บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 339

บทที่ 339 กับดักหลายชั้น

บทที่ 339 กับดักหลายชั้น

ขวับ! ขวับ! ขวับ!

ในป่าทมิฬ คนกลุ่มหนึ่งกำลังทะยานมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว คนที่เป็นผู้นำมีบุคลิกลักษณะเหมือนกับเหยี่ยวเป็นบุรุษสวมดำทั้งชุดมีนามว่าไป๋ซิง และเป็นลูกน้องผู้เก่งกาจคนหนึ่งของพรางเวหา เชี่ยวชาญในการค้นหาและซ่อนเร้น

ทันใดนั้น จู่ ๆ ไป๋ซิงชะงักหยุดกะทันหันพลางทำท่าสูดจมูกฟุดฟิด ครู่หนึ่งเขาก็เลิกคิ้ว ดวงตาพลันเปล่งแสงวาววับก่อนจะพูดผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็ว “กลิ่นคาวโลหิต!”

มุมปากของพรางเวหาเผยรอยยิ้มเย็น ในขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณมือออกไป

มือสังหารชุดดำทั้งห้าสิบคนที่ตามมาประกบด้านหลังค่อย ๆ แปรขบวนเป็นค่ายกลอย่างเงียบเชียบ และเคลื่อนที่ไปยังทิศทางที่ไป๋ซิงชี้นำก่อนจะกระจายเป็นวงกลม

ต่อมาพรางเวหาหยุดให้สัญญาณกะทันหัน เมื่อจมูกของเขาได้กลิ่นโลหิตเช่นกัน จากนั้นเจ้าตัวก็แผ่จิตสัมผัสเทพปกคลุมบริเวณนั้น จนกระทั่งพบว่าบนพื้นดินใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้งมีโลหิตปรากฏเป็นกลิ่นอายเจือจาง

ยิ่งกว่านั้นเขายังระบุชัดลงไปได้ว่าใต้พื้นดินมีกลิ่นอายแปรปรวนทว่าเบาบางมาก จึงไม่ได้เดินหน้าค้นหาต่อไปเพื่อจะได้หลบหลีกสัญญาณเตือนภัยของเป้าหมายด้วย

จากนั้นจึงลงมือสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ร่างไร้วิญญาณของจิ้งจอกแดงและกุหลาบโดยละเอียด ด้วยเชื่อว่าเป้าหมายที่พวกตนกำลังไล่ล่ามีความเชี่ยวชาญในการวางกับดัก รวมทั้งวางแผนด้วยความชำนาญอย่างยิ่ง เพราะเหตุนี้จึงทำให้จิ้งจอกแดงและกุหลาบหลงกลและเข้ามาติดกับที่เฉินซีวางไว้นั่นเอง

การรับมือกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ใช่ว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้เสียเลย ตราบใดที่สามารถระบุตำแหน่งของคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ เขาก็จะจู่โจมเพื่อเอาชีวิตของศัตรูได้ เนื่องจากผู้ฝึกบ่มเพาะคนนี้มีทั้งทักษะการวางแผนดักจู่โจมและการวางกับดักที่แข็งแกร่งมาก ดังนั้นการต่อสู้อันดุดันจึงได้กลายเป็นจุดอ่อนของคนคนนี้ไปโดยปริยาย

ตรงข้ามกับตัวของพรางเวหาที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้กำลังที่สุด และตัวเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อบดขยี้แผนการร้ายและกลอุบายทั้งหมดให้ได้!

ใต้ผืนดินในระยะไกลมีร่องรอยให้เห็นเด่นชัดว่ามีความแปรปรวนของพลังชีวิต แม้พรางเวหาจะยังไม่แน่ใจว่าใช่เป้าหมายของเขาหรือไม่ แต่ความคิดที่จะฆ่าเป้าหมายนั้นรุนแรงมากกว่าการปล่อยให้เหยื่อลอยนวล เขาจึงตัดสินใจได้อย่างเฉียบพลันว่าจะลงมือ!

“ฆ่ามัน!”

พรางเวหาโบกมือแรง ๆ เพื่อให้สัญญาณ ทำให้บรรดาลูกน้องที่เตรียมพร้อมมาเป็นเวลานานทุ่มพลังออกปฏิบัติการโดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย พวกเขาต่างพากันเปิดฉากจู่โจมลงไปยังพื้นที่ใต้ต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้งทันที

ถึงพรางเวหาจะกังวลอยู่บ้างว่าเป้าหมายอาจดักรออยู่และวางกับดักไว้ในที่ที่ตนและพวกกำลังมุ่งหน้าไป ทว่าหากมีกำลังคนมากขนาดนี้ มันก็เป็นอันมั่นใจได้ว่าแผนการของเป้าหมายทำอะไรพวกเขาไม่ได้แน่ เมื่อต้องปะทะกับพลังบดขยี้อย่างแรงกล้าเช่นนี้!

เปรี้ยง!

