บทที่ 367 การรวมตัวของเหล่ายอดฝีมือ
บทที่ 367 การรวมตัวของเหล่ายอดฝีมือ
นครหลวงธารสายไหมถูกปกคลุมด้วยแสงเจิดจ้าราวกับแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งออกมาจากสวรรค์ และพวกมันก็แสดงถึงพลังอำนาจอันสูงสุดออกมา
เมื่อเร็วนี้ ๆ ทั่วนครหลวงธารสายไหมก็เริ่มคึกคักมากขึ้น เนื่องจากนิกายชั้นนำและตระกูลเก่าแก่ต่าง ๆ ได้ส่งเหล่าอัจฉริยะมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง
อัจฉริยะรุ่นเยาว์เหล่านี้น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาล้วนมีอายุน้อยกว่าสามสิบปี แต่การบ่มเพาะของพวกเขาได้บรรลุถึงขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง และนับได้ว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ในนิกายของแต่ละคน
พวกเขาจะต้องเป็นเจ้าของดินแดนนี้ในอนาคต เข้าควบคุมนิกายและตระกูลต่าง ๆ ในโลกใบนี้!
“ดูนั่นสิ ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อคลุมนักพรตเต๋าสีฟ้าอ่อนและมงกุฎขนนกที่มีรูปร่างเหมือนดาวนกยูง เขาคือจ้าวชิงเหอ อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ของหอหยกนภาใช่หรือไม่”
“เอ๊ะ คนคนนั้นดูเหมือนจะเป็นหลิวเฟิ่งฉือแห่งเกาะฉลามมังกรจากทะเลตะวันออก ชุดคลุมสีน้ำเงิน ผ้าคาดเอวที่ทำจากผ้าไหมสีหยก และกระบี่ที่มีฝักซึ่งดูเหมือนกับปลาฉลามกำลังกลืนกระบี่ นี่เป็นลักษณะการแต่งตัวของเขามาโดยตลอด!”
“เซียวหลิงเอ๋อร์! หญิงสาวคนนั้นคือเซียวหลิงเอ๋อร์แห่งนิกายเตากลั่นเซียนนพเก้าอย่างแน่นอน! ชุดที่หรูหราราวกับเปลวไฟ รูปร่างที่สง่างามและบอบบาง รูปลักษณ์ที่งดงามเช่นนั้นจะเป็นผู้ใดได้อีก”
ในขณะนี้ ยอดฝีมืออัจฉริยะรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ได้มาถึงนครหลวงธารสายไหมแล้ว และมักจะพบเห็นพวกเขาได้บ่อยครั้งตามท้องถนนที่กว้างใหญ่และคับคั่งไปด้วยผู้คน แม้ว่าพวกเขาจะปรากฏตัวเพียงช่วงสั้น ๆ แต่หลายคนก็ยังจดจำได้ในพริบตาเดียว ทำให้ฝูงชนพากันส่งเสียงร้องอุทานด้วยความชื่นชมในทันที
แต่มีผู้คนน้อยมากและแทบไม่มีเลยที่จะสามารถจดจำเฉินซีได้ อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่จำอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นจากดินแดนทางใต้ผู้นี้ได้
ประกอบกับการที่เขาได้อยู่ร่วมกับสาวงามสามคนที่ดึงดูดสายตาผู้คนนับไม่ถ้วน เขาจึงดูสลัวและไร้ความเฉิดฉายทำให้ถูกผู้คนมองข้ามไป
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หวังเจิ้นเฟิงได้ยินเสียงอุทานมากมายอยู่ตลอดทาง เขาก็คาดหวังว่าจะมีคนจดจำตนได้เช่นกันและหวังว่ามันจะทำให้ตนได้หน้ากลับคืนมาบ้าง แต่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนสิ่งนี้จะมาไม่ถึง…
เรื่องนี้ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในฐานะนายน้อยแห่งจวนจ้าวอัสนี เขาเป็นบุคคลที่ทุกครัวเรือนในนครอสนีบาตต่างก็รู้จัก จนถึงตอนนี้เขาได้มาถึงนครหลวงธารสายไหมแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นคนข้างทางที่ไม่มีใครให้ความสนใจ ซึ่งมันได้สร้างบาดแผลต่อความภาคภูมิใจของเขามากเกินไป
แต่เขาก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เนื่องจากมีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมากเกินไปในนครหลวงธารสายไหม และคนที่ถูกจดจำได้ล้วนเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
แต่ในเวลาไม่นาน หวังเจิ้นเฟิงก็รู้สึกโล่งใจ เพราะเขาพบว่าบุคคลที่น่าเกรงขามเช่นเฉินซีก็ยังไม่มีใครจดจำได้จนกระทั่งถึงตอนนี้ แล้วตัวเขาจะยังรู้สึกไม่พอใจเมื่อเทียบกับเฉินซีได้อย่างไร?
