงอาหารของเขา…”

“ข้าต้องการปิดด่านฝึกตนภายในห้องอันเงียบสงบ” เฉินซียื่นคำขอของเขา

แม้ว่าปฏิบัติการลอบสังหารของผู้ดูแลอู๋ที่มุ่งเป้ามายังเขาจะล้มเหลวไปแล้วด้วยฝีมือของหลัวชง แต่เฉินซีหาได้รู้สึกสบายใจเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขายิ่งรู้สึกถึงอันตรายที่สะสมขึ้นแทนที่จะลดน้อยลง

เพื่อปกป้องตัวเอง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องละทิ้งงานสร้างยันต์ของเขา และวางแผนที่จะอยู่แต่ในร้านอาหารนทีกระจ่างนับจากนี้ เพื่อฝึกฝนศิลปะการปรุงอาหารและฝึกฝนทักษะการต่อสู้ควบคู่ไปด้วย

ผู้เฒ่าหม่ารู้สึกมีความสุขยิ่งนักยามเมื่อได้ยินถึงสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็โบกมือเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ย่อมได้! ข้าจะเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดให้เจ้า และเฝ้ารอวันที่เจ้าก้าวเข้าสู่การเป็นพ่อครัววิญญาณระดับสองใบไม้!”

เฉินซีลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพยักหน้ารับ “ศิษย์จะตั้งใจฝึกฝน!”

ในเวลาไม่นาน เฉินซีก็มาถึงภายในห้องอันเงียบสงบอีกครั้ง เขาได้ไตร่ตรองในขณะที่จ้องมองไปยังวัตถุดิบรอบกายที่กองสูงเท่าภูเขา ‘ด้วยวัตถุดิบทั้งหมดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ข้าจะสามารถฝึกฝนศิลปะการปรุงอาหาร แต่ข้ายังสามารถเติมเต็มปราณแท้ให้แก่ร่างกายของข้าได้อีกด้วย กอปรกับที่แห่งนี้เงียบสงบและปลอดภัย ข้าจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรบกวนจากโลกภายนอก ยิ่งกว่านั้นเวลาที่เหลือยามดึกข้าสามารถฝึกฝนทักษะการต่อสู้ที่นี่ก็ย่อมได้เช่นกัน…’

เฉินซีไม่รอช้าก่อนที่จะเริ่มแยกแยะและคัดแยกวัตถุดิบตามประเภทและรสชาติที่แตกต่างกัน

จากประสบการณ์ครั้งที่แล้ว เฉินซีสามารถทำขั้นตอนนี้ได้อย่างง่ายดายมากขึ้นและใช้เวลาไม่นานนัก ก่อนที่เขาจะเสร็จสิ้นการจัดห้องที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบ

หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่เบื้องหน้าเตาและเริ่มเตรียมการปรุงอาหาร

ปัจจุบันเฉินซีได้เป็นบรรลุพ่อครัววิญญาณหนึ่งใบไม้แล้ว ดังนั้นทักษะการใช้มีด การควบคุมเปลวไฟ หรือการผสมผสานของรสชาติของวัตถุดิบ เขาก็มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาต้องการก้าวไปสู่การเป็นพ่อครัววิญญาณระดับสองใบไม้ ชายหนุ่มจะต้องสามารถปรุงอาหารที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้บ่มเพาะขอบเขตก่อกำเนิดได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เฉินซีรู้สึกลำบากขึ้น

ถึงกระนั้นเขาก็ยังโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้เฒ่าหม่า ดังนั้นเฉินซีจึงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบเลยแม้แต่น้อย ต่อให้จะล้มเหลวมากมายขณะพยายามจะปรุงอาหารเพื่อพัฒนาเต๋าของตนเอง

มีดทำครัวโบกเฉือนราวผีเสื้อกระพือปีกเพื่อเตรียมวัตถุดิบให้เรียบร้อย จากนั้นเฉินซีก็ควบคุมเปลวไฟวิญญาณ ขณะที่เขาเทส่วนผสมลงในกระทะเหล็กและเริ่มปรุงอาหารอย่างระมัดระวัง

ข้อมือของเขามั่นคง สายตาจดจ่อ ทันใดนั้น เขาก็เขย่ากระทะและทัพพีเหล็กอย่างต่อเนื่องด้วยจังหวะอันแปลกประหลาด และวัตถุดิบต่าง ๆ ก็กลิ้งไปมาภายในกระทะที่กำลังร้อนเดือด ราวกับคลื่นที่ซัดสาดทีละชั้น ช่างเป็นภาพที่น่าดูชมยิ่งนัก

เฉินซีสังเกตเห็นชัดเจนว่าการปรุงอาหารในครั้งนี้ดูราบรื่นและง่ายดายกว่าคราก่อนนัก การแปรผันทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับวัตถุดิบต่าง ๆ ภายใต้การควบคุมของตะหลิวเหล็ก ก็ซึมซับเข้าสู่หัวใจของเขา

“น่าจะเป็นเพราะการที่ข้าเฝ้ามองรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกเยี่ยงนี้มันคล้ายตอนที่ข้าสร้างแผ่นยันต์อักขระแบบใหม่พวกนั้น!” เฉินซีพึมพำ แล้วตอนนี้เขาก็เข้าใจถึงเหตุที่ทำให้เคล็ดวิชาจินตภาพนั้นล้ำค่ามาก

ฉ่าาาา!

