บทที่ 349 หมีหุ้มเกราะพิฆาต
บทที่ 349 หมีหุ้มเกราะพิฆาต
ในป่าอาถรรพ์ ฝูงหนอนเขาโลหิตทะลวงผ่านพื้นดินพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องหวีดหวิวที่เสียดหู จากนั้นปราณอสูรก็พุ่งขึ้นมาและถาโถมเข้ามาดั่งกระแสน้ำ ขณะที่ฝูงหนอนเขาโลหิตที่แน่นขนัดได้ปิดผนึกเส้นทางที่อยู่ข้างหน้า
หนอนเขาโลหิตมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะมันถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่หากเขาโลหิตบนศีรษะของพวกมันยังไม่ได้รับการบาดเจ็บ พวกมันก็จะสามารถฟื้นตัวได้ในทันที เมื่อรวมกับการที่พวกมันเคลื่อนไหวเป็นฝูงใหญ่ แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางก็ยังต้องเผชิญกับความตาย หากต้องตกอยู่ในวงล้อมของพวกมัน
“ไอ้พวกสัตว์เดรัจฉาน! พวกมันกำลังรนหาที่ตาย!” เหยียนเฉิงกับผู้คุ้มกันกองคาราวานพ่อค้าต่างก็รู้เป็นอย่างดีว่า หนอนเหล่านี้แข็งแกร่งถึงเพียงใด พวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะจัดรูปขบวนการต่อสู้ ก่อนที่จะเปิดฉากโจมตี ลำแสงและประกายหลากสีพุ่งไปยังฝูงหนอนเขาโลหิตที่ถาโถมเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ทันใดนั้น ท้องฟ้าและผืนดินก็เต็มไปด้วยเสียงระเบิดของปราณแท้ เลือดที่หลั่งไหลเหมือนน้ำตกและชิ้นส่วนอวัยวะที่ขาดวิ่นก็ปลิวว่อนไปทุกทิศทุกทาง ในขณะที่ต้นไม้และก้อนหินที่อยู่ในระยะสองลี้ล้วนแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ และกลายเป็นผุยผง
ผู้คุ้มกันของกองคาราวานพ่อค้ากลุ่มนี้มีทั้งหมดหกสิบคน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ดังนั้นการทำลายล้างที่เกิดขึ้นจากพลังโจมตีของพวกเขาก็น่ากลัวมากเช่นกัน
โดยเฉพาะเหยียนเยียน หญิงสาวที่งดงามไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งมีนิสัยเย็นชาราวกับช่วงเหมันต์ นางมีความแข็งแกร่งที่สมควรแก่การภาคภูมิจริง ๆ กระบี่ของนางตวัดฟันดั่งสายฟ้าที่พุ่งผ่านท้องฟ้า และมันก็ฆ่าหนอนเขาโลหิตไปหลายตัวในทันที ทำให้นางดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
แต่จำนวนของหนอนเขาโลหิตนั้นมีมากมายเกินไป และพวกมันก็อยู่กันอย่างหนาแน่นราวกับกระแสน้ำ หลังจากที่พวกมันถูกฆ่าไประลอกหนึ่ง คลื่นอีกระลอกหนึ่งก็พุ่งออกมาจากพื้นดินอีกครั้งราวกับพวกมันจะไม่มีวันหมดสิ้น จึงทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้าทุกคราที่ต้องรับมือ
การต่อสู้ได้ดำเนินเข้าสู่ทางตันเสียแล้ว และทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าเหนื่อยล้าหลังจากไม่สามารถกวาดล้างหนอนเขาโลหิตเหล่านี้ได้ หลังจากที่ต่อสู้มาอย่างยาวนานทำให้สถานการณ์ค่อนข้างไม่เอื้ออำนวยสำหรับทุกคน
“ผลึกน้ำแข็งหิมะเริงระบำ!” เหยียนเยียนกัดฟันของนางในขณะที่ยืนอยู่กลางอากาศพร้อมกับกระบี่ในมือ เสื้อผ้าของนางปลิวไสวไปตามสายลม ทำให้หญิงสาวดูเหมือนเทพธิดาท่องคลื่น จากนั้นจึงใช้กระบวนท่ากระบี่ของนาง ทำให้เศษน้ำแข็งและเกล็ดหิมะที่แหลมคมนับไม่ถ้วนถาโถมลงไป และในชั่วพริบตา หนอนเขาโลหิตกว่าครึ่งก็ถูกทำลายสิ้น
