บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 255

บทที่ 255 พลังทำลายล้างที่ไร้ขอบเขต

บทที่ 255 พลังทำลายล้างที่ไร้ขอบเขต

เพลงหมัดมหาทำลายล้างเป็นกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่บัญญัติขึ้นโดยเจ้าของขุมสมบัติเฉียนหยวน แต่น่าเสียดายที่มันเป็นเคล็ดวิชาที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งถูกบันทึกไว้เพียงสามขั้นเท่านั้น

หากใช้มันร่วมกับเต๋ารู้แจ้งที่เป็นสุดขั้วของทั้งสองประเภท มันจะสร้างพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่ง

เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า เต๋ารู้แจ้งที่ไร้ขอบเขตส่วนใหญ่ในสวรรค์และโลกมีสองขั้วที่ปฏิเสธกันและกัน และไม่สามารถดำรงอยู่ร่วมกันได้ เฉกเช่น น้ำกับไฟ หยินกับหยาง ท้องฟ้ากับผืนดิน และอื่น ๆ เพลงหมัดมหาทำลายล้างก็ใช้การปฏิเสธร่วมกันระหว่างพลังที่เกรี้ยวกราดทั้งสองนี้เพื่อระเบิดพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง และมันคือพลังทำลายล้าง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สิ่งที่เรียกว่าการลบล้างคือการควบคุมพลังสองประเภทที่แตกต่างและตรงข้ามกันอย่างไม่มีที่ติ โดยทำให้พลังทั้งสองนี้ชนกันและเข้าสู่สภาวะไร้ระเบียบได้อย่างง่ายดาย และปล่อยให้มันระเบิดออกมาด้วยพลังที่น่าเหลือเชื่อ

ด้วยเหตุนี้เอง เฉินซีจึงไม่ลังเลที่จะเลือกกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าครึ่งขั้นในระหว่างการทดสอบครั้งแรกของขุมสมบัติเลย แม้ว่าเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างในเคล็ดวิชาการต่อสู้นี้จะมีเพียงผิวเผินและไม่อาจหยั่งถึงได้ แต่ทักษะการใช้ประโยชน์จากมวลพลังของเต๋ารู้แจ้งที่อยู่ภายในนั้น ทำให้เขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก

ภายในห้องอันเงียบสงบ เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จิตสัมผัสเทพของเขาจะพุ่งเข้าไปในแผ่นหยกที่ปกคลุมด้วยแสงสีทอง

โอม!

ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเฉินซี บนที่ราบรกร้างอันไร้ขอบเขต มีร่างหนึ่งที่สง่าผ่าเผย ไร้ความเกรงกลัวใด ๆ และสูงตระหง่านดั่งขุนเขายืนอยู่ พื้นดินรอบ ๆ ตัวเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับปุยฝ้ายที่ปลิวว่อน และพื้นดินก็เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเขาได้อย่างชัดเจน

แต่เฉินซีก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าคนผู้นี้ย่อมคือเซียนสวรรค์เฉียนหยวน ผู้เป็นเจ้าของขุมสมบัติอย่างแน่นอน

“ทลายพิภพ!” เสียงอันน่าเกรงขามระเบิดออกมา ในขณะที่ร่างนั้นเคลื่อนไหวและฟาดออกไปด้วยหมัดที่ธรรมดาและเรียบง่าย แต่เสมือนกับว่ากระแสน้ำอันยิ่งใหญ่ได้ระเบิดออกมาจากส่วนลึกของจักรวาลและพุ่งเข้าสู่โลกใบนี้ ทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยง ๆ พื้นดินแยกออกจากกัน ภูเขาพังทลาย มหาสมุทรเหือดแห้ง ราวกับว่ามันได้กวาดล้างทุกสิ่งในโลกและทำให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่ความเงียบงัน

เพียงหมัดเดียว โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะประสบกับหายนะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อีกทั้งพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวนั้นแสนจะเรียบง่ายอย่างสุดขั้วเกินกว่าที่มนุษย์จะควบคุมได้

‘ยอดเยี่ยมยิ่งนัก! หมัดที่ธรรมดาเช่นนี้แต่กลับรุนแรงยิ่งยวดช่างสมกับชื่อ ‘ทลายพิภพ’ จริง ๆ!’ ในเวลาไม่นาน ท้องฟ้าและผืนดินก็ฟื้นคืนสู่สภาพเดิม แต่เฉินซีกลับตกตะลึงจนลืมหายใจ

“ทลายโกลาหล!” ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ร่างที่สง่าผ่าเผยนั้นเป็นดั่งมังกรที่ทะยานจากท้องทะเลขณะพุ่งไปในอากาศ แล้วชูกำปั้นขึ้นไปบนฟ้าขณะที่เขายืนอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง และมวลพลังที่ทำให้ใจต้องสั่นไหวกำลังมาบรรจบที่กำปั้นของเขา

เมื่อเฉินซีมองจากระยะไกล เขาก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งสองกำลังก่อตัวขึ้นด้วยกำปั้นของร่างนั้น โลกใบหนึ่งมีท้องฟ้าอยู่ด้านล่างและพื้นดินอยู่ด้านบนเหมือนโลกกลับหัว ในขณะที่อีกโลกหนึ่ง ท้องฟ้าและพื้นดินนั้นอยู่ในสภาพปกติ แต่ทุกอย่างในโลกนี้ดูเหมือนจะถูกพลิกและศีรษะของพวกเขาก็หันหน้าเข้าหาพื้นดิน ในขณะที่ขาของพวกเขากลับชี้ขึ้นฟ้า

ทันทีที่เขาเห็นปรากฏการณ์นี้ เฉินซีก็รู้สึกอึดอัดจนแทบจะกระอักเลือด ทำให้พลังชีวิตและลมปราณในร่างกายของเขาเริ่มปั่นป่วนอย่างรุนแรง

ตู้ม! ครืน! ครืน!

