บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 274

บทที่ 274 คำรามดังสวรรค์สั่นไหว

บทที่ 274 คำรามดังสวรรค์สั่นไหว

บรรยากาศภายในจวนตระกูลเฉินตอนนี้มีผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาอย่างคึกคัก บางคนเอ็ดตะโรลูกหลานเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน

พวกเขาบ้างเป็นคนในครอบครัว ศิษย์ คนรับใช้และคนจากกองกำลังแห่งอื่นในเมืองหมอกสนที่ต้องละทิ้งบ้านเรือนเป็นการชั่วคราว และมาหาที่หลบซ่อนจากการจู่โจมของสัตว์อสูรอยู่ภายในตระกูลเฉินซึ่งมีการตั้งค่ายกลกระบี่มหาปราณเพื่อป้องกันภัย

แต่ที่จริงมีจำนวนคนที่ค่อนข้างมาก ในบรรดากองกำลังทั้งหมดของเมืองหมอกสน คนที่สังกัดกองกำลังใหญ่มีไม่กี่พันคนในขณะที่กองกำลังเล็ก ๆ มีนับร้อยคนเท่านั้น เมื่อทั้งหมดเข้ามารวมกันอยู่ในตระกูลเฉินในเวลาเดียวกันเช่นนี้ จะไม่ให้บังเกิดความอลหม่านได้อย่างไร

นับว่าเคราะห์ยังดีที่มีคลังสมบัติมิติใช้เก็บงำกระเป๋าสมบัติวิเศษของคนเหล่านี้ ดังนั้นถึงแม้จวนตระกูลเฉินจะมีผู้คนมารวมกันมากกว่าหมื่นคน ทว่าไม่ได้แออัดยัดเยียดแต่อย่างใด

แต่เพราะเหตุนี้จึงได้ทำให้พวกผู้ดูแลและคนรับใช้ของตระกูลเฉินยุ่งวุ่นวายไม่น้อย พวกเขามีหน้าที่จัดหาบ้านและที่พำนัก ดูแลความสงบเรียบร้อยและบางครั้งต้องช่วยคนตระกูลอื่นตามหาลูกหลานที่พลัดหลงไปในฝูงชน จนพวกเขานึกอยากจะมีแขนขาเพิ่มขึ้นมาอีกสักคู่ก็คงจะดี

“ให้ตายเถอะ ตัวแสบถ้าพวกเจ้าขืนวิ่งวุ่นไม่หยุดอย่างนี้ เดี๋ยวจะปล่อยให้สัตว์อสูรจับกินแล้วนะ!”

“น้องชาย ไม่ทราบว่าเจ้าสามารถหาที่พักให้เราจะได้หรือไม่ อ้อ นี่คือศิลาวิญญาณ คิดเสียว่าเป็นสัญลักษณ์แทนน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของข้าโปรดรับไว้เถอะนะ”

“อะไรนะ ที่พักไม่พออย่างนั้นหรือ ต้องไปสร้างที่พักบนลานฝึกเองสินะ เออ…คงทำได้แค่นี้แหละ พวกเจ้าตรงนั้นน่ะ ไปช่วยกันสกัดหินให้เป็นก้อนสีเหลี่ยม ข้าจะใช้สร้างบ้าน!”

ท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลเฉินบังเกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครม ที่นี่จึงเป็นเพียงแห่งเดียวในเมืองหมอกสนที่มีความพลุกพล่าน ในขณะที่ภายในเมืองบริเวณอื่นเงียบสงัดอย่างกับป่าช้า มีแต่สุนัขป่าเท่านั้นที่วิ่งผ่านไปผ่านมา

เฉินซีและมู่ขุยกลับเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศที่มีเสียงดังเอ็ดอึง

ฟิ้วววว!

