บทที่ 315 สละสิทธิ์ในการท้าทาย
บทที่ 315 สละสิทธิ์ในการท้าทาย
สิ่งที่เรียกว่าสี่ขอบเขตและสิบสองระดับของเต๋ารู้แจ้ง คือการแบ่ง เต๋ารู้แจ้งที่ผู้บ่มเพาะหยั่งถึงออกเป็นสิบสองระดับและสี่ขอบเขต สามระดับแรกคือขอบเขตแรกรู้ การบรรลุระดับที่หกคือขอบเขตขั้นต้น การบรรลุระดับที่เก้าคือขอบเขตขั้นสูง และการบรรลุระดับที่สิบสองคือขอบเขตขั้นสมบูรณ์
เมื่อเต๋ารู้แจ้งที่ควบคุมโดยผู้บ่มเพาะบรรลุถึงขอบเขตเริ่มต้น ปรากฏการณ์ของเต๋ารู้แจ้งที่ก่อรูปจะปรากฏขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อบรรลุสถานะนี้ ผู้บ่มเพาะจะสามารถควบแน่นเขตแดนเต๋าได้
แต่การทำให้เต๋ารู้แจ้งก่อรูปจนเป็นวัตถุขึ้นมานั้น จะเกิดขึ้นจากการบ่มเพาะมหาเต๋าเท่านั้น ซึ่งเต๋ารองไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
ในบรรดาผู้บ่มเพาะที่นั่งอยู่รอบ ๆ สังเวียนของการชุมนุมธารทอง พวกเขาล้วนมีฐานการบ่มเพาะแกนทองคำหยินหยาง ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต้องการหยั่งถึงเต๋ารู้แจ้งไม่มากก็น้อย ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ระดับของเต๋ารู้แจ้งเป็นอย่างดี ราวกับหลังมือของตัวเอง
เดิมที เมื่อพวกเขาเห็นฮวาโม่เป่ยฟันกระบี่ออกไปและสร้างสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กระทิงขุยจากเต๋ารู้แจ้ง พวกเขาก็ตกตะลึงมากพออยู่แล้ว แต่ในขณะนี้ เมื่อพวกเขาเห็นกระทิงเพลิงนรกและกิเลนวารีปรากฏขึ้นพร้อมกันจากการโจมตีของเฉินซี พวกเขาไม่อาจระงับความตกตะลึงได้อีกต่อไป และบรรยากาศโดยรอบก็เข้าสู่ความโกลาหลในทันที
“สวรรค์! ข้าดูไม่ผิดใช่ไหม เต๋ารู้แจ้งแห่งวารีและเต๋ารู้แจ้งแห่งอัคคีของเขาได้บรรลุถึงขอบเขตขั้นต้น และก่อรูปกลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา นี่มันมหาเต๋าทั้งสอง! เฉินซีคนนี้ทำสำเร็จได้อย่างไร”
“ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก! ไม่แปลกใจเลย ที่เขาสามารถเอาชนะจี้เยว่ได้ด้วยฐานการบ่มเพาะที่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้น เพียงแค่ความเข้าใจเต๋ารู้แจ้งขั้นสูงก็เหนือล้ำยิ่งกว่าคนอื่นโดยสิ้นเชิง!”
“น่าสะพรึงกลัว! เขาเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง! ในที่สุด อัจฉริยะเช่นนี้ก็ปรากฏขึ้นในโลกแห่งการบ่มเพาะของดินแดนทางใต้ พรสวรรค์และความแข็งแกร่งโดยธรรมชาติของเขานั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก จนแทบไม่ได้ด้อยไปกว่าอัจฉริยะบางคนในโลกแห่งการบ่มเพาะของที่ราบตอนกลางของเราเลยสักนิด!”
