บทที่ 348 ออกเดินทางสู่นครอสนีบาต
บทที่ 348 ออกเดินทางสู่นครอสนีบาต
หญิงสาวที่มีผมยาวเป็นลอนสีแดงคนนี้ก็คืออวิ๋นน่านั่นเอง เมื่อนางได้ยินคำเตือนที่แสดงการคุกคามอย่างมากของเหยียนเยียน แม้ว่าในใจของนางจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่นางก็ยังพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน แน่นอน”
ไม่กี่วันก่อน เมื่อเฉินซีตัดสินใจจะออกเดินทางไปยังนครอสนีบาตกับตน นางก็จำมันไว้ในใจ กอปรกับกองคาราวานพ่อค้าของหอขุมทรัพย์สวรรค์ได้เข้ามายังปราการในวันนี้ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะติดตามกองคาราวานพ่อค้าไปทันที เนื่องจากการเดินทางกับพวกเขาจะปลอดภัยกว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ดี ระยะทางระหว่างปราการเดียวดายกับนครอสนีบาตก็มีระยะทางไกลถึงสองแสนห้าหมื่นลี้ อีกทั้งเส้นทางนี้ยังเต็มไปด้วยอันตรายและสัตว์ร้ายมากมาย ดังนั้นการติดตามกองคาราวานพ่อค้าของหอขุมทรัพย์สวรรค์ จึงเป็นทางเลือกที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อนางเห็นท่าทางเคารพและยอมจำนนของอวิ๋นน่า สีหน้าของเหยียนเยียนก็ผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก และนางก็เชิดคางขึ้นเล็กน้อยขณะที่กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เราจะจากไปในไม่ช้า เจ้าควรรีบตามสหายของเจ้ามาเสียดีกว่า เพราะเราจะไม่รอใครอีกต่อไป”
ทันทีที่นางกล่าวจบ เหยียนเยียนก็ได้ทิ้งภาพลักษณ์ที่หยิ่งยโส สันโดษ และสง่างามของนางไว้ให้กับอวิ๋นน่า
แต่อวิ๋นน่าไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด นางเป็นเพียงผู้บ่มเพาะจากตระกูลเล็ก ๆ และนางย่อมไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับสมาชิกของหอขุมทรัพย์สวรรค์ ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงหญิงสาวผู้เย่อหยิ่งและสันโดษที่เป็นลูกสาวของนายหน้ารายใหญ่ ผู้มีสถานะเป็นที่นับถือของผู้คนและห่างไกลจากคนที่นางจะสามารถล่วงเกินได้
“ผ่านไปสิบกว่าวันแล้ว เหตุใดผู้อาวุโสถึงยังไม่ออกมาอีกนะ?” อวิ๋นน่าเงยหน้าขึ้นและมองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทขณะที่คิ้วขมวดเล็กน้อยด้วยความลังเล เนื่องจากนางสงสัยว่าการเคาะประตูห้องในตอนนี้จะเป็นการรบกวนเฉินซีหรือไม่?
ในขณะเดียวกัน วัตถุดิบได้ถูกซื้อไปเกือบหมดและผู้คุ้มกันของกองคาราวานพ่อค้าแห่งหอขุมทรัพย์สวรรค์ก็กำลังเก็บกวาดและพร้อมจะออกเดินทางเพื่อกลับไปยังนครอสนีบาตในทันที
“ท่านพ่อ ท่านตั้งใจจะพาคนแปลกหน้าสองคนนี้ไปด้วยจริง ๆ หรือ?” เหยียนเยียนที่อยู่ใกล้เคียงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ปราการเดียวดายมีทั้งผู้บ่มเพาะที่มีเจตนาดีและเจตนามุ่งร้าย ดังนั้นมันจะไม่มีทางขาดโจรใจอำมหิตและเหี้ยมโหดแม้แต่คนเดียว แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าพวกเขา…”
“นางก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แล้วจะมีอันตรายอะไร? อีกทั้งมันยังเป็นความคิดที่ไม่เลวที่จะสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกัน” เหยียนเฉิงโบกมือและถอนหายใจ “มันไม่ง่ายเลยสำหรับใครก็ตามที่ต้องจากบ้านมา จงช่วยพวกเขาเถอะถ้าเราทำได้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ขัดขวางการเดินทางของเรา มันก็ไม่เป็นไรหรอก”
เหยียนเยียนเม้มริมฝีปากสีแดงสดของนางก่อนจะหันกลับมา และอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างเย็นชาเมื่อเห็นอวิ๋นน่ายังคงมีสีหน้างุนงง “สหายของเจ้าหยิ่งยโสจริง ๆ เขาต้องรอจนกว่าเราจะจากไป ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวหรือ?”
“เอ่อ ข้าจะไปตามเขา” อวิ๋นน่าตกตะลึงและไม่กล้าลังเลอีกต่อไป นางกัดฟันก่อนจะเดินไปที่บันได แต่นางก็รู้สึกกังวลและหวาดกลัวอยู่ในใจ แต่นางก็ทำได้แค่ปลอบใจตัวเอง “ในที่สุดกองคาราวพ่อค้าของหอขุมทรัพย์สวรรค์ก็มาถึง และเราจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปไม่ได้ ในเมื่อเขารู้เหตุผลแล้ว ผู้อาวุโสคงจะไม่โกรธข้า…”
เหยียนเฉิงส่ายศีรษะเมื่อเห็นสิ่งนี้ ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “เจ้าควรเปลี่ยนนิสัยนี้ของเจ้า มันจะทำให้คนอื่นขุ่นเคืองได้ง่ายเอานะ”
เหยียนเยียนรวบผมสีดำไว้ที่ข้างหลังหูของนางและกล่าวโดยไม่กังวลเลยสักนิดว่า “ข้าไม่มีวันเปลี่ยนมันได้”
เหยียนเฉิงส่ายศีรษะอีกครั้งแต่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
…
โอม!
