บทที่ 302 เมืองพันทะเลสาบ
บทที่ 302 เมืองพันทะเลสาบ
“มังกรเขาทมิฬทั้งเก้าตัวนี้เป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์บรรพกาล ความแข็งแกร่งของมังกรเพียงตัวเดียวก็สามารถเทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ในตอนนี้ มังกรทั้งเก้าตัวกำลังลากรถให้ใครสักคนอยู่!”
“มีเพียงบุคคลเช่นนายน้อยสี่ของตระกูลโจวเท่านั้นที่มีรถม้าสมบัติเช่นนี้ เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งของตระกูลโจวแห่งนครหลวงธารสายไหม ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์แบบ!”
“ใช่แล้ว ข้าเคยได้ยินมาว่า เมื่อตอนที่นายน้อยโจวเพิ่งเกิด เขามีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาและมีสติปัญญาที่น่าทึ่งจนถึงขั้นที่ผู้นำตระกูลแห่งตระกูลโจวต้องการมอบนามที่ดีเลิศแก่เขา แต่เขากลับปฏิเสธ และได้สาบานว่าจะไม่ใช่นามนี้ จนกว่าเขาจะกลายเป็นเซียน!”
“โอ้ จริงหรือ! ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ทุกคนต่างก็เรียกเขาว่านายน้อยสี่ของตระกูลโจว ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุนี้”
รถม้าสมบัติเก้ามังกรพุ่งผ่านก้อนเมฆ และทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงตลอดทางที่มันผ่านไป จนกระทั่งรถม้าสมบัติเก้ามังกรได้หายไปจากสายตา จึงมีผู้กล้าที่จะพูดคุยด้วยเสียงที่เบาแผ่ว
“ในปัจจุบัน นายน้อยโจวเป็นบุคคลสำคัญในนครหลวงธารสายไหม ว่ากันว่า แม้แต่จักรพรรดิซ่งองค์ปัจจุบันก็ยังชื่นชมพรสวรรค์ของเขา ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าบุคคลเช่นนี้บ่มเพาะมาอย่างไร” ดวงตาของ เว่ยเฟิงแสดงออกถึงความอิจฉา
“ใช่แล้ว ความแข็งแกร่งของนายน้อยโจวเป็นสิ่งที่ลึกลับยิ่งใหญ่และอาจถือได้ว่าไม่สามารถหยั่งรู้ได้” จงเหลียวกล่าวด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง
เมื่อเฉินซีได้ยินทั้งหมดนี้ เขาก็ลอบกล่าวด้วยความชื่นชม ‘ก่อนออกมายังที่แห่งนี้ ข้าไม่รู้เรื่องเหล่านี้จริง ๆ แต่เมื่อข้าได้รู้แล้ว มันทำให้ข้าตกตะลึงยิ่งนัก มีผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาถึงจำนวนของอัจฉริยะและผู้ทรงอำนาจที่สามารถเย้ยหยันโลกใบนี้ได้’
ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงจะไม่เคยได้ยินชื่อของนายน้อยคนที่สี่ของตระกูลโจว หวงฝู่ฉางเทียน จ้าวชิงเหอ และคนอื่น ๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีชื่อเสียง แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่นั้นเล็กเกินไป ทำให้ความรู้ความเข้าใจของเขาตื้นเขิน และเขาไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่
ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกับความรู้สึกของกบที่อยู่ก้นบ่อ มันไม่มีทางรู้ว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใดเว้นแต่จะได้ออกมาเห็นโลกกว้าง
“ไปกันเถอะ เราอยู่ไม่ไกลจากเมืองนภาครามแล้ว” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมย เขาไม่ใช่คนที่จะดูถูกตัวเองและไม่ยอมให้สภาพจิตใจของเขาต้องถูกรบกวนเพียงเพราะเรื่องบางอย่าง
…
เมืองนภาครามตั้งอยู่ที่ด้านหลังเทือกเขากลืนหมอก ดินแดนนี้อุดมสมบูรณ์ มีสายแร่ใต้ดินที่ใหญ่โต ครอบคลุมพื้นที่หลายหมื่นลี้ ภายในเมืองมีทะเลสาบต่าง ๆ นับพันแห่งกระจายอยู่ทั่วเมือง ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่าเมืองพันทะเลสาบ
ทำเลที่ตั้งของเมืองนภาครามค่อนข้างสะดวก เพราะมีพรมแดนติดกับดินแดนทางใต้และทะเลตะวันออกที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้มีพ่อค้าเดินทางไปมาอย่างมหาศาลราวกับฝูงปลาคาร์ปที่เคลื่อนผ่านลำธาร การค้าขายของเมืองแห่งนี้จึงเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ดังนั้นมันจึงเป็นเมืองการค้าที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีในที่ราบตอนกลาง
