บทที่ 258 โลกแห่งดารา
บทที่ 258 โลกแห่งดารา
ภายใต้ท้องฟ้าของแดนล่าตะวัน มีทั้งคมมีดน้ำแข็ง ฝนเพลิง ต้นไม้ยักษ์ พายุสายฟ้า… การโจมตีมากมายปกคลุมโลกทั้งใบประหนึ่งพายุฝนที่กระหน่ำลงมา
พื้นดินถูกปกคลุมด้วยหินหลอมเหลวที่ไหลเคลื่อนดุจกระแสน้ำ คลื่นไฟที่แผดเผาราวกับเป็นมังกรไฟที่คำรามด้วยความโกรธที่สามารถหลอมละลายได้ทุกสิ่งบนโลก
แดนล่าตะวันทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของสวรรค์และโลก แรงกดดันของพวกมันช่างน่าตกตะลึงและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ทว่า ในสถานการณ์ที่อันตรายและสิ้นหวังอย่างยิ่งยวดนี้ ได้มีเงาร่างหนึ่งกำลังเคลื่อนไปข้างหน้า ในขณะที่ผ่านช่องว่างระหว่างการโจมตีที่หนาแน่นราวกับภูตผี ด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
และเงาร่างนั้นก็คือเฉินซี
ที่หลังของเขามีปีกคู่หนึ่งเปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างเข้มข้น ในขณะที่แสงดาวเอ้อล้นออกมา พาร่างของเขาบินไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หากมองจากที่ไกล ๆ เขาก็เป็นเหมือนลำแสงที่พาดผ่านท้องฟ้า มันกะพริบชั่วครู่ก่อนจะหายวับไป ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถติดตามร่องรอยของเขาได้
ภายใต้ความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้นี้ เฉินซีกลับยังเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ เผชิญกับการโจมตีต่าง ๆ ที่ยู่ทั่วทุกพื้นที่ มันก็ไม่อาจขัดขวางเขาได้แม้แต่น้อย และก่อนที่การโจมตีเหล่านั้นจะมาถึงตัวเขา ชายหนุ่มก็หายตัวไปและปรากฏตัวห่างออกไปหลายพันจั้งแล้ว
‘ยอดเยี่ยม! สมแล้วที่เป็นทักษะการเคลื่อนไหวด้วยพลังอิทธิฤทธิ์ ปีกแสงดาราคู่นี้ไม่เพียงแต่จะเร็วมากเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีร่องรอยการเชื่อมต่อและผสานกับดวงดารานับไม่ถ้วนจากฟากฟ้าด้วยวิธีนี้ อีกทั้งมันยังทำให้การใช้ปราณจ้าววิญญาณของข้าลดลงเกือบสี่ในสิบส่วน นี่นับเป็นเครื่องมือการหลบหนีชั้นยอดจริง ๆ!’
เฉินซีลอบชื่นชมอยู่ในใจ เมื่อเทียบกับเคล็ดวาตะเหินทะยานแล้ว ปีกแสงดาราไม่เพียงเร็วกว่าเกือบสองเท่า แต่มันยังใช้พลังน้อยกว่ามากอีกด้วย ด้วยความบริสุทธิ์และความหนาแน่นของปราณจ้าววิญญาณของเขาในยามนี้ เขาสามารถบินไปได้ไกลกว่าแสนลี้ได้อย่างง่ายดาย ขณะที่เขายังเหลือปราณจ้าววิญญาณอยู่ประมาณสองในสิบส่วน
ด้วยวิธีนี้ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในอนาคต ตราบใดที่เขาไม่พบกับผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาที่เข้าใจทักษะการเคลื่อนย้ายทางไกลหรือผ่านมิติ เขาย่อมสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย!
ชายหนุ่มครุ่นคิดเช่นนี้อยู่ตลอดทาง ก่อนที่เขาจะรู้ตัวหนึ่งวันก็ได้ผ่านไป เฉินซีบินมาไกลกว่าเก้าหมื่นลี้แล้ว มันไกลจนเขาสามารถเห็นดวงอาทิตย์กลมโตส่องแสงเจิดจ้าพร่างพราวอยู่เหนือขอบฟ้าและงดงามมากยิ่งได้จากไกล ๆ
เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ที่ลุกโชนนี้ เขาดูไม่ต่างอะไรกับมดตัวเล็กจ้อยเลย
ปัง!
เมื่อเฉินซีอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เจิดจ้านี้ไปได้อีกหลายพันลี้ เปลวเพลิงสีทองนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์ที่ลุกโชน เปลวเพลิงสีทองพราวทุกสายมีนกสามขาที่ดุร้ายและมีดวงตาเย่อหยิ่งเย็นชากำลังกระพือปีกพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เปลวไฟที่ไร้ขอบเขตหมุนเวียนอยู่โดยรอบราวกับว่าพวกมันเป็นเทพแห่งไฟ
อีกาทองคำ!