เสียงพลังปะทะบนพื้นที่ห่างไปร้อยจั้งในครั้งแรกดังขึ้น เป็นลำแสงกระบี่เฉียบขาดที่ยากจะหาใดเทียมทาน แสงกระบี่น่ากลัวพุ่งทะลวงพื้นดินโดยตรง ผ่าผืนดินจนแตกออกจากกันเป็นทางยาวกว่าร้อยจั้งทันที

อย่างไรก็ตาม ภาพตรงรอยแตกที่ปรากฏให้เห็นทำให้ม่านตาของพรางเวหาหดแคบลงอย่างชัดเจน ไม่มีใครอยู่ที่นั่น จะมีก็เพียงสัตว์อสูรปีกสามหางเพียงตัวเดียว อสูรสัตว์ซึ่งพบได้ในป่าทมิฬมากที่สุด

หากเป็นสัตว์อสูรอ่อนแอแค่ตัวเดียวคงจะไม่ได้สร้างความตกตะลึงแก่คนอย่างพรางเวหามากนัก แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือข้างอสูรไก่สามหางมีแกนทองคำสีสันแวววาวติดอยู่สองชิ้น!

บัดซบ!

เสี้ยวอึดใจถัดมา พรางเวหาก็เข้าใจทันทีว่าตนตกหลุมพรางเข้าเสียแล้ว ก่อนหน้านี้เพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาณเตือนภัยของเป้าหมาย จึงไม่ทันสำรวจสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินให้ดี อีกอย่างกลิ่นอายแห่งชีวิตที่สัมผัสได้นั้นไม่ใช่ของเฉินซี แต่กลับเป็นเจ้าสัตว์ปีกขนยาวตัวนี้…

เขาต้องรีบยับยั้งลูกน้องทุกคน ทว่าดูเหมือนจะสายเสียแล้วด้วยพวกเขาถลำลึกเกินไป

ครืนนน!

มือสังหารขอบเขตแกนทองคำหยินหยางจำนวนห้าสิบคนลงมือจู่โจมพร้อมกันเต็มที่จะน่าสะพรึงกลัวสักเพียงใด?

…ไม่เพียงแต่มันได้ระเบิดร่างเจ้าไก่สามหางที่ไร้พิษสงทันที มันยังทำลายแกนทองคำทั้งสองชิ้นอีกด้วย!

แกนทองคำระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อมันแตกออกจากกัน ก่อนจะทำให้เกิดแรงระเบิดหนักหน่วงกระจายออกมา!

ชั่วพริบตาถัดมา พลังทำลายล้างที่รุนแรงอย่างไม่อาจหาใดเทียบพุ่งทะลวงขึ้นมาจากพื้นดินรอบบริเวณ ทั้งยังระเบิดตูมตามจนพื้นดินสั่นสะเทือน ภูเขาแตกละเอียด ต้นหมากรากไม้ถอนรากถอนโคน ก้อนอิฐก้อนหินที่อยู่ในรัศมีสิบลี้ถูกแรงระเบิดทลายราบเป็นหน้ากลอง พื้นดินในละแวกกว่าร้อยจั้งปรากฏหล่มหลุมมากมายกระจายทั่วไป

ฝุ่นควันฟุ้งตลบอยู่พักใหญ่ทีเดียว

พื้นที่ในบริเวณกว้างขวางไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโก ใครคนหนึ่งคลานออกมา ที่แท้คนผู้นั้นก็คือพรางเวหา ซึ่งอยู่ในสภาพที่น่าสลดหดหู่อย่างยิ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบดำและฝุ่นละออง ดวงตาสองข้างแดงก่ำเต็มไปด้วยประกายแห่งความอาฆาตและเกลียดชังอย่างไม่สิ้นสุด

“แค่ก! แค่ก!” เสียงสำลักไอดังออกมาจากบริเวณใกล้เคียงพร้อมกับร่างของมือสังหารชุดดำประมาณสิบคนค่อย ๆ คืบคลานจากแผ่นดินที่ไหม้เกรียม ดูจากสภาพของแต่ละคนออกจะน่าเวทนามากกว่าพรางเวหาด้วยซ้ำ

“ตรวจดูว่ามีใครรอดบ้าง” พรางเวหาสั่งการด้วยเสียงลอดไรฟัน เสียงที่เล็ดลอดผ่านลำคอแหบห้าวบ่งบอกความแค้นใจ อีกทั้งแฝงเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน

“พวกเราตายสิบสาม เจ็บหนักหก และยังสู้ไหวอีกสามสิบเอ็ดรายขอรับ” หลังจากนั้นไม่นานจึงได้รับรายงานจำนวนคนที่เสียชีวิต

เพียงแค่ได้ยินก็ทำให้ใจของพรางเวหาปวดร้าวไปทั้งดวง นัยน์ตาแทบถลนออกมานอกเบ้า ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเองที่เขาต้องเสียลูกน้องไปถึงสิบสามคน ในจำนวนนั้นบางคนเคยติดตามข้ามานานปี!

บัดซบ!

คนเป็นผู้บัญชาการโกรธจัดจนหน้าเขียวหน้าเหลือง โกรธจนแทบสิ้นสติ ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกเจ้าตัวกัดกรามกรอดด้วยความแค้นสุดขีด เป้าหมายมันเจ้าเล่ห์นัก สันดานชั่วไร้ยางอาย โหดเหี้ยมอำมหิตกว่าที่คิดจริง ๆ…

เขานึกเอะใจอยู่แล้วว่าแกนทองคำทั้งสองชิ้นนั่นต้องเป็นของจิ้งจอกแดงและกุหลาบอย่างแน่นอน เดิมมันเป็นของสหายของตน แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้ทำลายล้างชีวิตลูกน้องของเขาตายเสียหลายคน ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้พรางเวหาเกือบคลุ้มคลั่งด้วยความเกลียดชังที่พุ่งขึ้นในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]