ในสายตาของทุกคน ภาพลักษณ์ของเฉินซียิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง และตัวตนของเขาสามารถทัดเทียมกับผู้บ่มเพาะชั้นยอดในรุ่นเยาว์บางคน แต่ผลของการต่อสู้ยังไม่ได้รับการตัดสินให้แน่ชัด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถแยกแยะได้ว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีนั้นทรงพลังถึงเพียงใด
“เห็นได้ชัดว่า เฉินซีได้ปกปิดความแข็งแกร่งในการโจมตีครั้งนี้ กระทิงเพลิงนรกที่พุ่งออกมาในขณะที่ท่องพายุอยู่นั้นก็เป็นมหาเต๋าเช่นกัน ส่วนกิเลนวารีที่ปรากฏขึ้นในขณะที่อาบด้วยแสงจากสายฟ้าก็คล้ายกับมหาเต๋าแห่งอัสนี หากเฉินซีโจมตีอย่างเต็มที่ในครั้งนั้น ข้าเกรงว่าจะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อีกสองตัวที่เกิดจากลมและสายฟ้าปรากฏขึ้น”
เจิ้นหลิวชิงหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับกำลังระงับความตกใจของตัวเองขณะที่กล่าวออกมาช้า ๆ ว่า “ข้าเคยพบกับเฉินซีครั้งหนึ่งในขุมสมบัติเฉียนหยวน ภายใต้การประเมินจากศิลาทดสอบเต๋าของจักรพรรดิสิ่งประดิษฐ์ในเวลานั้น เต๋ารู้แจ้งที่เขาหยั่งถึงนั้นได้เหนือกว่าตัวข้าและทุกคนโดยสิ้นเชิง และท้ายที่สุด เฉินซีก็เป็นผู้ได้อันดับหนึ่ง เนื่องจากเต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ เกือบทั้งหมดที่เขาได้หยั่งถึงนั้นคือมหาเต๋า ในขณะที่ข้าด้อยกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในเวลานั้น…ฐานการบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขอบเขตเคหาทองคำเท่านั้น”
ย่าชิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนนางจะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจิ้นหลิวชิงจะยอมรับว่าตนเองด้อยกว่าเฉินซีในแง่การหยั่งถึงเต๋ารู้แจ้ง ทำให้นางอดตกตะลึงไม่ได้ เจิ้นหลิวชิงนั้นเป็นคนที่จักรพรรดิฉู่องค์ปัจจุบันให้การยอมรับเป็นการส่วนตัวว่า สามารถเทียบกับชิงซิ่วอี้และหวงฝู่ฉิงอิง แต่เฉินซีกลับสามารถเอาชนะเจิ้นหลิวชิงในแง่ของการหยั่งถึงเต๋ารู้แจ้ง นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาอาจทรงพลังมากกว่าชิงซิ่วอี้และหวงฝู่ฉิงอิงหรือ?
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการแข่งขันของเต๋ารู้แจ้งเท่านั้น แต่ถ้าผลลัพธ์ดังกล่าวแพร่กระจายออกไป มันจะทำให้เกิดคลื่นพายุในโลกแห่งการฝึกฝนอย่างแน่นอน!
ครืนนน!
ทันทีที่กระทิงเพลิงนรกและกิเลนวารีปรากฏตัวบนสังเวียนต่อสู้หมายเลขสาม พวกมันก็แยกการโจมตีของฮวาโม่เป่ยออกจากกันทันที และมวลพลังธาตุน้ำจำนวนมหาศาลก็ถาโถมใส่สังเวียนประลองทั้งหมดจนมันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
โฮกก!
เสียงคำรามของหมีที่กำลังสั่นสะท้านสวรรค์ดังก้องออกมา เมื่อกระทิงเพลิงนรกที่ปกคลุมไปด้วยคลื่นเปลวไฟและกีบเท้าทั้งสี่ของมันกระทืบไปบนท้องฟ้า เขาสีขาวหยกที่เหมือนกับกระบี่โค้งของมันก็ปะทะกับฮวาโม่เป่ยอย่างรุนแรง จนเหวี่ยงร่างของเขากระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ทำให้ร่างกายของเขาลอยขึ้นจากสังเวียนประลองอย่างควบคุมไม่ได้
โครม!
ฮวาโม่เป่ยล้มลงกับพื้น เห็นได้ชัดว่าการโจมตีครั้งนี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าของเขาซีดอย่างน่าสยดสยอง เขากระอักเลือดสีแดงเข้มออกมาเต็มปาก จากนั้นจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาก็ถดถอยและไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกต่อไป
เขาพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว…
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้คนในพื้นที่รับชมอดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงอุทานด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าพวกเขาเป็นห่วงชีวิตของฮวาโม่เป่ย ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนไม่กล้าเชื่อว่าฮวาโม่เป่ยจะพลาดท่าอย่างรวดเร็ว
“เยี่ยมมาก! ท่านไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ พี่เฉิน ท่านได้รับความเคารพจากข้าแล้ว” ฮวาโม่เป่ยฝืนอดทนต่ออาการบาดเจ็บสาหัสเพื่อยืนขึ้น และแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ความยินดีเล็ก ๆ ได้พรั่งพรูออกมาบนใบหน้าของเขาในขณะที่เขากล่าวด้วยสายตาที่เร่าร้อนว่า “หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าได้เปิดหูเปิดตามากมาย และข้าจะเอาชนะท่านในการชุมนุมดาวรุ่งในปีหน้า พี่เฉิน ท่านไม่ควรหย่อนวินัยในการฝึกฝน มิฉะนั้น ข้าจะไล่ตามท่านทันอย่างแน่นอน!”
