บทที่ 282 สนามพลัง
บทที่ 282 สนามพลัง
การที่จู่ ๆ เฉินซีก็โผล่เข้ามาทำให้ทุกคนชะงักงัน
“ผู้อาวุโส!” ดวงตาฉายความประหลาดใจระคนปลื้มปีติของฉินอวี้เหว่ยมีน้ำตาคลอเบ้าจวนจะหยดลงมาเต็มที ราวกับนางได้พบกับที่พึ่งอันเป็นหลักพักพิงได้แล้ว กระทั่งความวิปโยคโศกเศร้าและหมดอาลัยตายอยากก็หายวับไปอย่างสิ้นเชิง
“หลัวถง คารวะผู้อาวุโส” หลัวถงผู้มีรูปร่างสูงและกำยำแข็งแรงบุ้ยปากเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยเบา ๆ ในใจของเขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ที่สำคัญคือมันได้เผยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริงออกมา
ปัจจุบันนี้ตระกูลฉินเสื่อมถอยลงและสูญเสียความรุ่งเรืองและเฟื่องฟูเฉกเช่นในอดีตมานานแล้ว ก็อย่างที่ผู้ดูแลพูดว่า หงส์ที่ไร้ขนมันก็เป็นได้แค่ไก่เท่านั้น ไม่มีใครสนใจว่าใครคือหลัวถง ไม่มีใครเห็นใจคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลฉินอย่างฉินอวี้เหว่ย และก็มีก็แต่คนจะฉวยโอกาสดูถูกให้เจ็บช้ำน้ำใจมากกว่า
อย่างเจ้าผู้ดูแลที่กล่าวเย้ยหยันอย่างไม่ไยดีต่อหน้าพวกเขา ซือคงฮวาฉวยโอกาสข่มขู่และบีบบังคับพวกตน ขณะที่ผู้คนรอบข้างเอาแต่มองดูดายโดยไม่ทำอะไรเลย ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงออกอย่างชัดเจนถึงสถานการณ์ของหลัวถงและฉินอวี้เหว่ย
ผิดกับเฉินซีที่เป็นคนมาพบกับพวกเขาโดยบังเอิญ อีกทั้งยังเคยช่วยชีวิตตนไว้ด้วย วันนี้ชายหนุ่มได้ยื่นมือเข้ามาช่วยอีกครั้งแล้วจะไม่ให้หลัวถงรู้สึกสำนึกบุญคุณอย่างไรได้
ยามนี้กลายเป็นซือคงฮวามีสีหน้าคล้ำหมอง ในขณะนั้นเขาชำเลืองมองเฉินซีตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าก่อนจะแผดเสียงหัวเราะดังลั่น “พี่ชาย หน้าตาของเจ้าไม่คุ้นเสียเลย คงไม่ใช่คนของเมืองเฟิงเย่สินะ ข้าขอเตือนว่าอย่าจุ้นจ้านกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเจ้าเองจะเดือดร้อน”
“นี่แขก เจ้าดูหน้าตาอ่อนเยาว์คงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลซือคงสินะ ที่นี่นอกจากนิกายสวรรค์ปฐพีแล้ว ตระกูลซือคงก็มีอำนาจที่สุดในเมืองเฟิงเย่ และนายน้อยซือคงฮวาผู้นี้ก็เป็นนายน้อยรองแห่งตระกูลซือคง สถานะของท่านสูงส่งชนิดที่คนอย่างเจ้าไม่อาจเอื้อมทีเดียว ทางที่ดีอย่าเข้ามาวุ่นวายจะดีกว่า” ผู้ดูแลที่ยืนอยู่ใกล้เคียงพูดออกมาบ้าง เขาเองสังเกตเห็นว่าเครื่องแต่งกายของเฉินซีไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปจึงปรับน้ำเสียงให้ฟังอ่อนโยนลงเล็กน้อย แต่วาจาก็ยังเข้าข้างซือคงฮวาอยู่นั่นเอง
เฉินซียังคงมองนิ่งขณะพยักหน้าให้ฉินอวี้เหว่ยและหลัวถง ก่อนจะหันไปถามผู้ดูแลเสียงเรียบว่า “ชิ้นส่วนพฤกษาจิตบำรุงวิญญาณที่มีอายุหนึ่งหมื่นปีนั่นเป็นอย่างไร”
ผู้ดูแลอึ้งไปนิดหนึ่งทว่าตอบออกมาว่า “ไม่น้อยเลย ด้วยเป็นของหายากจึงถูกเก็บรักษาอย่างดี คุณภาพนั้นถือว่าเป็นชิ้นที่ดีที่สุด”
คนฟังทำท่าถอนใจพลางส่ายหน้า “เจ้ามัวยืนเฉยทำอะไร หรือว่าจะไม่ได้ยินที่ข้าพูดก่อนหน้า ผู้ดูแลหอขุมทรัพย์สวรรค์ปฏิบัติต่อแขกอย่างนี้เองหรือ”
