บทที่ 250 อานุภาพของค่ายกลกระบี่ทะลวงสู่ท้องฟ้า
บทที่ 250 อานุภาพของค่ายกลกระบี่ทะลวงสู่ท้องฟ้า
กระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจนเกิดเสียงดังกึกก้องราวกับกระแสน้ำถาโถม!
ทันทีที่ค่ายกลกระบี่มหาปราณถูกสร้างขึ้นสำเร็จ ก็เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาไปทั่วท้องฟ้า เสมือนกับจอมกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ เพียงแค่กลิ่นอายอันแหลมคมที่แผ่ออกมาจากค่ายกลกระบี่ก็ทำให้รู้สึกถึงความหนาวเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง ราวกับว่าได้ตกลงไปในบ่อน้ำแข็งอันเยือกเย็น
เมื่อมองจากระยะไกล ท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเฉินถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายกระบี่และปราณกระบี่ที่พาดผ่านท้องฟ้า และพวกมันดูเหมือนมังกรหิมะสีขาวจำนวนมากที่ควบแน่นจากปราณกระบี่ที่แหวกว่ายไปบนท้องฟ้าพร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน
ครืน!
บรรยากาศทั่วท้องฟ้าและผืนดินถูกเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมวลเมฆดำทะมึนปกคลุมท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้าที่สดใสแต่เดิมจมดิ่งสู่ความมืดมิด ยิ่งไปกว่านั้น พระจันทร์เต็มดวงที่สว่างพร่างพรายได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเฉิน และแสงจันทร์สีเงินที่ส่องแสงเจิดจ้าก็สาดลงมาปกคลุมจวนตระกูลเฉินทั้งหมดด้วย
ค่ายกลกระบี่มหาปราณได้ชักนำพลังของดวงจันทร์เพื่อสร้างปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก!
ครืน!
ผู้คนในเมืองหมอกสนที่เห็นปรากฏการณ์นี้ต่างก็อ้าปากค้าง ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็รู้สึกว่าหนังศีรษะชาหนึบ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากค่ายกลนี้กว่าสองร้อยห้าสิบลี้ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกเหมือนมีคมมีดจ่ออยู่ที่แผ่นหลัง และปราณกระบี่ก็พร่างพราวเสียจนพวกเขาแทบลืมตาไม่ขึ้น
“บัดซบ! นี่มันค่ายกลกระบี่อะไรกัน? เหตุใดมันถึงน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้! ข้าเกรงว่าแม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาก็ไม่อาจต้านทานได้!” หวงฝู่ฉงหมิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตรายอย่างยิ่งจากก้นบึ้งหัวใจ และเขาไม่ลังเลที่จะปล่อยหลิงไป๋ที่อยู่ในมือ ก่อนจะล่าถอยห่างออกไปอย่างต่อเนื่อง
“กระบี่ระดับปฐพีขั้นสูงนับหมื่นเล่มและกระบี่ระดับปฐพีขั้นสุดยอดเก้าเล่มภายในค่ายกลเดียว และมันยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก! นี่… นี่… แม้แต่ค่ายกลหมื่นฉลามทะเลหยกที่คอยปกป้องเกาะฉลามมังกรแห่งทะเลตะวันออกของข้าก็ดูเหมือนจะด้อยกว่าค่ายกลนี้!”
“รีบถอยไปเร็วเข้า! พลังระดับนี้สามารถทำลายล้างผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาได้ เราไม่อาจติดอยู่ภายในนั้น มิฉะนั้น ชีวิตของพวกเราจะหาไม่!”
หลิวเฟิ่งฉือ หม่านหง หลินโม่เซวียน เซียวหลิงเอ๋อร์ และคนอื่น ๆ ล้วนมีสีหน้าตึงเครียดขณะที่ความหวาดกลัวอันไร้ขอบเขตได้ผุดขึ้นในใจ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบล่าถอยอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าหวงฝู่ฉงหมิงเสียอีก
เพียงชั่วพริบตา ทุกคนต่างถอยหนีอย่างไร้จุดหมาย ราวกับกำลังหลบหนีสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว
เฉินซีฉวยโอกาสนี้คว้าทั้งร่างของหลิงไป๋กับเฉินฮ่าวมาไว้ข้างกาย จากนั้นเขาจึงจ้องมองไปยังศัตรูเหล่านั้นที่ล่าถอยออกไปอย่างเย็นชา ก่อนจะหันหลังกลับและหายไปในค่ายกลกระบี่
ในขณะนี้ หากใครมองไปยังบริเวณโดยรอบของจวนตระกูลเฉิน จะเห็นเพียงปราณกระบี่ที่ไร้เทียมทานจำนวนนับไม่ถ้วนที่เคลื่อนไปมา และพวกมันก็ก่อตัวเป็นม่านกำแพงกระบี่ที่เต็มไปด้วยจิตสังหารและพลังทำลายล้าง ซึ่งเปรียบเสมือนกับชามข้าวที่ครอบลงมารอบจวนอย่างแน่นหนา นอกจากนี้ แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาที่ม่านกำแพงกระบี่ก็ดูเหมือนกับภาพวาดของแดนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยหมู่เซียนเริงระบำ
เมื่อเฉินซีเหินลงมาที่พื้น เขาก็ไม่ลังเลที่จะหยิบโอสถเหลวหยกนภานับหมื่นเม็ดใส่ลงไปในกระเป๋าสมบัติมิติก่อนจะมอบให้เฉินฮ่าว “ค่ายกลกระบี่มหาปราณนี้สามารถกำจัดยอดฝีมือขอบเขตสถิตกายาได้ อีกทั้งการโจมตีของยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีก็ไม่อาจเจาะทะลุค่ายกลนี้แม้แต่น้อย ด้วยการปกป้องที่ทรงพลังเช่นนี้ ตระกูลเฉินของเราจะอยู่รอดปลอดภัย แต่ค่ายกลกระบี่นี้ต้องใช้ปราณวิญญาณในการคงสภาพมหาศาล ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องใช้โอสถระดับปฐพีขั้นสุดยอดนับหมื่นเม็ดคอยเติมปราณวิญญาณให้แก่ค่ายกล หลายวันนับจากนี้เจ้าจงรั้งอยู่ในค่ายกลไปก่อนและคอยเติมพลังให้ค่ายกลนี้อย่าได้ขาด”
ครืนนน!
