บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 377

บทที่ 377 ป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้

บทที่ 377 ป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้

บนยอดเขาทะยานสวรรค์ เฉินซีได้โจมตีอย่างรุนแรงเพื่อทำลายกระบี่บินทั้งหนึ่งร้อยแปดเล่ม จากนั้นจึงเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ โดยแบกแบกฟ่านอวิ๋นหลานไว้บนหลังของเขา

ที่ด้านนอกของยอดเขาทะยานสวรรค์ ทุกคนที่ได้เห็นการกระทำทั้งหมด อดไม่ได้ที่จะกล่าวคุยอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“ที่ความสูงสี่ร้อยลี้! เฉินซีทำลายกระบี่บินหนึ่งร้อยแปดเล่มด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวภายใต้แรงกดดันจากเต๋ารู้แจ้งที่น่าสะพรึงกลัว อีกทั้งยังได้ช่วยหญิงสาวคนนั้นจากภยันตราย ความแข็งแกร่งระดับนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!”

“เจ้ากล่าวผิดแล้ว! ข้ารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของหญิงสาวคนนั้นกลับทรงพลังยิ่งกว่า เจ้าไม่เห็นหรือว่านางสังหารศัตรูไปสิบหกคนก่อนที่เฉินซีจะปรากฏตัว? ในแง่ความแข็งแกร่ง ของนางอาจดูทรงพลังยิ่งกว่าเฉินซีเสียด้วยซ้ำ”

“แต่สิ่งที่ข้าสนใจที่สุดนั้นคือความสัมพันธ์ระหว่างเฉินซีกับหญิงสาวคนนั้น เขาแบกนางขึ้นหลังและขึ้นภูเขาโดยไม่เขินอายเลยแม้แต่น้อย หรือว่าพวกเขาจะเป็นคู่รักกัน?”

“พวกเจ้าทุกคนเข้าใจผิดแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ ดูเหมือนพวกเจ้าจะมองข้ามปัญหาไป มีใครรู้จักตัวตนของหญิงสาวคนนั้นบ้างหรือไม่? นางมาจากนิกายใด หรือชื่อของนาง พวกเจ้ารู้จักหรือไม่? จากการสังเกตของข้า หญิงสาวคนนั้นใช้เคล็ดวิชาการบ่มเพาะของนิกายอสูร ยิ่งกว่านั้น นางเชี่ยวชาญมันเป็นอย่างมากและมีพลังที่น่าเกรงขาม เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้บ่มเพาะมาร!”

“ผู้บ่มเพาะมาร? สวรรค์! นางคงไม่ได้มาจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตใช่หรือไม่?”

ภายในพระราชวังธารสายไหม มียอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวสุดขีด “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเศษเดนจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตจึงปรากฏตัวในการชุมนุมดาวรุ่ง? เพราะเหตุใด?!”

นักพรตเต๋าขอบเขตเซียนปฐพีผู้นี้มีนามว่า อวี้คุนจื่อ เขาเป็นหนึ่งในบรรพชนของนิกายจากที่ราบตอนกลาง และผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์นับหลายสิบคนจากนิกายบ่อหยกได้เสียชีวิตด้วยน้ำมือของฟ่านอวิ๋นหลานก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้อวี้คุนจื่อจึงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก

ยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็มองหน้ากันและกัน ใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยของความกังวลสงสัย

เนื่องจากหลายพันปีก่อน คำว่า ‘นิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต’ นั้นเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายและบาปอย่างมหันต์ เพียงแค่ได้ยินคำนี้ก็ทำให้ผู้คนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เนื่องจากมันทำให้เกิดการเข่นฆ่านองเลือดอย่างไร้ขอบเขตในโลกแห่งการบ่มเพาะและทำให้สมาชิกของราชวงศ์ซ่งได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

ยอดฝีมือเฒ่าเหล่านี้ได้ดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเข้าใจค่อนข้างลึกซึ้งเกี่ยวกับนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต และเช่นเดียวกับอวี้คุนจื่อ พวกเขาก็คาดเดาต้นกำเนิดของฟ่านอวิ๋นหลานได้ราง ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกประหลาดใจและงุนงงในใจของพวกเขาได้

“สหายนักพรตเต๋า ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกมากนัก” ทันใดนั้น มหาเสนาบดีก็ไอแห้ง ๆ และกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงทราบเกี่ยวกับนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตแล้ว หญิงสาวคนนั้นมีนามว่าฟ่านอวิ๋นหลานซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่ตึกของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิต และเป็นพระราชประสงค์ของพระองค์ที่อนุญาตให้นางเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง”

“พระราชประสงค์?”

สีหน้าของทุกคนดูเคร่งขรึมขณะที่พวกเขาเริ่มคาดเดาในใจโดยพร้อมเพรียงกัน ‘เหตุใดจักรพรรดิฉู่ถึงทำเช่นนี้? หรือว่าเขาได้บรรลุข้อตกลงบางอย่างกับนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตแล้ว?’