ในช่วงเวลาที่อยู่ในภวังค์ วัตถุดิบในกระทะเหล็กถูกความร้อนเผาจนไหม้หมดสิ้น เฉินซีรีบฟื้นคืนสติ และมิกล้าปล่อยให้จิตใจของเขาโลดแล่นอีกต่อไป

จากนั้นชายหนุ่มก็ใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายประสบกับความผิดพลาด มันช่างช่วยไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่มีผู้ใดคอยชี้แนะ เขาก็ทำได้เพียงเรียนรู้จากการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่ยากมาก

จานที่ล้มเหลวทั้งหมดถูกยัดเข้าไปในกะเพาะของเขาทีละจาน ๆ ด้วยเหตุผลคือประการแรกเพื่อวิเคราะห์สาเหตุของความล้มเหลว และประการที่สอง แม้ว่าเขาจะล้มเหลวในการปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบเหล่านี้ แต่วัตถุดิบทั้งหมดที่ปรุงล้มเหลวก็ยังคงมีปราณวิญญาณหลงเหลืออยู่ไม่มากก็น้อย ซึ่งสามารถเติมเต็มร่างกายและสกัดเป็นปราณแท้เข้าสู่ตันเถียนของเขาได้

เฉินซีหยุดปรุงอาหารเมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงยามค่ำคืน จากนั้นจึงนั่งลงเพื่อเตรียมทำสมาธิ

การฝึกศิลปะการปรุงอาหารของเขาตลอดยามบ่ายทำให้จิตใจของชายหนุ่มเหนื่อยล้ายิ่งนัก เมื่อนั่งสมาธิผ่านไปได้พักหนึ่งจิตใจของเขาจึงกลับสู่สภาวะที่ผ่อนคลายและสงบ

ครืน! ครืน!

ปราณแท้เป็นดั่งลำธารสายใหญ่ที่ไหลทะลักหมุนเวียนไม่หยุดอยู่ภายในร่างกายของเขา

ปราณแท้เหล่านี้เกิดจากการสกัดปราณวิญญาณที่แฝงอยู่ภายในวัตถุดิบที่เฉินซีได้กินตลอดยามบ่าย และเก็บสะสมอยู่ภายในร่างกายของเขา พวกมันเป็นดั่งโอสถวิญญาณจำนวนมากที่แปรเปลี่ยนเป็นปราณแท้อย่างรวดเร็วและไหลเข้าเติมเต็มจุดตันเถียนของเขา

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เฉินซีก็ตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ และเขาอดไม่ได้ที่จะยินดีเมื่อพบว่าการบ่มเพาะของตัวเองก้าวหน้าขึ้น ถ้าเขายังคงฝึกฝนด้วยความมานะนี้ต่อไป เขาจะสามารถก้าวไปสู่ขอบเขตก่อกำเนิดขั้นที่เก้าได้ภายในหนึ่งเดือน!

หลังจากก้าวสู่ขอบเขตก่อกำเนิดขั้นเก้าแล้ว เฉินซีจำเป็นต้องสะสมปราณแท้ให้เพียงพอ เพื่อเตรียมสร้างตำหนักอินทนิลภายในตันเถียนของเขา สิ่งนี้เป็นการก่อสร้างรากฐานเพื่อกลายเป็นผู้บ่มเพาะที่แท้จริง ในภายภาคหน้าไม่เพียงแต่เฉินซีจะสามารถท่องทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากสมบัติวิเศษ และความแข็งแกร่งของเขาก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล!

อย่างไรก็ตาม หากข้าต้องการผ่านบททดสอบระดับแรกของสรวงสวรรค์ ข้าต้องบรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิลเสียก่อน แต่การขัดเกลากายาของข้ายามนี้เพิ่งบรรลุเพียงวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพขั้นที่สาม และการบ่มเพาะยังคงห่างไกลจากขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์อีกสองขั้น เมื่อใดกันที่จะก้าวผ่านจากขอบเขตก่อกำเนิดไปสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิลได้…” เฉินซีครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะดึงถุงร้อยสมบัติออกมา

ถุงร้อยสมบัตินี้เป็นของที่ฉินหงเหมี่ยนมอบให้เป็นของขวัญและสั่งหลัวชงนำมาให้แก่เขา ภายในนั้นมีทักษะการต่อสู้สำหรับผู้บ่มเพาะภายนอกสิบสามแบบ อันได้แก่กรงเล็บสยบพยัคฆ์ ฝ่าเท้าลักษณ์มังกร ฝ่ามือปราบมหาปีศาจ และท่าก้าววิหคทอง ที่เฉินซีเห็นในหอวิจิตรอยู่รวมในนั้น เมื่อรวมกับหมัดถล่มทลายที่เขาใช้ศิลาวิญญาณมากกว่าหนึ่งร้อยก้อนเพื่อซื้อมาก่อนหน้านี้ ทักษะการต่อสู้สำหรับผู้บ่มเพาะภายนอกที่อยู่ในครอบครองตอนนี้จึงมีทั้งหมดสิบสี่ทักษะ

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ที่จะได้รับทักษะการต่อสู้สำหรับผู้บ่มเพาะภายนอกถึงสิบสี่ทักษะภายในหนึ่งวัน และเขาก็เริ่มอ่านมันอย่างขะมักเขม้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]