บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 309

บทที่ 309 ชัยชนะสี่สิบครั้งติดต่อกัน

บทที่ 309 ชัยชนะสี่สิบครั้งติดต่อกัน

ณ ขณะนั้น เกาเตี้ยนอวี่คิดว่าตนเองได้ตายไปแล้ว

ฟิ้ว!

‘กระบี่ของเขานั้นรวดเร็วเกินไป เส้นผมบนหน้าผากของข้ากลับถูกฟันขาดด้วยปราณกระบี่ของเขา แต่ข้ากลับไม่รู้สึกถึงมันเลยสักนิด หากนี่เป็นการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจริง ๆ ข้าจะไม่ตายไปตั้งนานแล้วหรือ?’

เกาเตี้ยนอวี่จ้องมองไปยังเฉินซีซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม และสีหน้าของเขาก็ซีดลงอย่างมาก หลังจากที่เขาต่อสู้กับเฉินซีแล้ว ชายหนุ่มก็ตระหนักว่าความแตกต่างระหว่างพวกเขานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด และการป้องกันที่เขาภาคภูมิใจนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับเฉินซีผู้มีความเร็วอย่างยิ่งยวด ก็เป็นเพียงการละเล่นของเด็กน้อยเท่านั้น!

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และผสานกำปั้นของเขาพร้อมกับกล่าวว่า “ฝีมือของพี่เฉินนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่งและข้ายอมรับความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง แต่ข้ายังมีคำถามอยู่ในใจ จึงขอเรียนถามพี่เฉินว่า กระบวนท่าเมื่อครู่นี้ พี่เฉินใช้พลังไปกี่ส่วน?”

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและลังเลเล็กน้อยว่าจะตอบเขาอย่างไรดี เพราะเขารู้สึกว่าเกาเตี้ยนอวี่อาจจะไม่เชื่อในคำพูดของเขา แต่ถ้าหากเขาเชื่อในคำพูด บางที เกาเตี้ยนอวี่อาจจะคิดว่าเฉินซีกำลังเย้ยหยันเขาหลังจากที่ได้รับชัยชนะ

“พี่เฉิน มิต้องลำบากท่านแล้ว ข้าเข้าใจทุกสิ่งแล้ว” เกาเตี้ยนอวี่ หัวเราะอย่างขมขื่น เขาไม่ใช่คนโง่เขลา ดังนั้นเขาจะมองไม่เห็นความลำบากใจของเฉินซี ได้อย่างไร หลังจากที่เขากล่าวจบ เขาก็กระโดดออกจากสังเวียนประลองและหายไปในฝูงชนในพริบตา

“เกิดเหตุใดขึ้น? เหตุใดเกาเตี้ยนอวี่ถึงยอมรับความพ่ายแพ้” ผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ สังเวียนซึ่งได้เห็นการต่อสู้ในครั้งนี้ ต่างก็รู้สึกงุนงงสับสน และพวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

มีเพียงบางคนที่มีสายตาเฉียบแหลมเท่านั้น จึงจะมองเห็นได้อย่างราง ๆ ว่า ตอนที่เกาเตี้ยนอวี่โจมตีก่อนหน้านี้ เฉินซีได้ตัดผมที่หน้าหน้าผากของเกาเตี้ยนอวี่ออกไป ทำให้ผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้รับการตัดสินแล้ว หากเกาเตี้ยนอวี่ยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เขาก็คงน่าละอายเกินไป

จากหานคุนเมื่อครู่จนถึงเกาเตี้ยนอวี่ในตอนนี้ ทั้งคู่ต่างก็พ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังพ่ายแพ้ให้กับความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ของเฉินซี และสิ่งนี้ก็ดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้บ่มเพาะที่อยู่ในพื้นที่รับชมอย่างรวดเร็ว

“สังเวียนประลองหมายเลขหนึ่งถูกยึดครองโดยจี้เยว่จากนิกายเหนือเศียร สังเวียนประลองหมายเลขสองถูกครอบครองโดยฮวาโม่เป่ยแห่งเกาะบ่อหยกสวรรค์ และในขณะนี้ สังเวียนประลองหมายเลขสามก็ถูกยึดโดยเฉินซี ข้าอยากรู้นักว่าเขาจะสามารถได้รับชัยชนะติดต่อกันกี่ครั้ง?”