เมื่อผู้คนสังเกตเห็นเฉินซี ระหว่างทางที่มีฝูงคนหนาแน่นต่างพากันแยกย้ายออกไปรวมกัน โดยเว้นบริเวณตรงกลางของสองข้างทางโดยอัตโนมัติ ขณะเดียวกันเสียงที่ดังเอ็ดอึงกลับเงียบลงทันทีและสายตาที่มองดูเฉินซีอย่างให้ความเคารพเทิดทูนอย่างเปี่ยมล้น

คนที่นี่ส่วนใหญ่มีโอกาสครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้พบกับเฉินซี และเมื่อได้มาเห็นตัวซวยที่ทุกคนเคยถูกดูหมิ่นดูแคลนเติบโตขึ้นจนกลายมาเป็นวีรบุรุษแห่งเมืองหมอกสน ทำเอาหลายคนทึ่งจัดจนอ้าปากค้างพลางนึกชื่นชมในใจอยู่มิรู้วาย

บางคนแอบนึกเสียใจที่เคยหัวเราะเยาะแสดงความดูถูกเขามาก่อนกลับเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาในใจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บางคนถึงกับตีอกชกตัวด้วยความเสียใจและเสียดายที่ไม่ได้เป็นมิตรกับเฉินซีเสียตั้งแต่หลายปีก่อน มนุษย์ทุกผู้ทุกคนต่างเปิดผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมาก็ตอนนี้เอง

แต่พอพวกเขาเหลือบไปเห็นดวงตาหยกสีเขียวเข้มของมู่ขุยพร้อมกับไอปราณอสูรที่แผ่ออกมาอย่างเบาบางจากร่างกาย ขณะที่เขาเดินตามหลังเฉินซีมาติด ๆ ทำให้หลายคนถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง

ผู้บ่มเพาะอสูร!

และเป็นผู้บ่มเพาะอสูรขอบเขตแกนทองคำหยินหยางด้วย!

บางคนที่สายตาเฉียบคมมองเห็นตัวตนและพลังของมู่ขุยได้ทันที ถึงกับชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หลายคนจ้องมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เหตุใดผู้บ่มเพาะอสูรขอบเขตแกนทองคำหยินหยางจึงมาติดตามเฉินซีเช่นนี้เล่า

ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือเวลาที่ผู้บ่มเพาะอสูรตนนี้เดินตามเฉินซี เจ้านั่นยังทำท่าค้อมศีรษะอย่างผู้ที่อยู่ในโอวาทเสียด้วย ท่าทางไม่ผิดกับคนรับใช้ผู้ภักดี ไม่มีแววของผู้บ่มเพาะอสูรขอบเขตแกนทองคำหยินหยางแม้แต่น้อย

อะไรกันนี่

เป็นเรื่องจริงหรือที่เฉินซีสามารถปราบผู้บ่มเพาะอสูรขอบเขตแกนทองคำหยินหยางจนสยบราบคาบได้?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจของทุกคนรับรู้ได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่ลึกล้ำและยากจะหยั่งถึงของเฉินซีมากขึ้น ฉับพลันนั้นก็รู้สึกถึงความเทิดทูนบูชาค่อย ๆ คืบคลานเข้าเกาะกุมหัวใจของทุกคนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จะมีใครในเมืองหมอกสนที่สามารถต่อกรกับผู้บ่มเพาะอสูรขอบเขตแกนทองคำหยินหยางและสยบมันให้กลายเป็นเสมือนผู้รับใช้ได้เช่นนี้บ้าง?

ท่ามกลางฝูงชนมีสาวน้อยนางหนึ่งทำท่าลังเลอยู่นานกว่าจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าทักเฉินซี กระนั้นขณะที่นางกำลังทำท่าจะตะโกนออกไป พลันถูกขัดจังหวะโดยชายหนุ่มชุดขาวคนที่ยืนข้างนั้นเอง โดยฝ่ายนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแหบต่ำผ่านกระแสปราณ “ศิษย์น้อง ตอนนี้เฉินซีอาจไม่เหมือนแต่ก่อน ดีไม่ดีเขาอาจจะลืมพวกเราแล้วก็ได้ ถ้าเจ้าเข้าไปทักทายแล้วเขาจำไม่ได้ เจ้าจะอับอายแค่ไหนคิดดู”

หญิงสาวหน้าสวยชะงักงัน จากนั้นจึงหันมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ด้วยสีหน้าซื่อ ๆ และถามผ่านกระแสปราณว่า “ศิษย์พี่ชวี่ เจ้าก็คิดเหมือนกันอย่างนั้นหรือ”

