บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 292

บทที่ 292 กรรมตามสนอง

บทที่ 292 กรรมตามสนอง

หนิงอี้ หลัวกุ้ย และซิวซานเหนียงมีประสบการณ์การลอบสังหารมากมาย ดังนั้นเมื่อพวกเขาโจมตีเต็มกำลัง ไม่เพียงแต่มันจะมีพลังทำลายล้างที่น่าตกใจ แต่ยังทำได้ดั่งใจหมาย สกัดการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้อย่างเงียบเชียบ การควบคุมพลังของพวกเขาบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว

ในชั่วพริบตา ห้องที่เฉินซีพักอยู่ก็พังยับเยิน มันเต็มไปด้วยรอยร้าวนับไม่ถ้วน ไร้สิ่งใดสมบูรณ์เหลืออยู่ จริง ๆ แล้วหากทั้งสามคนไม่อาจคุมพลังตนได้ แค่แรงระเบิดก็มากพอจะทำลายโรงเตี๊ยมทั้งหลังได้แล้ว

“โอ้ ให้ข้าดูหน่อยซิว่าเหยื่อตัวน้อยของเราตายสนิทหรือยัง นายน้อยใหญ่สั่งให้เรานำศพเขากลับไปด้วยถึงเขาจะตายแล้วก็เถอะ” หลัวกุ้ยผู้มีแผลเป็นมองไปยังห้องที่เงียบสนิท จากนั้นก็เดินเข้าไปพร้อมถูมือไปด้วย

“เจ้าวิปริตบัดซบนั่นกระทั่งศพก็ยังสนใจนัก” ซิวซานเหนียงสบถด้วยความขยะแขยงแล้วเข้าไปในห้องกับหนิงอี้

‘หืม? มีบางอย่างผิดปกติ ทำไมข้าหาศพเขาไม่เจอ ไม่มีแม้แต่รอยเลือดด้วยซ้ำ… หรือไอ้หนูนั่นถูกแรงโจมตีเราซัดจนร่างระเหยไปแล้ว?’ หลัวกุ้ยค้นทุกซอกทุกมุมห้อง แต่ก็ไม่พบร่องรอยเศษชิ้นเนื้อและศพไร้แขนขาอย่างที่คาดหวัง จึงรู้สึกงุนงงนัก

“ระเหยหรือ? ถึงจะระเหยไป แต่คลังสมบัติมิติก็ยังอยู่ใช่ไหมเล่า?” ซิวซานเหนียงหัวเราะเยาะ

“ขอให้ทุกคนค้นหาให้ดี กระทั่งผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติก็อาจบาดเจ็บได้หากจู่ ๆ ถูกเราโจมตีเต็มแรงเข้าไปเช่นนี้อย่างไม่รู้ตัว หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เจ้าเด็กนั่นไม่รอดแน่” หนิงอี้พูดเสียงขรึม

ทันทีที่พวกเขาทั้งสามคนเคลื่อนไหว แสงหนึ่งก็พลันเปล่งออกมาในอากาศ ส่วนเสียงก็เบาจนฟังไม่ออก คล้ายกับเสียงใบมีดคมกริบเฉือนผ่านกระดาษแผ่นบาง

ทว่าสีหน้าของพวกเขากลับทะมึนลงพร้อมกัน

“ระวัง!” ดวงตาของหนิงอี้พลันหรี่ลงเล็กจนเหมือนเข็มสองเล่ม เขาเห็นแสงกระบี่ที่จางจนแทบมองไม่ออกพลันปรากฏห่างจากลำคอของหลัวกุ้ยไม่เท่าไร ราวกับมันหายตัวมาแล้วซัดเข้าหาอย่างดุดันอย่างไรก็อย่างนั้น

ฉัวะ!

รวดเร็วเหนือใคร!

เมื่อถูกโจมตีฉับพลัน หลัวกุ้ยไม่อาจตอบสนองทัน ลำคอจึงถูกกระบี่กรีดไปทันใด

ในเวลาเดียวกัน กระบองหนามสีดำขนาดมหึมาที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งแหลมคมเย็นยะเยือกก็พุ่งผ่านอากาศและซัดเข้าใส่ซิวซานเหนียง มันเร็วมากจนเกิดภาพซ้อนทับ รุนแรงดั่งทุ่มขุนเขาลงมา แต่กลับรวดเร็วนัก มันซัดเข้ามาอย่างดุดันเกินทน ถึงขั้นอากาศแยกดินแดนถล่ม

ซิวซานเหนียงที่สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติมานานแล้วจึงเผยทักษะนักฆ่าออกมาเต็มที่ นางยกสมบัติวิเศษที่มีรูปร่างคล้ายกระจกที่มีคุณสมบัติในการป้องกันที่คละเคล้าไอสีแดงขึ้นมาเบื้องหน้าอย่างไม่ยั้งคิด

ผัวะ!

