บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 347

บทที่ 347 ขัดเกลายันต์ศัสตราอีกครั้ง

บทที่ 347 ขัดเกลายันต์ศัสตราอีกครั้ง

เฉินซีรู้จักการบ่มเพาะของตนเองเป็นอย่างดี แม้ว่าทั้งทักษะขัดเกลากายาและการบ่มเพาะปราณของเขาจะบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูงแล้ว แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะบรรลุไปอีกขั้นก่อนที่การชุมนุมดาวรุ่งจะเริ่มต้นขึ้น

ซึ่งมันเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อครั้งที่เขาได้เข้าสู่เมืองอีกาคลั่ง การแปรสภาพร่างกายและการบ่มเพาะปราณของเขานั้นอยู่ในขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้นเท่านั้น และตอนนี้ผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งปี ทว่าเส้นทางการบ่มเพาะทั้งสองประเภทของเขาก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถบรรลุสองขั้นได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งการบรรลุด้วยความเร็วเช่นนี้ก็น่าตกตะลึงเป็นอย่างมากแล้ว และถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปในโลกภายนอก มันก็จะทำให้ทุกคนตกใจจนอ้าปากค้างอย่างแน่นอน

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องที่เขาประสบในช่วงเวลานี้ การต่อสู้เป็นครูสอนที่ดีที่สุด และการต่อสู้อย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้เองที่ทำให้ความแข็งแกร่งของเฉินซีบรรลุถึงสภาวะในปัจจุบัน แต่ทั้งหมดนี้เขาไม่ได้มาด้วยโชค เนื่องจากนี่คือความสำเร็จที่สามารถบรรลุได้หลังจากการบ่มเพาะด้วยตนเองอย่างเต็มที่เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพัฒนาการบ่มเพาะของเขาจากขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูงไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์ เพราะเมื่อการบ่มเพาะของคนคนหนึ่งบรรลุถึงสภาวะดังกล่าว มันก็ไม่ได้พึ่งพาเพียงการบ่มเพาะอย่างขยันขันแข็งเท่านั้น แต่ยังอาศัยการสั่งสมความเข้าใจและการขัดเกลาจิตใจอีกด้วย

และแน่นอนว่าด้วยสถานะปัจจุบันของเฉินซี การบรรลุไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์นั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด แต่เพื่อที่จะสามารถบรรลุไปสู่ขอบเขตจุติในภายภาคหน้าได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น เขาจึงเลือกที่จะคงระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันชั่วคราว และตั้งใจที่จะรวบรวมความแข็งแกร่งของตนเองให้มั่นคงอีกครั้ง

เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าเมื่อผู้บ่มเพาะบรรลุไปสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิล มันก็เทียบเท่ากับการสร้างรากฐานแห่งเต๋า และยิ่งรากฐานแห่งเต๋าแข็งแกร่งมากเท่าใด ก็ยิ่งมีความมั่นใจในการบรรลุไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางในอนาคตมากขึ้น

ในทางกลับกัน เมื่อผู้บ่มเพาะบรรลุไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางแล้ว ก็เท่ากับได้ครอบครองรากของสวรรค์และโลกอยู่ในร่างกาย เมื่อได้หยั่งรากที่ว่าแล้ว เขาก็ไม่ใช่จอกแหนที่แกว่งไปแกว่งมาบนหนทางแห่งเต๋าอย่างไม่มีกำหนดอีกต่อไป

ในเวลานี้ ยิ่งรากฐานมั่นคงมากเท่าใด ความสำเร็จที่จะได้รับในอนาคตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เช่นเดียวกับชายชราผอมแห้งที่ต่อสู้กับเฉินซีมาก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายเพียงหยั่งถึงเต๋ารองเพียงสี่ประเภทเท่านั้น แต่ก็สามารถบรรลุขอบเขตจุติได้ ทว่ารากฐานที่คนคนนี้วางไว้ในช่วงเวลาที่อยู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเป็นคู่มือของเฉินซี

นี่คือความแตกต่างของรากฐานและทรัพยากร

ผู้บ่มเพาะเกือบทั้งหมดต่างก็เข้าใจในหลักการนี้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่อดทนต่อความยากลำบากโดยเลือกจะไม่บรรลุขอบเขตและพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างรากฐานของตนเองให้มั่นคง

…เหตุผลนั้นง่ายมาก ประการแรก พรสวรรค์ของพวกเขานั้นธรรมดาเกินไป และประการที่สองก็คือ อายุขัยของพวกเขาจะไม่เพียงพอ หากพวกเขาไม่คิดหาวิธีบ่มเพาะที่จะบรรลุได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาคงจะกลายเป็นกองกระดูกและล้มตายไปตั้งนานแล้ว

ดังนั้นนี่คือความสิ้นหวังของผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ ในแง่หนึ่ง พวกเขาต่างก็ตระหนักได้ว่า ถ้าต้องการไปให้ไกลในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ พวกเขาต้องวางรากฐานอย่างถูกต้อง แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องอายุขัยที่สั้น พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหาทางลัดและไม่สนใจว่ารากฐานจะมั่นคงหรือไม่และหันไปเร่งรีบบรรลุขอบเขต ด้วยวิธีนี้อายุขัยของพวกเขาจะยืดออกไปอีกสองสามร้อยปี

ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้บ่มเพาะน้อยคนที่สามารถปรับสมดุลการบ่มเพาะทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ คงจะมีเพียงอัจฉริยะจากนิกายที่มีชื่อเสียงและมีขนาดใหญ่เท่านั้นที่มีความสามารถดังกล่าว พวกเขายังอายุน้อยและมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ความสามารถในการทำความเข้าใจที่โดดเด่น การสอนสั่งที่เอาใจใส่จากนิกายและผู้อาวุโสของพวกเขา อีกทั้งยังมีทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่คอยสนับสนุนพวกเขา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่รากฐานของพวกเขาจะไม่มั่นคง

แม้ว่าเฉินซีจะมาจากครอบครัวที่ยากจนในเมืองเล็ก ๆ ที่ห่างไกล แต่เขาก็ไม่ได้ขาดแคลนพรสวรรค์และความสามารถในการเข้าใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีทรัพยากรมากมายที่สามารถใช้ในการบ่มเพาะ ดังนั้นเขาจึงไม่เร่งรีบที่จะบรรลุเพราะมันจะส่งผลต่อความสำเร็จในอนาคต ซึ่งเขาจะไม่มีวันทำผิดพลาดแน่

ด้วยเหตุนี้ เฉินซีจึงพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาในด้านอื่น ๆ แทนเช่นเดียวกับสิ่งที่ตั้งใจจะทำในตอนนี้ โดยเริ่มจากขัดเกลายันต์ศัสตราอีกครั้ง เพื่อดึงความแข็งแกร่งที่เขามีออกมาอีกขั้น

ฟึ่บ!

กองวัสดุหายากและล้ำค่าจำนวนมากถูกเฉินซีนำออกมาจากเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ มีเลือดของงูหลามตาเงินเกล็ดแดง ซึ่งเป็นสัตว์กลายพันธุ์ในยุคบรรพกาล กรงเล็บของนกกระเรียนหัวใจม่วง ไม้แก่นอัคคีลายหยกอายุห้าพันปี แก่นวารีหลากสีจากบ่ออสูรน้ำแข็ง และวัสดุต่าง ๆ อีกกว่ายี่สิบชนิด

เฉินซีได้วัสดุเหล่านี้มาจากป่าทมิฬ ลานศิลาภูตผี ถ้ำอสูรน้ำแข็ง และสถานที่อันตรายอื่น ๆ ที่อยู่ในระหว่างทางมาที่นี่ พวกมันล้วนเป็นวัสดุล้ำค่าที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียวหากวางขายในท้องตลาดของโลกภายนอก

แม้แต่มูลค่าของวัสดุแต่ละชิ้นก็เพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนเป็นสมบัติวิเศษระดับปฐพีขั้นสุดยอด

แต่ตอนนี้เฉินซีได้ตัดสินใจที่จะหลอมวัสดุกว่ายี่สิบชนิดเหล่านี้และใช้มันเพื่อปรับปรุงคุณภาพของยันต์ศัสตราอีกครั้ง หากผู้บ่มเพาะคนอื่นรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะต้องก่นด่าสาปแช่งอย่างแน่นอน

ส่วนเหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ทันทีที่คุณภาพของยันต์ศัสตราเพิ่มขึ้น มันอาจจะเทียบได้แค่สมบัติวิเศษระดับสวรรค์เท่านั้น ในขณะที่มูลค่าของวัสดุเหล่านี้เพียงพอที่จะซื้อสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ได้มากมาย

อย่างไรก็ตาม เฉินซีก็ไม่ได้สนใจสมบัติวิเศษชิ้นอื่นซึ่งแทบไม่มีช่องทางให้เติบโตเลย ยิ่งไปกว่านั้น การบ่มเพาะในปัจจุบันของเขาไม่สามารถใช้สมบัติวิเศษระดับสวรรค์ได้

แต่ยันต์ศัสตรานั้นแตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่มันจะสามารถเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น คุณภาพของมันก็ไม่ได้ถูกจำกัดโดยพลังของผู้บ่มเพาะเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่คุณภาพของมันเพิ่มขึ้น มันจะเทียบเท่ากับสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ แต่เขาก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้มันบดขยี้สมบัติวิเศษชิ้นอื่นได้ และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เฉินซีเต็มใจที่จะจ่ายในราคาดังกล่าว

อันที่จริง มันมีวิธีในการเพิ่มคุณภาพของยันต์ศัสตราที่รวดเร็วและสะดวกกว่า ซึ่งต้องใช้ไม้ศักดิ์สิทธิ์สีคราม เหล็กพลังสุริยัน ผลึกเพลิงเทวะ วารีทมิฬเอกะ และธุลีโกลาหลเพื่อขัดเกลายันต์ศัสตราและผลลัพธ์ของมันจะเหนือยิ่งกว่าวัสดุเหล่านี้อย่างนับไม่ถ้วน

แต่เฉินซีไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้น ตามที่จี้อวี๋ได้กล่าวไว้ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าชิ้นนี้ล้วนเกิดจากต้นกำเนิดของธาตุทั้งห้าตามธรรมชาติและยังสามารถพัฒนาแก่นแท้ของธาตุทั้งห้าได้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าชนิดนี้ถูกใช้เมื่อยันต์ศัสตราบรรลุไปสู่ระดับของสมบัติอมตะ มันจะสามารถพัฒนาโลกขนาดใหญ่ภายในยันต์ศัสตราและวิญญาณศัสตราที่เกิดจากสิ่งนี้จะทรงพลังอย่างยิ่ง ทำให้มันสามารถอยู่ในอันดับต้น ๆ ของสมบัติอมตะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]