มหาเสนาบดีกวาดสายตามองทุกคน จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ทุกคน โปรดอย่าได้คาดเดาอย่างไม่เหมาะสม การกระทำของจักรพรรดิย่อมมีความหมายลึกซึ้งอยู่ในตัวเอง ดังนั้นเรามารับชมการแข่งขันกันดีกว่า”

“พี่ใหญ่ย่าชิง ท่านรู้จักหญิงสาวคนนั้นหรือไม่” ตู้ชิงซีลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางก็ยังรวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยถามออกไป

“เฉินซีรู้จักหญิงงามมากมาย ข้าจะรู้จักพวกนางทั้งหมดได้อย่างไร” ที่ริมฝีปากของย่าชิงปรากฏร่องรอยการเย้ยหยันตนเอง และเมื่อเห็นเฉินซีแบกฟ่านอวิ๋นหลานไว้บนหลังในขณะที่ก้าวขึ้นไปบนยอดเขาทีละก้าว ในใจของนางก็รู้สึกถึงอารมณ์ที่หลากหลาย

“ไม่จำเป็นต้องถามข้า ข้าก็ไม่รู้จักนางเช่นกัน” อวิ๋นน่ารีบส่ายศีรษะเมื่อเห็นตู้ชิงซีมองมาที่นาง

“ข้ารู้ว่ามู่เหยาย่อมไม่รู้จักหญิงสาวคนนั้นอย่างแน่นอน แล้วเจ้าล่ะ?” ตู้ชิงซีทำอะไรไม่ถูกและหันหน้าไปมองเหยียนเยียน

เหยียนเยียนมีสีหน้าขุ่นเคืองและกล่าวว่า “ข้ากล่าวไปกี่ครั้งแล้ว? ข้ามีความสัมพันธ์ธรรมดาทั่วไปกับเฉินซี ดังนั้นข้าจึงไม่สนใจว่าเขาจะมีคนรักอีกสักกี่คน”

ทันทีที่กล่าวจบ นางก็พบกับสายตาจากหญิงสาวทุกคน “ความสัมพันธ์ธรรมดาทั่วไป? ใครจะไปเชื่อเจ้า!?”

ความรู้สึกไร้อำนาจเกิดขึ้นภายในหัวใจของเหยียนเยียน และนางก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ “หรือว่าหญิงสาวทุกคนต้องมีความสัมพันธ์กับเฉินซี เมื่อนั้นพวกเจ้าจึงจะพอใจ?

“ดูสิ! คนกลุ่มแรกได้มาถึงยอดเขาทะยานสวรรค์แล้ว และพวกเขาก็เริ่มยื้อแย่งป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้กันแล้ว!” นักพรตเต๋าเหวินเสวี่ยนที่อยู่ใกล้เคียงก็กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงก่อนจะมองไปที่ยอดเขาทะยานสวรรค์อย่างพร้อมเพรียงกัน แน่นอนว่าพวกเขาเห็นชิงซิ่วอี้ จ้าวชิงเหอ หวงฝู่จิ่งเทียน เจิ้นหลิวชิง และอีกหลายสิบคนที่ขึ้นไปถึงยอดเขาและเริ่มยื้อแย่งป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้

บนยอดเขาทะยานสวรรค์เป็นน้ำตกที่เกิดจากพลังงานเต๋ารู้แจ้ง ซึ่งมันถูกห้อยอยู่บนท้องฟ้าเหนือยอดเขาสองลี้และไหลลงมาสู่ด้านล่าง และป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้ก็ถูกสร้างขึ้นจากน้ำตกเต๋ารู้แจ้งแห่งนี้

ป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้ก็เป็นดั่งสิ่งที่ใช้พิสูจน์ตัวตน ผู้บ่มเพาะที่ขึ้นไปบนยอดเขาจะต้องต้านทานกระแสน้ำที่หลั่งไหลลงมาจากน้ำตกเต๋ารู้แจ้ง และต้องชิงป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้ให้ได้ เพื่อที่จะมีสิทธิ์เข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งในขั้นต่อไป

แต่สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงเป็นพิเศษคือมันมีป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้เพียงสามพันหกร้อยแผ่นเท่านั้น ดังนั้นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้ จึงกลายเป็นการทดสอบที่สองของการชุมนุมดาวรุ่งไปโดยปริยาย

ซึ่งการทดสอบนี้ก็โหดร้ายถึงขีดสุดเช่นเดียวกัน

เนื่องจากมีผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางรุ่นเยาว์จำนวนมากกว่าห้าหมื่นคนที่ได้เข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ จากการคำนวณตามการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งก่อน จะมีคนไม่เกินสองหมื่นคนที่จะสามารถขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดได้

ซึ่งผู้บ่มเพาะสองหมื่นคนจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้ที่มีเพียงสามพันหกร้อยแผ่น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ใคร ๆ ก็สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่า การต่อสู้เพื่อแย่งชิงป้ายคำสั่งแห่งการต่อสู้นั้นจะรุนแรงเพียงใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]