เสียงหอนที่ไพเราะและชัดเจนซึ่งเหมือนกับเสียงของธรรมชาติดังกึกก้องภายในห้องขัดเกลาศัสตรา
ดวงตาของเฉินซีเผยให้เห็นถึงร่องรอยแห่งความสุข ขณะที่ตรวจสอบยันต์ศัสตราในมือของเขา ยันต์ศัสตราที่ได้รับการขัดเกลาอีกครั้งมีความยาวสี่ฉื่อและกว้างสามชุ่น สันกระบี่หนักแน่นเหมือนภูเขา ใบมีดคมกริบและไม่มันวาว มันดูเหมือนว่าจะเรียบง่ายและโบราณมากกว่าเดิม ซึ่งเผยให้เห็นถึงความรู้สึกของการกลับคืนสู่ความเรียบง่ายอย่างชัดเจน
มันดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่รู้ว่ายันต์ศัสตรานี้ได้รับการขัดเกลาอย่างมากแล้ว นอกจากนี้มันยังมีความคมกริบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และสามารถเทียบกับสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ทั้งหมดได้ ดังนั้นเมื่อเขาเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง มันย่อมทำให้เขาไม่ต้องกังวลว่าคู่ต่อสู้จะกดดันตนด้วยสมบัติวิเศษที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้
หลังจากตรวจสอบอย่างระมัดระวังแล้ว เฉินซีก็เก็บยันต์ศัสตราทันที จากนั้นก็ลุกยืนขึ้นและเขาก็ไปอาบน้ำอุ่นให้สบายตัว ความรู้สึกสดชื่นที่ไหลผ่านทั่วร่างกายของชายหนุ่ม ทำให้จิตวิญญาณของเขาเบิกบาน และเขาก็ไม่ได้ชักช้าอีกต่อไป ก่อนที่จะผลักประตูเพื่อออกไป
“อ๊ะ! ผู้อาวุโส ท่านออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้วหรือเจ้าคะ?” อวิ๋นน่าเพิ่งเดินไปที่บันไดและก่อนที่จะขึ้นบันไดนั้น นางก็สังเกตเห็นเฉินซีเดินออกจากห้อง ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความประหลาดใจ
หลังจากใช้เวลากว่าสิบวัน ในที่สุดเขาสามารถยกระดับคุณภาพของยันต์ศัสตราไปได้อีกขั้นหนึ่ง
ซึ่งทำให้เฉินซีอารมณ์ดีเป็นอย่างมากและพยักหน้าให้นางพร้อมด้วยรอยยิ้ม
อวิ๋นน่าตกตะลึง และตอนนี้เองที่นางเพิ่งจะสังเกตว่าเฉินซีดูเหมือนกลายเป็นคนละคน เพราะก่อนหน้านี้เขาเหมือนกับขอทานสกปรกที่สวมผ้าเสื้อขาดวิ่นและมีแต่คราบเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่ว แต่ในตอนนี้เขาสวมเสื้อผ้าสีฟ้าที่ดูสะอาดสะอ้านและเรียบร้อย เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาคมเข้ม ดวงตาที่ลึกล้ำราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนอันลึกลับ และผมที่ยาวถึงเอวก็ถูกมัดรวบไว้อย่างหลวม ๆ ประกอบกับรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขา จึงทำให้เขาดูโดดเด่นและไม่ธรรมดา
“ปรากฏว่าชายคนนี้ไม่เพียงแต่ยังหนุ่มเท่านั้น รูปร่างหน้าตาของเขายังหล่อเหลาอีกด้วย… เดี๋ยวนะ! เขา เขา…ยิ้มให้กับข้าจริง ๆ หรือ?”
“สวรรค์!”
“นักฆ่าเลือดเย็นไร้อารมณ์ที่ฆ่าผู้คนโดยไม่กะพริบตานั่น กลับรู้วิธียิ้มเช่นนี้ด้วยหรือ?”
หัวใจของอวิ๋นน่าเต้นไม่เป็นจังหวะและมีความรู้สึกแปลก ๆ ผุดขึ้นในหัวใจของนาง ซึ่งทำให้ใบหน้าที่งดงามของนางกลายเป็นสีแดงก่ำ นางจึงก้มหัวลงโดยไม่รู้ตัวและไม่กล้าสบตาของเฉินซีที่จ้องมาทางตน
ความเขินอายที่นางแสดงออกมาโดยไม่ตั้งใจนั้นทำให้ลูกตาของผู้คนที่อยู่ในห้องโถงแทบจะหลุดออกจากเบ้า “หญิงสาวผู้มากด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนคนนี้เขินอายจริงหรือ?”
“มีอะไรผิดปกติหรือ?” เฉินซีเดินลงบันไดและมองไปที่อวิ๋นน่าด้วยท่าทางงุนงง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...