ณ แท่นบูชาสังเวยเก้ามังกร
เมื่อเฉินซีและคนอื่น ๆ มาถึงที่นี่ ผู้คนมากมายก็ได้หลั่งไหลเข้ามาก่อนแล้ว และมันได้ถูกล้อมรอบด้วยผู้คนจนแม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่สามารถไหลผ่านได้
แท่นบูชาสังเวยเก้ามังกรที่เก่าและทรุดโทรมได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมานับไม่ถ้วน ปัจจุบันเหลือเพียงหินสีดำขนาดมหึมาบางก้อนเท่านั้นและส่วนอื่น ๆ ของมันก็หาไม่พบอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีเพียงคราบเลือดสีทองเข้มบนพื้นผิวของหินที่ยังสามารถมองเห็นได้อย่างราง ๆ
ถึงแม้ว่าแท่นบูชานี้จะเก่าและทรุดโทรม แต่มันก็ปล่อยกลิ่นอายเก่าแก่ที่สั่นคลอนหัวใจและวิญญาณ นอกจากนี้มันยังแฝงด้วยปราณที่น่าสะพรึงกลัวที่ทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะท้าน ดังนั้นแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายรุมล้อมอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ และพวกเขาก็ไม่กล้าค้นหาว่ามีความลึกล้ำซ่อนอยู่ภายในนั้นหรือไม่
“หูของข้าเริ่มปวดระบมจากการรับฟังหัวข้อของชิงซิ่วอี้ จ้าวชิงเหอ หวงฝู่ฉางเทียน และคนอื่น ๆ ในตลอดเวลาที่ผ่านมา มันน่าเบื่อจริง ๆ” ชายหนุ่มถอนใจอย่างหมดอารมณ์
“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่รู้ ในตอนนี้ ใครจะไม่รู้ว่ามีผู้บ่มเพาะกระบี่ที่มีฝีมือโดดเด่นได้ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนทางใต้? ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับชัยชนะหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกันในการชุมนุมธารทอง เขายังรอดชีวิตจากการลอบสังหารของตำหนักตะวันดำอีกด้วย บุคคลดังกล่าวนั้นเก่งกล้ายิ่งกว่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่ชื่อเสียงมาอย่างยาวนานเสียด้วยซ้ำ” มีคนกล่าวด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“ข้าก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน ชายหนุ่มคนนั้นดูเหมือนจะชื่อว่าเฉินซี และเขาก็มีความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง หากเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ เขาจะต้องเป็นม้ามืดอย่างแน่นอน!” มีคนกล่าวออกมาและถอนหายใจด้วยความใจหาย
“เขามีชื่อเสียงมากหรือ? เหตุใดข้าถึงไม่จับเขามาเป็นทาสของข้าเล่า? ดินแดนที่ห่างไกลและยากจนอย่างดินแดนทางใต้ไม่มีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่เท่าไร ดังนั้นเขาน่าจะไม่มีสถานะที่น่าตกตะลึง และการอยู่เคียงข้างเพื่อเป็นทาสรับใช้ของข้าจะไม่ทำให้พรสวรรค์ของเขาต้องสูญเปล่า” ชายหนุ่มที่มีผมสีม่วง ตาตี่ สวมเสื้อคลุมหรูหรา ซึ่งสังเกตได้ว่ามาจากนิกายที่มั่งคั่งและมีอำนาจได้กล่าวออกมาอย่างช้า ๆ
“ไม่มีใครที่สู้ข้าได้! ไอ้บัดซบ! พวกเจ้าเอาเผ่าพันธุ์อสูรของข้ามาเป็นทาส ตอนนี้ข้าจะเอาอัจฉริยะมนุษย์ของพวกเจ้ามาเป็นทาส ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนบอกว่าเขาน่าเกรงขาม งั้นข้าจะเลือกเขา!” ในขณะนั้นเอง เสียงอันแหลมคมก็ดังก้องขึ้นและเสียดแทงแก้วหูของทุกคนจนสั่นสะท้าน
ทันใดนั้นก็มีนกกระจอกเพลิงสีแดงเข้มซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันราวกับสายฟ้าสีแดงเข้ม ทันทีที่มันปรากฏกายขึ้น เปลวเพลิงลุกโชนจนปกคลุมท้องฟ้าและผืนดิน กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวและครอบงำของมันทำให้หัวใจของทุกคนต่างก็สั่นสะท้าน
“นกกระจอกเพลิง! มันสืบเชื้อสายมาจากสัตว์อสูรที่บินได้ในยุคบรรพกาล! อีกทั้งมันอายุยังน้อยแต่กลับมีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ จึงเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าสายเลือดของมันค่อนข้างบริสุทธิ์และความสำเร็จในอนาคตจะไม่อาจหยั่งได้” ชายชราที่ผ่านไปอุทานด้วยความชื่นชม และเขาเป็นปรมาจารย์ของนิกาย
สัตว์อสูรที่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอย่างกล้าหาญได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีกองกำลังอันน่าสะพรึงกลัวหนุนหลังมันอยู่ มิฉะนั้นมันคงถูกจับและทำให้เชื่องไปนานแล้ว
ในการชุมนุมดาวรุ่งครั้งก่อนมีผู้บ่มเพาะอสูรเข้าร่วมไม่ขาด และยังมีผู้บ่มเพาะอสูรบางคนที่สามารถสยบยอดฝีมือชาวมนุษย์ให้กลายเป็นทาสในประวัติศาสตร์ได้ ดังนั้นการที่นกกระจอกเพลิงกล่าวเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ฝูงชนรู้สึกโกรธเคืองใด ๆ
“เจ้านกโง่เขลาตัวนี้น่าทุบตีจริง ๆ ถ้าข้ารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ข้าคงถอนขนของมันออกหมดแล้ว แล้วให้ข้าดูหน่อยสิว่าหลังจากนั้นมันยังจะกล้าจองหองอยู่อีกหรือไม่” เฉินซีทั้งโกรธและสนุกเมื่อเห็นฉากนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...