แต่การโจมตีครั้งนี้ได้ใช้พละกำลังเกือบทั้งหมดของนาง ทำให้ความเหนื่อยล้าปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วขณะที่หอบหายใจอย่างรุนแรง และนางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหลีกการโจมตีจากหนอนเขาโลหิตที่เหลือหลงอยู่ชั่วคราวเท่านั้น
เหยียนเยียนฉวยโอกาสนี้เหลือบมองไปทางรถม้าสมบัติที่อยู่ไกลออกไป เมื่อนางเห็นชายหนุ่มกับหญิงสาวยังคงไม่เคลื่อนไหว ความโกรธเกรี้ยวก็ผุดขึ้นในใจของนาง ‘ช่างเป็นคู่ชายหญิงที่เนรคุณเสียจริง! ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาควรจะร่วมมือกับเราเพื่อผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขากลับหวาดกลัวจนถึงขั้นซ่อนตัวอยู่ในรถม้าสมบัติและไม่กล้าโผล่หัวออกมา!’
ในขณะนั้น เฉินซีไม่รู้เลยว่าเหยียนเยียนกำลังวิจารณ์เขาอยู่ และเขาก็มีแผนของตัวเองอยู่ในใจ แม้ว่าหนอนเขาโลหิตเหล่านี้จะมีจำนวนมากมาย แต่พวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรยอดฝีมือของกลุ่มคาราวานนี้ได้ ดังนั้นชัยชนะจึงเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น และเขาจะให้ความช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเท่านั้น
ทว่าอวิ๋นน่ากลับไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป นางมองไปที่เฉินซีที่ไม่แยแสในขณะที่ลังเลซ้ำแล้วซ้ำเล่า และดูเหมือนนางจะรู้สึกละอายใจ ในท้ายที่สุด นางก็พุ่งออกจากรถม้าสมบัติและเริ่มเข่นฆ่าหนอนเขาโลหิตร่วมกับคนอื่น
เฉินซีเพียงยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดนาง เพราะแท้จริงแล้วยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ลงมือในตอนนี้
นั่นเพราะนับตั้งแต่ออกจากปราการเดียวดาย เขารู้สึกได้ว่ามีคนเฝ้าติดตามอยู่ที่ด้านหลังของคาราวานกลุ่มนี้จนเหมือนกับวิญญาณที่วนเวียนอยู่ตลอดทาง และเห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีเจตนาร้าย
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ก็ค่อนข้างแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในการปิดบังซ่อนเร้นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ หากหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่น เขาอาจคลาดร่องรอยของคนผู้นี้ในทันทีและผลเสียก็จะมีมากกว่าผลดี
ทว่าเมื่อเหยียนเยียนเห็นฉากนี้ ก็ทำให้นางรู้สึกดูถูกเฉินซีมากยิ่งขึ้น และนางก็มองว่าเฉินซีเป็นชายหนุ่มที่หวังพึ่งพาหญิงสาว เขามีเพียงแค่รูปลักษณ์ที่ดี แต่ภายในกลับไร้ประโยชน์
ปราณแท้และปราณอสูรปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคลื่นอากาศที่พัดออกไปทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นไปตามที่เฉินซีคาดการณ์ไว้ การต่อสู้ดำเนินต่อไปอีกหนึ่งถ้วยช้า จำนวนของหนอนเขาโลหิตก็เริ่มลดลงอย่างมาก และไม่มีหนอนเขาโลหิตออกมาจากพื้นดินอีกต่อไป
“หนอนเขาโลหิตเกือบถูกทำลายล้างหมดแล้ว และชัยชนะก็ใกล้ปรากฏให้เห็น! ทุกคน จงเข่นฆ่ามันให้หมด!” เหยียนเฉิงโจมตีออกพร้อมกับกระตุ้นขวัญกำลังใจของทุกคน