“ข้าไม่อาจบอกได้ในตอนนี้ แต่ทักษะการเคลื่อนไหวของเขานั้นน่าเกรงขามอย่างแน่นอน และมันประกอบด้วยมหาเต๋าถึงสองประเภท ความเร็วของเต๋ารู้แจ้งแห่งสายลมนั้นไม่มีสิ่งใดเทียบได้และแผ่ซ่านไปทั่ว ส่วนเต๋ารู้แจ้งแห่งนภานั้นเป็นภาพลวงตาและเข้าใจได้ยาก มหาเต๋าทั้งสองนี้ยังผสมผสานกันได้อย่างไร้ที่ติ ถ้าใครไม่มีการบ่มเพาะที่ทรงพลังเพียงพอ มันก็ยากที่จะตอบโต้ทักษะการเคลื่อนไหวของเขาได้”

“ซึ่งนี่เป็นเพียงทักษะการเคลื่อนไหวของเขาเท่านั้น และเคล็ดวิชากระบี่ของเขายังไม่เผยออกมาจนถึงตอนนี้ นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้เผยร่องรอยใด ๆ ออกมาเลยสักนิด ข้าอยากรู้นัก ว่าผู้ใดจะสามารถบีบให้เขาใช้เคล็ดวิชากระบี่ได้”

ในระหว่างการถกเถียงของผู้คน เฉินซีได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า และพวกเขาทั้งหมดก็พ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว ฉากนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ และทุกคนต่างก็คาดเดา ว่าใครจะสามารถทำลายสถานการณ์ที่เฉินซีเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในกระบวนท่าเดียว

ผ่านไปเพียงไม่นาน เฉินซีก็ได้รับชัยชนะเก้าครั้งติดต่อกัน และหากเขาชนะการต่อสู้อีกครั้ง เขาจะได้รับรางวัลสำหรับชัยชนะสิบครั้งติดต่อกัน ซึ่งคือโอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนเม็ด

ในขณะเดียวกัน แม้แต่ชุยซาน ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติที่เป็นผู้ดูแลในการต่อสู้บนสังเวียนประลองหมายเลขสาม ก็ยังต้องขจัดความดูถูกที่มีต่อเฉินซีในใจของเขาออกไป หลังจากได้เห็นการต่อสู้เก้าครั้งติดต่อกันของเฉินซี นอกจากการแสดงสีหน้าตกใจแล้ว ใบหน้าของเขายังมีร่องรอยของความจริงจังอยู่เล็กน้อย

ในระหว่างการต่อสู้ทั้งเก้าครั้ง ผู้บ่มเพาะทุกคนที่ขึ้นสังเวียนเพื่อท้าประลองกับเฉินซีนั้น แข็งแกร่งยิ่งกว่าครั้งก่อน ๆ นอกจากนี้ พวกเขาก็มีความสามารถที่หลากหลายและทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาล้วนพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว และมันก็เหมือนกับคำสาปที่ไม่มีใครสามารถทำลายได้

ปรากฏการณ์เช่นนี้กระตุ้นความสนใจเป็นอย่างมาก

ความแข็งแกร่งแบบใดที่ทำให้เฉินซีทรงพลังขนาดนี้ได้? ในแง่ของการบ่มเพาะ เขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้น และเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ การบ่มเพาะของเขาก็ด้อยมากกว่าหนึ่งขั้น ในแง่ของทักษะ ทักษะการเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด และป้องกันได้ยาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะโต้กลับไม่ได้เสียทีเดียว อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยกระบวนท่าเดียว เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?

ในฐานะผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติที่มีประสบการณ์การต่อสู้มาอย่างโชกโชน ชุยซานจจึงรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ใช่แค่การบ่มเพาะเท่านั้นที่จะตัดสินผลลัพธ์ของการต่อสู้ และยังมีระดับของการบ่มเพาะในเต๋าแห่งการต่อสู้ ความแข็งแกร่งของสมบัติวิเศษ คุณภาพของเคล็ดวิชาการต่อสู้ คุณภาพของกลยุทธ์การต่อสู้ ความสามารถที่แท้จริงในการต่อสู้ และอื่น ๆ อีกมากมาย

แม้ว่าวิธีการอาจแตกต่างกันไป แต่หลักการก็เหมือนกัน ทั้งหมดนี้สามารถสรุปได้ด้วยคำว่าความแข็งแกร่ง และการกำหนดความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะก็สามารถตัดสินได้จากแง่มุมเหล่านี้

แต่จนกระทั่งตอนนี้และหลังจากประสบกับการต่อสู้ทั้งเก้าครั้ง ชุยซานก็ยังไม่สามารถแยกแยะความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเฉินซีได้ และนี่ก็ได้บ่งบอกถึงปัญหา เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงอย่างเต็มที่!