เฉินซีจำได้อย่างรวดเร็วว่านกสามขาตัวใหญ่ที่อาบด้วยเปลวไฟนี้ คือสัตว์ร้ายในตำนานโบราณชนิดหนึ่ง ที่เฉิดฉายอยู่ในตำนานของยุคแรกเริ่ม!
ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาลอยอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่มีอีกาสีทองนับไม่ถ้วนกระพือปีกอยู่เต็มท้องฟ้า ทำให้โลกแทบจะกลายเป็นเตาเผาที่ลุกโชน ทำให้ฉากเบื้องหลังนี้ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
เมื่อเผชิญกับฉากที่น่าหวาดหวั่นนี้ เฉินซีก็หยุดลงทันที และไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีก
ในตอนนี้ ดวงดาวหลายร้อยล้านดวงบนท้องฟ้าได้หายไปนานแล้ว และการโจมตีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
สถานที่นี้อยู่ห่างจากจุดที่เฉินซีจะเข้าสู่แดนล่าตะวันเพียงหนึ่งแสนลี้!
ฮึ่ม!
เวลานั้นเอง ร่างขนาดมหึมาที่มีความสูงเกือบหมื่นจั้งก็โผล่ออกมาจากภายในดวงอาทิตย์ที่ลุกโชน มันเดินเท้าเปล่าและสวมเสื้อกระสอบ พร้อมผมยาวปรกไหล่ ราวกับเทพเจ้าที่อยู่เหนือทะเลเพลิง ขณะที่เขาเดินออกมาจากดวงอาทิตย์ที่ลุกโชน ร่างกายของเขาก็ปล่อยบรรยากาศอันอ้างว้างของกลิ่นอายโบราณที่ทรงพลังออกมา
ก้อนเมฆที่เต็มไปด้วยดวงดาวมาบรรจบกันบนท้องฟ้าเหนือหัว และปกคลุมไปด้วยดวงดาวที่เปล่งแสงเล็ก ๆ มากมาย เมื่อมองจากระยะไกล มันดูราวกับเป็นยันต์ขนาดใหญ่กำลังหมุนเวียนอย่างช้า ๆ ขณะเปล่งกลิ่นอายลึกลับและความลึกล้ำอย่างไร้ขอบเขต
เมื่อเขาได้เห็นร่างสูงใหญ่ไร้เทียมทานนี้ เฉินซีก็ไม่รู้สึกถึงความไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นร่างนี้ในขอบเขตปฐพีที่ห้าของด่านแรกในบททดสอบแห่งสรวงสวรรค์มาแล้ว และหากเขาเดาไม่ผิด ร่างนี้ก็คือเจ้าของเคหาบ่มเพาะนี้ หรือก็คือนายท่านของจี้อวี๋ ฝูซี!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างนี้จะไม่ใช่คนไม่คุ้นเคยสำหรับเขา ทว่าความตกใจที่อธิบายไม่ได้ยังคงปรากฏขึ้นในหัวใจของเฉินซีอยู่ดี เมื่อเขาเห็นร่างปล่อยบรรยากาศอันอ้างว้างของกลิ่นอายโบราณที่ทรงพลังออกมานี้อีกครั้ง เขาก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของเขาได้อยู่พักใหญ่
ตลอดหลายปีก่อนเขาที่อยู่ในขอบเขตตำหนักอินทนิล ยังมีความเข้าใจต่อมหาเต๋าไม่ลึกซึ้งพอ ดังนั้นยามนั้นเขาจึงรู้สึกได้เพียงแค่ความเคารพและความชื่นชมอยู่ในใจของเขา แต่ตอนนี้เขาบรรลุเจตจำนงเต๋ามากกว่าสิบชนิดแล้ว ความรู้และประสบการณ์ของเขาก็ไม่ตื้นเขินเหมือนอย่างเคยเป็นอีกต่อไป เขาเห็นแล้วว่าร่างใหญ่นี้มีเจตจำนงเต๋าไร้ที่สิ้นสุด ราวกับว่ามันโอบกอดมหาเต๋าและเต๋ารองทั้งหมดในโลกหล้าเอาไว้ ถ้าเขาไม่เห็นด้วยสองตาของตนเอง เฉินซีก็คงไม่กล้าเชื่ออย่างแน่นอนว่าในโลกนี้จะยังมีคนที่สามารถบรรลุเจตจำนงเต๋าได้มากมายเช่นนี้อยู่ด้วย!
ปัง!
ตามที่เฉินซีคาดไว้ เมื่อร่างนั้นปรากฏขึ้นจากภายในดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ทันใดนั้นรูปลักษณ์ของฝูซีก็ปรากฏขึ้นในห้วงจิตสำนึกของเขา ร่างทั้งสองก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะเฝ้ามองกันและกันจากระยะไกล
ทันใดนั้น จิตวิญญาณทั้งหมดของเฉินซีก็เริ่มสั่นสะเทือน เนื่องจากความคิดโบราณและห่างไกลจำนวนมากได้ไหลเข้าสู่จิตวิญญาณของเขาอย่างรุนแรง ประหนึ่งแม่น้ำสายใหญ่ที่เชี่ยวกรากและหลอมรวมเข้ากับความทรงจำของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...