บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 281

บทที่ 281 แม่นางย่าชิง

บทที่ 281 แม่นางย่าชิง

“อืม เข้ามาได้” สีหน้าของมู่ขุยจริงจังขึ้นขณะกล่าวด้วยเสียงต่ำ

ประตูถูกผลักเปิดออก และผู้หญิงนางหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างสง่างาม นางทั้งมีเสน่ห์และงดงามในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้ นางสวมชุดสีฟ้าอ่อน ดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยดวงดาวที่พร่างพรายแสงแห่งปัญญา

สตรีนางนี้อยู่ในระดับขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์ และเก็บซ่อนความแข็งแกร่งที่ไม่อาจคาดเดาได้เอาไว้ จากการประเมินของเฉินซี ความแข็งแกร่งของเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ เลย

“ข้า มู่ขุย แล้วนามของแม่นางคือ?” ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจหมาป่าที่เจ้าเล่ห์และดุร้าย มู่ขุยจึงมีความฉลาดโดยธรรมชาติ เขาสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าสตรีนางนี้น่าจะเป็นสมาชิกระดับสูงของหอขุมทรัพย์สวรรค์

“สหายเต๋ามู่ขุย โปรดเรียกข้าว่าย่าชิงเถิด ข้าได้ยินมาว่าสหายเต๋ามู่ขุยต้องการขายสมบัติวิเศษระดับปฐพีชั้นยอด? เรื่องนี้ข้าพอจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้อยู่บ้าง” สตรีชุดฟ้าอ่อนยิ้ม แต่ดวงตาของนางกลับจับจ้องไปยังเฉินซีอย่างแฝงความนัย

“ถูกต้อง สมบัติเหล่านี้อาจดูไร้ที่มาสักหน่อย ดังนั้นข้าจึงสงสัยว่าหอขุมทรัพย์สวรรค์ของท่านจะรับได้หรือไม่?” มู่ขุยกล่าว

“สหายเต๋ามู่ขุยล้อเล่นแล้ว แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีบางคนก็ยังมาซื้อและขายอย่างเป็นความลับกับหอขุมทรัพย์สวรรค์ของเรา ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีอะไรถูกเปิดเผยแม้แต่น้อย” ย่าชิงยิ้มด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ นางเหลือบมองเฉินซีอย่างลึกซึ้งก่อนจะพูดช้า ๆ “ทว่าข้ามีเรื่องจะถามสักเล็กน้อย สหายเต๋ามู่ขุย ท่านคือผู้ที่จะทำข้อตกลงในครั้งนี้ใช่หรือไม่?”

“เอ่อ… แน่นอน ข้าเป็นคนตัดสินใจ” มู่ขุยเหลือบมองอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดเสียงต่ำ

“จริงหรือ?” ย่าชิงเผยรอยยิ้มลึกลับ

“เอาล่ะ มู่ขุยถอยมาได้แล้ว แม่นางย่าชิงดูจะจำตัวตนของข้าได้แล้ว” เฉินซีโบกมือให้มู่ขุยหยุดพูด จากนั้นเขาก็มองไปที่ย่าชิงและกล่าวต่ออย่างไม่รีบร้อน “ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าแม่นางย่าชิงรู้จักข้าได้อย่างไร?”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของย่าชิงอีกครั้ง “ในโลกแห่งการบ่มเพาะยามนี้ เป็นเรื่องยากที่จะพบเจอผู้ที่สามารถขายสมบัติวิเศษระดับปฐพีชั้นยอดมากมายได้ในคราวเดียว บวกกับข้อเท็จจริงที่ว่าครั้งหนึ่งท่านหญิงเคยได้ทิ้งรูปเหมือนของท่านเอาไว้ที่หอนี้ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ข้าจะจดจำท่านได้”

ท่านหญิง?

เฉินซีนึกถึงท่านหญิงสุ่ยฮวาขึ้นมาในทันที และอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ทุกคราที่เขามาเยือนหอขุมทรัพย์สวรรค์ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถหลบเลี่ยงสายตาของท่านหญิงผู้นี้ได้เลย

“ถ้าเช่นนั้น ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะขายสมบัติวิเศษระดับปฐพีชั้นยอดบางชิ้น” เฉินซีถาม มีคนจำนวนน้อยมากที่รู้เรื่องที่เขายึดสมบัติเหล่านี้มาจากหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ แล้วข่าวนี้มาถึงหูของท่านหญิงสุ่ยฮวาได้อย่างไร?