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ชุยซานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ เขามีความรู้สึกที่รุนแรงว่า ความเร็วที่เฉินซีเผยออกมาในตอนนี้อาจไม่ใช่ระดับความเร็วที่แท้จริงของเขา

‘น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!’

“ชายหนุ่มที่ทำตัวต่ำต้อยเช่นนี้ไปปรากฏตัวในดินแดนทางใต้ตั้งแต่เมื่อใด และบางที การชุมนุมธารทองครั้งนี้ เขาจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์คนแรกของดินแดนทางใต้ ที่ได้รับชัยชนะหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ก็ได้?”

ด้วยความคืบหน้าของการชุมนุมธารทอง บรรยากาศในบริเวณทั้งหมดก็ร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงให้กำลังใจที่ดังกึกก้องเหมือนฟ้าร้องก็ดังอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บรรยากาศดูเหมือนจะถูกย้อมด้วยเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ

พื้นที่ด้านนอกของการชุมนุมธารทองต่างก็คึกคักเช่นเดียวกัน พ่อค้าแม่ค้าภายในเมืองเริ่มวางเดิมพันอยู่เคียงข้างกัน และพวกเขาล้อมรอบบริเวณนั้นอย่างแน่นหนา ราวกับบ่อนขนาดเล็กมากมายที่ดึงดูดนักพนันจำนวนนับไม่ถ้วนให้มาอยู่ที่นี่

“ห้าหมื่น! ข้าพนันได้เลยว่าจี้เยว่จะได้รับชัยชนะห้าสิบครั้งติดต่อกัน!”

“โอ้ สวรรค์ ฮวาโม่เป่ย เจ้าต้องได้รับชัยชนะสี่สิบครั้งติดต่อกัน! มิฉะนั้นข้าจะสูญทรัพย์สมบัติทั้งหมด!”

“อะไรนะ? ข้าพนันได้เลยว่านายน้อยโจวจะได้ชัยชนะหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกัน? มารดามัน! ข้าจะวางเดิมพันนั้น!”

เสียงของการเดิมพันสามารถได้ยินจากพื้นที่เดิมพันทั้งหมด และพร้อมกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนักพนันเหล่านี้กลายเป็นสีแดง และบางคนถึงกับเอาทรัพย์สินทั้งหมดไปวางเดิมพันอย่างเด็ดเดี่ยว

มู่ขุยรีบมาอย่างตื่นเต้นเช่นกัน โอสถกลั่นแรกเริ่มแปดหมื่นเม็ดที่เขาวางเดิมพันกับนายท่านของเขา เฉินซีมีอัตราส่วนหนึ่งต่อสอง ตราบเท่าที่เฉินซีได้รับชัยชนะติดต่อกันสิบครั้ง นอกจากทุนของเขาแล้ว เขาจะได้รับโอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนหกหมื่นเม็ด

ในขณะนี้ เฉินซีได้รับชัยชนะติดต่อกันถึงเก้าครั้ง ดังนั้นมู่ขุยจึงมาทีนี่เพื่อมากอบโกยรายได้ของเขา

“เอ๊ะ เหตุใดพวกเจ้าสองคนถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ” เมื่อมู่ขุยมาถึงหน้าพื้นที่เดิมพัน เขาก็เห็นจงเหลียวและเว่ยเฟิงที่อยู่ด้านข้าง และเขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย เท่าที่เขาทราบมา ในพื้นที่การเดิมพันใกล้เคียง เมื่อเทียบกับนายน้อยโจว อันเชี่ยนอวี้ หวังเต้าซวี่ ตระกูลซู และผู้สมัครตัวเต็งคนอื่น ๆ ได้มีการเปิดวางเดิมพันฝั่งนายท่านของเขาน้อยมาก และพื้นที่เดิมพันที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นพื้นที่ที่เขาพบด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง

“เรา… เราวางเดิมพันว่าผู้อาวุโสเฉินซีจะชนะเช่นกัน” ท่าทางของเว่ยเฟิงและจงเหลียวรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมู่ขุยปรากฏตัว

“โอ้ เจ้าทั้งคู่วางเดิมพันกันเท่าไรน่ะ?” มู่ขุยถามด้วยความสนใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]