หนุ่มน้อยหน้าซื่อทำท่าลังเลนิดหนึ่งจึงพยักหน้าแทนคำตอบ

สองหนุ่มกับหนึ่งหญิงนี้เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก ลู่เส้าฉงแห่งสำนักพฤกษ์ชาด ชวี่เฉิงและต้วนอิง ครั้งหนึ่งคนทั้งสามเคยตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของฝูงเสือดาววายุเงินแถวเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้ และครั้งนั้นพวกเขาก็โชคดีได้เฉินซีเข้ามาช่วยจึงรอดชีวิตมาได้

ยิ่งกว่านั้นในการทดสอบที่ดินแดนรกร้างใต้พิภพ ต้วนอิงเกือบจะถูกหลี่ไฮว่ คุณชายใหญ่แห่งบ้านตระกูลหลี่สังหารแล้ว ทว่าช่วงเวลาคับขันนั้นเองเฉินซีซึ่งบังเอิญผ่านมาได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้

สำหรับต้วนอิงแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเฉินซีคือคนที่ทำให้นางได้ชีวิตใหม่กลับคืนมาถึงสองครั้งสองครา และนางย่อมสำนึกในบุญคุณของเฉินซีด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพและความชื่นชม พอได้มาเห็นเฉินซีเข้าโดยบังเอิญ นางรู้สึกว่ายากที่จะสะกดความตื่นเต้นยินดีที่พุ่งขึ้นมาในใจได้ อีกทั้งอยากจะรีบเจ้าไปทักทายพร้อมทั้งแสดงความขอบคุณชายหนุ่มเสียเวลานี้ตอนนี้

แต่เมื่อมีเสียงคัดค้านจากลู่เส้าฉงและชวี่เฉิง ทำให้หญิงสาวเกิดความลังเลใจขึ้นมา ‘จริงสิ ตอนนี้เฉินซีมีพลังแกร่งกล้าน่าเกรงขามเหนือกว่าผู้บ่มเพาะในเมืองหมอกสนทั้งหมด และยังตอนนี้เขาได้กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับผู้อาวุโสระดับสูงแห่งนิกายกระบี่เมฆาพเนจร สถานะก็สูงส่งขึ้นทำให้ตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่ข้าจะเข้าไปทำท่าสนิทสนมเหมือนกับคนรุ่นเดียวกันได้อีก ถ้าข้าผลีผลามเข้าไปขัดจังหวะเข้าในเวลานี้…อย่าว่าอันใดเลย ถ้าเขาเกิดจำข้าไม่ได้ ข้าจะทำหน้าอย่างไร’

“ผ่านมาเจ็ดแปดปีแล้ว สงสัยว่าเฉินซีคงจะจำความสัมพันธ์ที่เคยเป็นมาในอดีตไม่ได้เสียแล้ว อย่าว่าแต่เรื่องที่พวกเรากับเฉินซีเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่บังเอิญมาพบกันและเขาได้ช่วยเหลือพวกเราหลายครั้งหลายหนด้วยซ้ำ เช่นนี้เรายังจะกล้าไปรบกวนเขาอย่างนั้นหรือ” ลู่เส้าฉงพูดพลางถอนใจเฮือก เขาเองก็ต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์กับเฉินซีด้วยเช่นกัน แต่น่าเสียดายนักที่ชีวิตจริงมิอาจทำเช่นนั้นได้

“เขามาทางนี้แล้ว!” ชวี่เฉิงโพล่งออกมา

ทั้งลู่เส้าฉงและต้วนอิงพลันต่างก็ชะงักหยุดและหันขวับไปมองพร้อมกัน จริงอยู่พวกเขามองเห็นแล้วว่าเฉินซีอยู่ห่างจากตรงที่พวกเขาเพียงไม่ถึงหนึ่งจั้ง เสียงในใจของทุกคนถามกับตัวเอง…เขาจะจำเราได้ไหม

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะได้รับปฏิกิริยาเมินเฉยจากเฉินซี แต่ยังอดที่จะรู้สึกผิดหวังและหวั่นไหวในใจอย่างแรงไม่ได้ ทุกคนรู้สึกเหมือนเวลาได้หยุดนิ่งลง ความรู้สึกมีทั้งคาดหวังและผิดหวังในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง เฉินซีจำทั้งสามคนไม่ได้โดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มโฉบผ่านพวกเขาไปและมุ่งหน้าตรงไปอย่างเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]