คนเป็นผู้ดูแลทำท่ากระอึกกระอักเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ โดยทั่วไปตำแหน่งของผู้ดูแลหอขุมทรัพย์สวรรค์นั้นมีสถานะแตกต่างจากคนรับใช้ก็จริงหากแต่มิได้สูงส่งอย่างใด แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถใช้ชื่อเสียงของหอขุมทรัพย์สวรรค์มาบังหน้าได้บ้าง แต่นึกไม่ถึงว่าเฉินซีจะไม่ยอมไว้หน้ากันบ้าง และยิ่งมาใช้ความเป็นแขกของที่นี่มาพูดจากดดันเช่นนี้ทำให้เขาโกรธจัดจนแทบกระอักเลือดทีเดียว
แต่ปฏิกิริยาของเฉินซีก็ทำให้เขาไม่อาจโต้แย้งได้ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ เขาเป็นเพียงผู้ดูแลหอขุมทรัพย์สวรรค์ เมื่อเทียบความต่ำต้อยก็ไม่ต่างกับคนรับใช้ทั่วไป ในสายตาของพวกคนที่มีอำนาจมากล้น ยังมองว่าเขาต่ำต้อยด้อยค่ายิ่งกว่ามดปลวกด้วยซ้ำ ดังนั้นพวกเขาจะรังแกได้แต่คนธรรมดาสามัญที่ไม่ได้มีพลังแกร่งกล้าหรือภูมิหลังเท่านั้น
“ฮึ่ม! เห็นความหวังดีของข้าเป็นเจตนาร้ายอย่างนั้นหรือ เจ้ากำลังรนหาที่ตายเสียแล้ว…” สุดท้ายเจ้าผู้ดูแลจ้องมองเฉินซีอย่างไม่พอใจ ก่อนจะนำอัญมณีอำพันทะเลไปแลกเปลี่ยน ทว่ายังมีเสียงพึมพำอย่างไม่เต็มใจดังแว่วมา
“นายท่าน จะให้ข้าจัดการสังหารไอ้สารเลวคนนี้หรือไม่ เจ้าผู้ดูแลต่ำต้อยบังอาจดูถูกท่านอย่างนี้…มันน่านัก!” ดวงตาเขียวปั้ดที่แฝงความเย็นชาและเหี้ยมเกรียมของมู่ขุยจ้องเขม็งไปยังผู้ดูแลสาดประกายวาววับ
“ช่างมันเถอะ” เฉินซีส่ายหน้า เป็นเรื่องไร้สาระเกินกว่าที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ดูแลที่ชอบดูถูกดูแคลน กอปรกับตอนนี้เขาอยู่ในหอขุมทรัพย์สวรรค์ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับที่เขาได้รับผลประโยชน์มากมหาศาลจากย่าชิงก่อนหน้านี้ เมื่อนึกถึงย่าชิงแล้ว เขาจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ดูแลคนนี้
“เด็กน้อย อยากแส่เข้ามาวุ่นวายเรื่องของของตระกูลซือคงอย่างนั้นหรือ” ตอนนั้นท่าทีของซือคงฮวาส่อเค้าว่าจะเป็นลางร้ายด้วยในใจเกิดแรงปะทุของเจตจำนงสังหาร ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้เฉินซีไม่แม้แต่จะชำเลืองมอง อีกทั้งยังไม่สนใจว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ ในฐานะนายน้อยรองของตระกูลซือคง เขาเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เสียที่ไหน มากไปแล้ว!
“อยากลองดีสินะ ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำตัวกระจ้อยร่อยกล้ากำแหงอวดอ้างพลังต่อหน้าท่านปู่มู่ขุยอย่างนั้นหรือ” มู่ขุยไม่อาจยับยั้งความโกรธเคืองที่ก่อตัวมาพักใหญ่ สายตาที่เขม้นมองซือคงฮวาเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย ไม่ปิดบังเจตนาสังหารที่แฝงอยู่ภายในแม้แต่น้อย
“จะ…เจ้ากล้าดีอย่างไร” ซือคงฮวาระเบิดเสียงร้องลั่น ทว่าแรงกดดันจากกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่เปล่งออกมาจากมู่ขุย ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย ดังนั้นแม้ความขัดเคืองจะอัดแน่นในใจเพียงใด แต่เขาก็ยังไม่กล้าลงมือทันที ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าและเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา “ดี…ดี…ดี! ข้าจะจำเจ้าทั้งสองคนไว้ให้ดีเมื่อไรที่เจ้าสองคนออกจากเมืองเฟิงเย่ละก็ ข้า…ซือคงฮวาจะทำให้เจ้าต้องทิ้งชื่อแซ่ทีเดียว!”