อันที่จริงอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไร เพราะทุกคนต่างก็สังเกตกันได้บ้าง ดังนั้นเมื่อปราณฟื้นฟูจนถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็ต่อสู้อย่างสุดกำลัง ส่งเคล็ดวิชาต่าง ๆ และสมบัติวิเศษซัดออกไปราวกับว่าพวกมันไร้ค่า ซึ่งในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ หนอนเขาโลหิตทั้งหมดที่ขวางทางพวกเขาก็ถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงพื้นที่กว้างใหญ่ที่ปกคลุมด้วยชิ้นส่วนอวัยวะที่ขาดวิ่นและซากศพที่แหลกเหลว
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้คุมกันคนหนึ่งหอบหายใจอย่างหนักขณะที่มองดูซากศพของหนอนเขาโลหิตที่ปกคลุมอยู่บนพื้น ก่อนจะกล่าวด้วยความกลัวที่ยังเหลืออยู่ในใจ “นับว่าโชคดีที่มันเป็นเพียงฝูงหนอนเขาโลหิต หากพวกเราเผชิญกับราชาหนอนโลหิตแล้วละก็ พวกเราคงไม่เพียงพอที่จะสู้กับมันได้”
“หยุดกล่าววาจาไร้สาระ ถ้าราชาหนอนเขาโลหิตปรากฏตัว พวกเราทุกคนอาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่”
“ข้าแค่กล่าวเฉย ๆ”
ในขณะเดียวกัน สายตาของผู้คุ้มกันคนนั้นก็จ้องมองไปยังรถม้าสมบัติที่เฉินซีนั่งอยู่และกล่าวด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้จะเป็นขยะไร้ค่าจริง ๆ แม้แต่หญิงสาวที่บอบบางก็ยังกล้าหาญยิ่งกว่าเขา” ขณะที่กล่าว เขาก็มองไปทางอวิ๋นน่าซึ่งอยู่ใกล้เคียงก่อนที่จะส่ายศีรษะและถอนหายใจ ราวกับเขารู้สึกว่าไม่ควรค่าที่นางจะอยู่เคียงข้างเฉินซี
“ในโลกนี้มีชายหนุ่มรูปงามมากมายที่หวังพึ่งพาหญิงสาว ไม่ใช่ว่าพวกเราจำเป็นต้องให้เขาช่วย แต่การกระทำของเขามันขี้ขลาดเกินไป หญิงสาวคนนั้นคงจะตาบอดถึงได้ติดตามเคียงข้างเขา”
“เหตุใดเราไม่หาโอกาสมอบบทเรียนอันดุดันให้แก่เจ้าเด็กหนุ่มผู้สำอางคนนี้เสียที”
อวิ๋นน่าขมวดคิ้วขณะที่นางเหลือบมองคนเหล่านี้ เพราะนางไม่รู้สึกว่าคนเหล่านี้กำลังปกป้องนาง แต่นางไม่สามารถอธิบายอะไรให้พวกเขาฟังได้ ดังนั้นจึงหันหลังกลับและเดินขึ้นรถม้าสมบัติไป
ห่างออกไป เหยียนเฉิงได้ยินการสนทนาถึงเรื่องนี้และรีบเดินเข้ามาทันทีก่อนที่จะตำหนิว่า “พวกเจ้ากล่าวเรื่องไร้สาระอะไรกัน? รีบเก็บกวาดสนามรบซะและออกเดินทางโดยเร็วที่สุด!”
“เรียนท่านผู้นำเหยียน พวกเราพี่น้องรู้สึกไม่พอใจยิ่งนักที่เขาสามารถซ่อนตัวอยู่ในรถม้าสมบัติโดยไม่คิดจะกระทำใด ๆ แต่พวกเรากลับต้องเสี่ยงต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด”
“เขาเป็นแขก! พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?” เหยียนเฉิงเหลือบมองรถม้าสมบัติที่เฉินซีโดยสารอยู่ ก่อนจะโบกมือพร้อมกับกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หยุดจิ๊จ๊ะกันได้แล้ว! จงรีบเก็บกวาดสนามรบให้เรียบร้อย เราจะได้ออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็วเพราะกลิ่นเลือดที่นี่อาจดึงดูดสัตว์ดุร้ายจำนวนมากในไม่ช้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...