“ตกลง แล้วข้าจะรอเจ้า” เฉินซีพยักหน้าอย่างจริงจัง แม้ว่าฮวาโม่เป่ยจะคลั่งไคล้การต่อสู้ แต่เขาก็เป็นคนเปิดเผย กล้าหาญ และตรงไปตรงมา คู่ต่อสู้เช่นนี้สมควรได้รับความเคารพ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขามีโอกาส การเป็นสหายกับฮวาโม่เป่ยก็ไม่เลวนัก
ฮวาโม่เป่ยประสานกำปั้นของเขาจากระยะไกลและไม่กล่าวอะไรอีก ก่อนจะสะพายกระบี่ของเขาไว้บนหลังและจากไปด้วยท่าทางที่ไร้กังวล ซึ่งอันที่จริง เขาไม่ได้เต็มใจที่จะออกจากการชุมนุมธารทองทั้งที่งานยังไม่จบลงเลยแม้แต่น้อย
บางทีในใจของเขา อาจจะบรรลุเป้าหมายในครั้งนี้แล้ว
การแข่งขันนี้ทำให้ทุกคนเปิดหูเปิดตาได้อย่างแท้จริง รวมถึงผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติที่เป็นประธานในการต่อสู้
ฉากที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือตอนที่เฉินซีถูกตรึงอยู่ในเกลียวคลื่น จากนั้นเขาก็ฟันออกไปด้วยเต๋ารู้แจ้งที่ก่อรูปทั้งสองประเภทในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ฉากนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกทึ่งอย่างแท้จริง
ในโลกแห่งการบ่มเพาะทั้งหมดของราชวงศ์ซ่ง ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางที่สามารถหยั่งถึงเต๋ารู้แจ้งในระดับเริ่มต้น อาจถือว่าหาได้ยากเช่นเดียวกับขนวิหคเพลิงและเขากิเลน ชั่วขณะนั้น ทุกกระบวนท่าที่เฉินซีใช้บนสังเวียนประลองได้กลายเป็นสิ่งลี้ลับในสายตาของผู้คน และทำให้พวกเขาคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่า เหตุใดนายน้อยโจวและคนอื่น ๆ ถึงต้องการท้าประลองกับเฉินซี
เนื่องจากความแข็งแกร่งที่เฉินซีได้เผยออกมานั้น ทำให้ผู้บ่มเพาะทั้งหลายไม่สามารถยับยั้งความปรารถนาที่จะต่อสู้ในใจของพวกเขาได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เฉินซีเอาชนะฮวาโม่เป่ยแล้ว ก็ไม่มีผู้เข้าแข่งขันคนใดขึ้นมาบนสังเวียนเพื่อท้าประลองกับเขาอีกเลย
ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรอให้นายน้อยโจวและคนอื่น ๆ เคลื่อนไหว บางทีภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คงมีเพียงผู้บ่มเพาะของขอบเขตแกนทองคำหยินหยางรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงมาเนิ่นนานเช่น นายน้อยโจวและคนอื่น ๆ เท่านั้นที่จะสามารถสยบเฉินซีได้
ในเวลาไม่นาน สายตาของทุกคนก็เคลื่อนออกจากสังเวียนประลองหมายเลขสาม และจับจ้องไปที่สังเวียนประลองที่นายน้อยโจว อันเชี่ยนอวี้ หวังเต้าซวี่ และซูเฉินยืนอยู่
เฉินซีไม่ได้นิ่งเฉยและฉวยโอกาสนี้รีบกินโอสถเหลวหยกนภาหลายเม็ดเพื่อเติมเต็มแก่นแท้ของเขา นับตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่สังเวียนและต่อสู้จนถึงตอนนี้ โดยเฉพาะหลังจากต่อสู้กับจี้เยว่และฮวาโม่เป่ย แก่นแท้ภายในร่างกายของเขาได้ถูกใช้ไปแทบหมดสิ้น ซึ่งเขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ฐานการบ่มเพาะของเขาในขอบเขตแกนแท้ทองคำหยินหยางขั้นต้นนั้นอ่อนแอจนน่าสมเพชจริง ๆ และถ้าไม่ใช่เพราะเขาสำรองปราณแท้ไว้ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น เขาคงไม่สามารถยืนหยัดได้จนถึงตอนนี้
แต่นับว่าโชคดี หลังจากบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ตราบเท่าที่เขามีโอสถสนับสนุนอย่างเพียงพอ เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าปราณแท้ของเขาจะเหือดแห้ง เพราะปราณแท้ของเขาจะฟื้นตัวทันทีเมื่อเขากินโอสถเข้าไป แน่นอนว่าการต่อสู้อย่างต่อเนื่องไม่เพียงแค่ใช้ปราณแท้เท่านั้น แต่ยังใช้พลังใจและพลังวิญญาณของเขาด้วย หากทั้งจิตใจและร่างกายของเขาเหนื่อยล้า มันจะส่งผลต่อความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...