“สหายเต๋าเฉินซี ท่านไม่จำเป็นต้องคาดเดาไป หอขุมทรัพย์สวรรค์ของเรามีสาขากระจายอยู่ทั่วราชวงศ์ซ่ง ดังนั้นการค้นหาข้อมูลบางอย่างจึงเป็นเรื่องง่ายยิ่ง ท่านว่าไหม? แต่หากจะกล่าวอย่างสัตย์จริง ก็คงต้องบอกว่า ข่าวการร่วมตัวของเพื่อนเก่าขอบเขตเซียนปฐพี ณ นิกายกระบี่เมฆาพเนจร ที่เกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน เริ่มมาจากการที่ท่านยึดสมบัติของหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ ทั้งยังส่งพวกเขากลับไปมือเปล่าอยู่ในมือของหอขุมทรัพย์สวรรค์เรามาสักพักแล้ว มีเพียงคนในโลกภายนอกเท่านั้นที่ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ ท้ายที่สุด เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเหล่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหลายโดยตรง ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เหมาะนักที่จะเปิดเผยมันต่อสาธารณชน”

ย่าชิงยิ้มขึ้นหลังจากที่นางกล่าวจบ นางมองเฉินซีสงสัยและถามต่อ “ทว่ายังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เข้าใจ ท่านใช้สิ่งใดบังคับยอดฝีมือระดับต้น ๆ ของโลกเหล่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล้มเลิกการลงมือจัดการท่านกัน?”

“เราควรคุยกันเรื่องธุรกิจ” เฉินซีเปลี่ยนหัวข้อ

ย่าชิงเพียงแค่ซักถามเท่านั้น นางไม่เคยคิดว่าจะได้รับคำตอบแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถพูดได้ว่ารู้สึกผิดหวัง นางแค่เพียงพยักหน้าและยิ้มเช่นเดิม “ไม่มีปัญหา”

“ถ้าเช่นนั้น เชิญแม่นางย่าชิงประเมินค่าสมบัติเหล่านี้เถิด” เฉินซีสะบัดแขนเสื้อของตน เรียกเอาหม้อน้ำขนาดใหญ่ออกมาจากอากาศ มันเปล่งรัศมีอันโอ่อ่า ทันทีที่มันปรากฏขึ้น อุณหภูมิของอากาศในห้องรับรองพิเศษก็ลดลงอย่างฮวบฮาบในทันใด

“หม้อยาเก้างูใหญ่วัดนภา หนึ่งในสมบัติวิเศษระดับปฐพีชั้นยอดของตำหนักจ้าวปัญญา สมบัตินี้ทรงพลังอย่างยิ่ง ใครก็ตามใช้มัน คนผู้นั้นก็ย่อมถือได้ว่าครอบครองความได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว ดูเหมือนว่าท่านจะเอาของชิ้นนี้มาจากหวงฝู่ฉงหมิงสินะ” ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของย่าชิงเป็นประกาย ขณะที่นางอุทานด้วยความชื่นชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ประเมินมูลค่าของมันที” เฉินซียิ้มเล็กน้อย

“นี่…” ย่าชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “โอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนเม็ด เป็นอย่างไร?”

“โอสถกลั่นแรก?” เฉินซีผงะด้วยความตกตะลึง

ย่าชิงอธิบายอย่างอดทน “สหายเต๋าเฉินซีเองก็คงจะทราบดีอยู่แล้วว่า หลังจากที่คนคนหนึ่งก้าวไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางแล้ว วารีวิญญาณธรรมดาก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการบ่มเพาะได้อีกต่อไป โอสถกลั่นแรกจึงเป็นของสำหรับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง และเทียบเท่าได้กับโอสถระดับปฐพีธรรมดาในโลกแห่งการบ่มเพาะของที่ราบตอนกลาง ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสกุลเงินชนิดหนึ่ง ที่ ‘เป็นเช่นนั้นเอง’ สะดวกมากเมื่อใช้ในการทำธุรกรรม”

“เป็นเช่นนั้นเอง” เฉินซีเริ่มเข้าใจและครุ่นคิดในสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่รู้ว่าโอสถนี้จะมีประสิทธิภาพมากเพียงใด ในอนาคตเมื่อเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง เขาเกรงว่าการฝึกฝนของตนจะไม่ก้าวหน้าได้หากไม่มีมัน

“เอาล่ะ เช่นนั้นก็โอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนเม็ด” เฉินซีไม่แน่ใจว่าราคานี้ยุติธรรมหรือไม่ แต่ในเมื่อย่าชิงรู้จักกับท่านหญิงสุ่ยฮวา นางก็คงไม่หลอกลวงเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]