คนคนนี้ค่อนข้างมีหัวคิดจึงรู้ว่าทำอะไรในหอขุมทรัพย์สวรรค์คงไม่เหมาะแน่ ดังนั้นเมื่อพูดจบจึงหันขวับกลับออกไปทันที
“ไหนนะ เจ้าจะตามหาชื่อแซ่ของข้าอย่างนั้นหรือ ถุย! บนโลกยังมีคนเช่นนี้ด้วย อะไรกันวะ?” คำพูดของมู่ขุยแสดงความดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่ง
ขณะนั้นซือคงฮวาเพิ่งจะก้าวออกจากหอขุมทรัพย์สวรรค์ ทันทีที่ได้ยินคำพูดของมู่ขุย ทำให้เขาถึงกับโกรธจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เสียงตะโกนก้องอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่งจนเจ้าตัวแทบกระอักโลหิต ‘รอก่อนเถอะ! ข้าจะฉีกร่างของพวกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ จะได้ตายอย่างทุกข์ทรมานคอยดู!’
“นายท่าน คงไม่ตำหนิที่ข้าใจร้อนวู่วามใช่หรือไม่?” มู่ขุยหันกลับมาถาม ใบหน้าดูไร้เดียงสาขณะที่ยืนเกาหัวแกรกพร้อมกับส่งยิ้มซื่อ ๆ
เฉินซียิ้มตอบ “เจ้าไม่ได้ฆ่ามัน จึงไม่ถือว่าวู่วามสักหน่อย”
“ผู้อาวุโส ท่านต้องเดือดร้อนเพราะข้า ตอนนี้ท่านทำให้คนตระกูลซือคงขุ่นเคืองเสียแล้ว ทะ…ท่านต้องรีบไปจากเมืองเฟิงเย่โดยเร็ว ไปเสียตอนนี้ก็ยังทัน” ฉินอวี้เหว่ยพูดรัวเร็วด้วยความหวาดวิตก เพราะนางรู้ดีว่าตระกูลซือคงน่ากลัวเพียงใด คนระดับผู้อาวุโสของตระกูลล้วนเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติทั้งสิ้น และยังมีผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาที่คอยดูแลเรื่องราวภายใน จึงทำให้พวกเขาเป็นกองกำลังที่น่ากลัวและเป็นรองเพียงนิกายสวรรค์ปฐพีเท่านั้น
สิ่งที่นางกังวลก็คือ แม้ว่าเฉินซีจะสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ซือคงฮวา แต่ก็มิได้ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลซือคงต้องออกมาจัดการด้วยตัวเอง ถึงอย่างนั้น ผู้บ่มเพาะที่ตระกูลซือคงส่งมาก็หาใช่คนที่เฉินซีจะสามารถต่อกรได้ง่ายดายแน่ ดังนั้นในใจของนางจึงอดเป็นห่วงเขาไม่ได้
“ผู้อาวุโส คุณหนูพูดไม่ผิด ท่านควรหนีไปเสียโดยเร็วไม่งั้นจะสายเกินแก้” หลัวถงก็ยืนกรานที่จะให้เฉินซีจากไปเช่นกัน
เฉินซียกยิ้มที่มุมปาก แต่ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ
ในขณะนั้นผู้ดูแลได้นำอำพันทะเลมาส่งให้ อำพันทะเลที่ว่านี้มีลักษณะกระจ่างใสดั่งไข่มุกและเป็นอำพันผลึกใสแจ๋ว เนื่องจากขัดเกลาด้วยปทุมโลหิตหยกนิล ชิ้นส่วนพฤกษาจิตบำรุงวิญญาณ และสมุนไพรอีกไม่กี่ชนิด ทว่าผลของมันน่าตกใจนัก เนื่องจากสามารถคืนความทรงจำและฟื้นฟูจิตวิญญาณได้ อำพันทะเลหนึ่งหยดสามารถซื้อขายในตลาดด้วยโอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งหมื่นเม็ด แต่ด้วยความที่เป็นของที่มีมูลค่าจึงไม่มีในคลังสินค้าและส่วนใหญ่หาซื้อไม่ได้ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...