เสียงของเฉินซียังไม่ทันหายไปจากอากาศ เขากลับไม่สามารถพยุงตัวเองได้อีกต่อไป ก่อนจะหมดสติล้มลงไปกองกับพื้น
สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันมานี้ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน เขาวิ่งทะยานโดยไม่หยุดหย่อนเป็นเวลาถึงสามวันสามคืน เพื่อหลบหนีจากห้วงทะเลทรายมรณะมายังเมืองหมอกสน ร่างกายของเขายังได้ผลกระทบอย่างรุนแรงจากการกินโอสถเหลวหยกนภาเข้าไป และการฝืนรีดเค้นปราณแท้ของเขาอย่างต่อเนื่อง เมื่อรวมกับแก่นโลหิตนับไม่ถ้วนที่ถูกใช้ไปเพื่อสร้างค่ายกลกระบี่ เขาได้ใช้พลังชีวิตมากเกินไป ทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัสทั้งภายในและภายนอก หากไม่ใช่เพราะเจตจำนงอันแรงกล้าที่คอยสนับสนุนเขาอยู่ เขาคงไม่สามารถยืนหยัดได้จนถึงตอนนี้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหมดสติในทันทีที่จิตใจผ่อนคลาย และไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกได้อีกต่อไป
หลิงไป๋เองก็หมดสติไปเช่นเดียวกัน เนื่องจากเขาได้ต้านทานการโจมตีของหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ โดยไม่เสียดายอายุขัยของตัวเองเลย ดังนั้นอาการบาดเจ็บของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินซีเลยสักนิดเดียว
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาทั้งคู่จึงหมดสติอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดู แต่กลับไม่มีใครหัวเราะเยาะพวกเขาสักคน
ยิ่งไปกว่านั้น ความเคารพอย่างลึกซึ้งก็ผุดขึ้นในใจของข้ารับใช้ตระกูลเฉิน และแม้ว่าพวกเขาจะยังคงนิ่งเงียบ แต่ความเคารพนี้ก็เอ่อล้นอยู่ในใจของพวกเขาทุกคนอย่างต่อเนื่อง
เป็นเพราะคนทั้งสองได้พยายามพลิกสถานการณ์และช่วยตระกูลเฉินในช่วงเวลาที่คอขาดบาดตายอย่างเต็มที่ ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสองคนนี้ พวกเขาก็คงถูกทำลายไปพร้อมกับการล่มสลายของตระกูลเฉิน อีกทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกเข่นฆ่า
ในขณะนี้ ทุกคนในตระกูลเฉินต่างก็รู้สึกภาคภูมิใจที่มีผู้พิทักษ์ตระกูลเช่นนี้ ‘หากมีคนเช่นเขาอยู่ เหตุใดจึงต้องกังวลว่าตระกูลเฉินจะไม่พบกับความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรือง?’
“เหลิ่งชุ่ย เจ้าจงพาพี่ชายของข้ากับหลิงไป๋ไปพักผ่อน และใช้โอสถทิพย์ชั้นเลิศเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา ปล่อยหน้าที่ดูแลค่ายกลกระบี่นี้ให้แก่ข้า ส่วนคนอื่นจงทำในสิ่งที่ควรทำ และห้ามออกจากค่ายกลโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอันขาด!” เฉินฮ่าวกล่าวด้วยเสียงทุ้มหนัก ซึ่งทำลายบรรยากาศอันเงียบงัน ไม่มีใครได้สังเกตเห็น เมื่อเขาละสายตาจากร่างของเฉินซี น้ำตาสองสายก็ไหลลงมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา แต่มันก็ระเหยหายไปในอากาศทันที
จิตใจของเขามั่นคงยิ่งขึ้นและปราศจากความกลัวใด ๆ สีหน้าของเขาก็แน่วแน่ยิ่งขึ้น ทำให้เขาดูเหมือนกับเป็นภูเขาที่สูงตระหง่านและสง่างามยิ่งขึ้นหลังจากประสบกับการโหมกระหน่ำของพายุและสายฝน
“รับทราบ!” ทุกคนขานรับอย่างแข็งขัน จากนั้นพวกเขาก็ล่าถอยไปอย่างเป็นระเบียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...