เสียงปะทะหนักหน่วงดังขึ้น ร่างเล็กของซิวซานเหนียงราวกับถูกภูเขากระแทกอย่างแรง ทำเอานางซวนเซยืนไม่มั่นคง แต่นางก็ไม่ได้อ่อนแอ ทั้งยังมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์สูงมาก นางกลิ้งไปข้างหลังพร้อมแรงกระแทก เกือบหลบแรงกระแทกน่าผวาที่ซัดเข้าหาร่างไม่ได้

“หลัวกุ้ย ซิวซานเหนียง พวกเจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” หนิงอี้ระแวดระวังรอบกาย ขณะปล่อยกลิ่นอายพลังน่ากลัวออกมา ทว่าในใจรู้สึกตกใจยิ่ง แสงกระบี่และกระบองหนามจู่ ๆ ก็ซัดเข้ามา และพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อถูกเป้าหมาย!

การโจมตีที่จู่ ๆ ก็มาและหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้จะไม่ทำให้หวาดกลัวในหัวใจได้อย่างไรกัน?

หนิงอี้พลันใจหล่นวูบ

“ข้าสบายดี” สีหน้าของซิวซานเหนียงดูประหลาดใจและงุนงงเมื่อมองรอบกาย เหมือนนกตกใจเสียงธนู ภายใต้การถูกศัตรูโจมตีเช่นนี้ วิชาคลื่นจิตสะท้อนที่นางภูมิใจนักหนาได้สูญเสียผลอันน่าอัศจรรย์ไปครั้งแรก ไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง

“จะเกิดอะไรขึ้นกับข้าได้อย่างไร? จะสังหารข้าไม่ง่ายนักหรอก แปลงศพ!” จังหวะนั้นเอง หลัวกุ้ยที่ถูกใบมีดบั่นคอก็พลันเปล่งเสียงดุร้ายเกรี้ยวกราดออกมา

ตู้ม!

ทันใดนั้น ร่างกายของหลัวกุ้ยพลันระเบิดออกเป็นสามส่วน ส่วนตรงกลางลำคอที่ถูกบั่นนั้นได้ตายไปนานแล้ว ส่วนอีกสองส่วนที่เหลือไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ทว่ากลับเกิดแสงสีเลือดสว่างจ้าขึ้น และเชื่อมพวกมันกลับมาเป็นร่างกายเดิมอีกครั้ง

หนิงอี้กับซิวซานเหนียงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร หลัวกุ้ยเป็นผู้บ่มเพาะกายาขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้น ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่ง มีพลังชีวิตสูงดั่งหินหลอมเหลวเดือด อีกทั้งเขายังมีวิชาแปลงศพซึ่งเป็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่เขาฝึกฝนด้วย

ตราบเท่าที่ศีรษะและหัวใจไม่ถูกบดขยี้จนแหลก เขาก็จะฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

แท้จริงแล้ว หากซิวซานเหนียงถือเป็นฝ่ายสอดแนมในหมู่คนทั้งสาม เช่นนั้นหลัวกุ้ยก็เหมือนโล่มนุษย์ที่ทำหน้าที่คู่กับหนิงอี้ซึ่งมีความคล่องตัวและพลังโจมตีสูง เมื่ออยู่ในการต่อสู้ ทั้งสามก็ยืนตำแหน่งเป็นสามเหลี่ยม สนับสนุนกันและกัน ทำให้สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่

ตู้ม!

ทว่าจังหวะที่ร่างกายของหลัวกุ้ยเพิ่งจะฟื้นตัว แสงกระบี่ดุดันที่แทบมองไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นข้างศีรษะของหลัวกุ้ยอีกครั้ง แสงนั้นเต็มไปด้วยความเฉียบคม ทั้งยังเคล้าไปด้วยสายฟ้าที่กลั่นตัวอยู่ภายในยามมันซัดเข้ามา ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ศีรษะของหลัวกุ้ยพลันถูกสับเป็นชิ้น ๆ ทันใด

หมอกโลหิตยังหมายจะควบแน่นเข้าด้วยกัน แต่ก็ถูกสายฟ้าในพลังนั่นทำลายจนมันจางหายไป ในชั่วพริบตา หลัวกุ้ยก็กลายเป็นศพหัวขาด

การโจมตีครั้งนี้ทำลายพลังชีวิตของหลัวกุ้ยไปหมดสิ้น ไม่ว่าการบ่มเพาะกายาและพลังอิทธิฤทธิ์ของเขาจะกล้าแกร่งเพียงใด หากศีรษะถูกทำลายจนหายไปเช่นนี้ อย่างไรก็ไม่อาจรอดชีวิต

“หลัวกุ้ย!” หนิงอี้ร้องออกมาด้วยความตกใจ พลันเห็นแสงกระบี่ที่ซัดเข้ามาจากจุดที่หลัวกุ้ยสิ้นใจ

ชิ้ง!

เขาฟันดาบพิภพมารในมือออกไปอย่างไม่ลังเล แสงดาบสีดำสนิทซัดออกไปราวกับจันทร์ทมิฬ ฉีกอากาศและรุดหน้าออกไปด้วยความเร็วแสง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]