เมื่อเฉินซีติดตามเว่ยเฟิงและจงเหลียวมาถึงเมืองนภาคราม เขาก็ได้เห็นทะเลสาบที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่นับไม่ถ้วน ทะเลสาบขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่เกือบหมื่นลี้ และที่เล็กกว่านั้นกินพื้นที่ไม่กี่ร้อยลี้ ทำให้ทั้งเมืองถูกล้อมรอบด้วยมวลหมอกที่ขุ่นมัวและมองเห็นได้ราง ๆ ราวกับแดนสวรรค์
ความรู้สึกแรกที่เฉินซีก้าวเข้ามาในเมืองนี้คือเงียบสงบและสวยงาม ราวกับมันถูกปกคลุมด้วยสายฝนที่โปรยปราย เมืองทั้งเมืองมีภูมิทัศน์ที่งดงามราวกับภาพวาด มีลำธารไหลเชี่ยวกราก มันดูสวยงามและดูแปลกตา ทำให้ในใจของเขามีความรู้สึกสงบสุขผุดขึ้นมาทันที ในขณะที่เขาเดินเข้าไปเมือง
ถนนที่นี่คดเคี้ยวและถูกปูด้วยแผ่นหินปูนที่ให้ความรู้สึกเก่าแก่ แต่ก็ค่อนข้างกว้างขวาง และในขณะที่ผู้คนมากมายเคลื่อนตัวผ่านท้องถนน ก็ไม่รู้สึกว่าแออัดเลยแม้แต่น้อย
เงียบสงบ งดงาม และเจริญรุ่งเรือง นี่คือสิ่งที่เฉินซีรู้สึกในขณะนี้
ตั้งแต่พวกเขามาถึงที่นี่ เฉินซีก็ไม่ทำให้เว่ยเฟิงกับจงเหลียว ลำบากอีกต่อไป เขาปล่อยทั้งสองคนไป ในขณะที่เขาพามู่ขุยไปดูรอบ ๆ เมืองแทน
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ผู้บ่มเพาะมากมายยืนอยู่บนเส้นแสงและบินไปบนท้องฟ้าที่มีหมอกปกคลุม ในขณะที่เสื้อผ้าของพวกเขาปลิวไสวไปตามสายลม ทำให้พวกเขาดูเหมือนเซียนผู้สูงส่ง ส่วนบนพื้นดินก็คับคั่งไปด้วยผู้บ่มเพาะจากทั่วทุกหนแห่งที่เดินไปมาอย่างสบาย ๆ และไม่เร่งรีบ ไม่ว่าจะเลือกสมบัติจากแผงลอยหรือเข้าไปในร้านเพื่อซื้อสมบัติ
‘ตามที่คาดไว้ เมืองการค้าที่มีชื่อเสียงในที่ราบตอนกลางซึ่งรวบรวมกลุ่มพ่อค้าจากทุกที่ในแผ่นดินซ่งทั้งหมดไว้ สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสวรรค์แห่งการเลือกซื้อสมบัติของเหล่าผู้บ่มเพาะ’ ในขณะที่เขาเดินไปตามท้องถนนและมองไปยังผู้บ่มเพาะที่เคลื่อนตัวไปมา เฉินซีก็ถอนหายใจ
“ไปกันเถอะ! การชุมนุมธารทองจะเริ่มขึ้นที่ทะเลสาบสังเวียนหยกที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในวันพรุ่งนี้ ในเวลานั้นคงจะแออัดไปด้วยผู้คนอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเราควรไปจับจองสถานที่กันก่อน”
“จำเป็นด้วยหรือ? ทะเลสาบสังเวียนหยกครอบคลุมพื้นที่นับพันลี้ ในทะเลสาบมีสังเวียนต่อสู้สิบแปดแห่งและมันเพียงพอที่จะรองรับผู้ชมนับหมื่นคน ด้วยเหตุนี้ เจ้าจะรีบอะไรขนาดนั้น?”
“เจ้าโง่! หากเราครอบครองตำแหน่งรับชมที่ดีได้ เราจะสามารถสังเกตการต่อสู้บนสังเวียนได้อย่างชัดเจน เจ้าควรรู้ว่าผู้บ่มเพาะที่เข้าร่วมการชุมนุมธารทองในครั้งนี้ ล้วนมีฐานการบ่มเพาะที่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง หากเราสามารถเข้าใจบางสิ่งจากการต่อสู้ของพวกเขาได้ มันจะส่งผลดียิ่งกว่าการบ่มเพาะอย่างสันโดษเป็นเวลานับหลายปี”
ในระหว่างทาง หูของเฉินซีก็ได้ยินการสนทนาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมธารทองอย่างมากมายและเป็นเรื่องที่ธรรมดาเข้าใจได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว การชุมนุมธารทองจะถูกจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวในทุก ๆ หนึ่งร้อยปีเท่านั้น และมันได้ดึงดูดผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางรุ่นเยาว์ของที่ราบตอนกลาง แดนเถื่อนทางตอนเหนือ ทะเลตะวันออกและดินแดนทางใต้ ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่งานยิ่งใหญ่จะคึกคักขนาดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...