กำปั้นที่แฝงไปด้วยพลังสองประเภทที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ระเบิดออกมาในที่สุด ทันใดนั้น โลกก็พลิกคว่ำและจักรวาลก็ตกอยู่ในความโกลาหล และแม้แต่อวกาศอันไร้ขอบเขตก็ถูกบดขยี้อย่างรุนแรงจนตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่

ท้องฟ้าและพื้นดินทั้งหมด รวมถึงทุกสิ่งที่อยู่ในขอบเขตการมองเห็นของเฉินซี เหมือนตกอยู่ในความโกลาหล กฎระเบียบพังทลาย และเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน ไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งมีชีวิต แม้กระทั่งวัตถุที่ไม่มีชีวิตก็กำลังพังทลายและสลายไป!

‘พลังทำลายรุนแรงอะไรเช่นนี้! หมัดแรกทำให้ท้องฟ้าและพื้นดินถูกทำลาย และกลับคืนสู่ความเงียบงัน ในขณะที่หมัดที่สองทำให้ทุกสิ่งในจักรวาลตกอยู่ในความโกลาหล และทำให้ทุกสิ่งในบริเวณนั้นพังทลาย! ข้าสงสัยนักว่ากระบวนท่าที่สามจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงไหน!’ หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีก็หายตกตะลึง เขารู้ว่าหมัดทั้งสองนี้เป็นตัวแทนของกระบวนท่าของสองขั้นแรกในเพลงหมัดมหาทำลายล้าง และเหนือไปกว่านั้นคือขั้นที่สามและขั้นสุดท้าย

“ทลายนิรันดร์!” เช่นเดียวกับที่เฉินซีคาดไว้ เมื่อท้องฟ้าและพื้นดินฟื้นคืนสู่สภาพเดิม ร่างที่สง่าผ่าเผยก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่เฉินซีไม่สามารถลืมตาได้ในขณะนี้

เพราะเมื่อร่างนั้นชกกำปั้นออกไป พลังการทำลายล้างที่ไร้ขอบเขตได้เปล่งแสงที่สว่างพร่างพรายออกมา ทำให้ดวงตาของเฉินซีเจ็บปวดและรู้สึกราวกับว่าดวงตาของเขากำลังจะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ขณะที่น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของเขา เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นคือความว่างเปล่า ท้องฟ้าและพื้นดิน หยินและหยาง ภูเขา แม่น้ำ ทุกสิ่งหายไปหมดสิ้น แม้แต่เถ้าธุลีก็หาไม่พบ มันเป็นความว่างเปล่าที่ทำให้หัวใจและจิตวิญญาณรู้สึกถูกกดดันอย่างไร้ขอบเขต!

‘ทลายนิรันดร์ นี่คือพลังที่เกิดจากเพลงหมัดมหาทำลายล้างขั้นที่สามหรือ…’ เฉินซีรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างกายของเขา และรู้สึกหวาดกลัวจนหายใจไม่ออกโดยไม่มีเหตุผล

ตู้ม!

ในขณะนี้ โลกทั้งใบแตกเป็นเสี่ยง ๆ และถูกทำลาย ในขณะที่เฉินซีก็ได้กลับมาสู่ความเป็นจริงเช่นกัน ตอนนี้เขาพบว่าร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ จนรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก

แต่เขากลับไม่สามารถสนใจสิ่งเหล่านี้ได้ เนื่องจากเขาพบว่าแสงสีทองที่ปกคลุมแผ่นหยกที่อยู่ในมือของเขาได้หายไป และมันได้เปลี่ยนเป็นแสงสีทองเข้มที่หลอมรวมอยู่ภายในแผ่นหยก ในขณะที่เขาตรวจสอบเนื้อหาของแผ่นหยกอีกครั้ง เขากลับไม่สามารถรับชมปรากฏการณ์ที่เหมือนจริงจากก่อนหน้านี้ได้ และมีเพียงความลึกซึ้งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเพลงหมัดมหาทำลายล้างเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่ในแผ่นหยก

‘ดูเหมือนข้าจะไม่สามารถเข้าใจกระบวนท่าขั้นที่สามได้… บางทีข้าอาจจะเข้าใจกระบวนท่าที่สามได้ ก็ต่อเมื่อข้าเชี่ยวชาญสองขั้นแรกของกระบวนท่าทลายพิภพและทลายจักรวาลเสียก่อน’ เฉินซีสังเกตด้วยความประหลาดใจว่าเขาสามารถเข้าใจสองขั้นแรกของเพลงหมัดมหาทำลายล้าง ในขณะที่ขั้นที่สามกลับถูกห่อหุ้มด้วยดวงแสงสีทองที่ก่อตัวเป็นข้อจำกัด

อันที่จริง มันควรถูกเรียกว่าการหยั่งรู้มากกว่าการเรียนรู้วิธีการใช้เต๋ารู้แจ้งภายในนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]