บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 386

บทที่ 386 วิกลจริต

บทที่ 386 วิกลจริต

หลินโม่เซวียนเสียชีวิตคาที่อย่างอนาถ!

ขณะที่เฉินซีถูกลากเข้าไปด้านในการโจมตีที่รุนแรง และไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร!

ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกใจอย่างมาก พวกเขาพากันกลั้นหายใจอย่างจดจ่อจนแทบลืมหายใจ

อีกด้านหนึ่ง เผยจง เซวี่ยเฉิน หลิวเฟิ่งฉือ และหม่านหงกำลังปิดล้อมฟ่านอวิ๋นหลาน การต่อสู้ที่เป็นไปอย่างดุเดือดเข้มข้นได้ดำเนินมาถึงจุดชะงัก

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนเชื่อไม่ลง เพราะก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครรู้จักตัวตนของฟ่านอวิ๋นหลาน และไม่มีใครรู้เลยว่านางได้ฝึกฝนจนก้าวข้ามไปถึงขอบเขตจุติตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าหมู่ตึกของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตด้วย

ทุกคนมองเพียงว่านางเป็นสหายผู้หนึ่งของเฉินซี และไม่ได้ใส่ใจกับความแข็งแกร่งของนางเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นนางรับมือกับการต่อสู้แบบสี่ต่อหนึ่งได้อย่างไม่เสียเปรียบในตอนนี้และยังสูสีกับพวกเขา ก็ทำให้ฝูงชนตื่นเต้นและประหลาดใจอย่างมากในทันที

“แม้ว่าหลินโม่เซวียนจะตายไปแล้ว แต่สหายผู้นี้ก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน…” หวงฝู่ฉงหมิงมองไปยังเฉินซีที่ถูกกลืนไปในทะเลเพลิง และรายล้อมไปด้วยภาพกำปั้นที่ซ้อนทับกันหลายชั้น การจ้องมองของเขาดูราวกับกำลังจ้องมองคนที่ตายไปแล้ว พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ตายแล้วอย่างไร? ตายก็คือตาย ข้าไม่สนใจเรื่องนั้น สิ่งที่ข้าสนใจมีเพียงสมบัติที่เฉินซีครอบครองเอาไว้ สมบัติอมตะทั้งสามชิ้นนั้น และสมบัติมากมายจากขุมสมบัติเฉียนหยวนเท่านั้น เราจะแบ่งส่วนพวกมันกันอย่างไร?” เซียวหลิงเอ๋อร์พูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

เห็นได้ชัดว่า ในสายตาของคนทั้งสองได้มองว่าเฉินซีผู้ถูกโจมตีเต็มกำลังโดยไม่ทันระวัง จะต้องตายอย่างแน่นอน!

ไม่ใช่แค่พวกเขาสองคน แม้แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็รู้สึกว่าเฉินซีคงไม่อาจรอดแล้ว เพราะการโจมตีที่หวงฝู่ฉงหมิงกับเซียวหลิงเอ๋อร์อัดเข้าใส่ร่างของเฉินซีทางด้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ย่อมยากจะรักษาชีวิตไว้ได้ ดังนั้นเฉินซีจึงไม่นับเป็นข้อยกเว้น

“เฉินซี!” ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด ฟ่านอวิ๋นหลานหันกลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจและพบว่าเฉินซีจมอยู่ในทะเลเพลิงไปแล้ว ดวงตาที่สวยงามของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ขณะที่นางกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ และความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง

น้ำตาที่วาวใสและโปร่งแสงไหลลงมาตามข้างแก้มของนาง

ชายผู้นี้ครอบครองร่างกายของนางและทำให้นางเฝ้าเกลียดชังเขาไม่เว้นวัน ชายผู้นี้ลอบพานางขึ้นไปบนยอดเขาทะยานสวรรค์ และไล่ฆ่าผู้คนด้วยความโกรธเกรี้ยว ชายผู้นี้ที่ไม่สนใจบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้เพียงเพื่อเห็นแก่การต่อสู้เคียงข้างนาง ชายผู้นี้กำลังจะยอมแพ้แล้วทิ้งข้าไว้ และตายไปทั้งอย่างนี้น่ะหรือ?

ไม่!

ฟ่านอวิ๋นหลานตะโกนอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายในใจ นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าถูกแทงด้วยเข็มและตัดด้วยใบมีด ความรู้สึกโกรธที่ไม่อาจอธิบายได้ดุจหินหลอมเหลวที่แผดเผากำลังพวยพุ่งไปทั่วร่างกาย ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ผมสีดำปลิวไสว สีหน้าของนางเย็นชาและว่างเปล่า ราวกับว่าได้สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว

“ตาย!”

“พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย!”

“ข้า ฟ่านอวิ๋นหลาน ขอสาบานต่อสวรรค์ในวันนี้ว่าหากเฉินซีตาย พวกเจ้าและคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าทั้งหมดจะถูกฝังไปพร้อมกับเขา ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว! หากข้าฝ่าฝืนคำปฏิญาณนี้ ขอให้ข้าถูกสวรรค์พิโรธและไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้อีกตลอดกาล!”

เสียงที่เย็นยะเยือกและเกรี้ยวกราดของนางเป็นดั่งสายลมเย็นยะเยือกที่พัดมาจากหลุมน้ำแข็ง ทุกคำที่นางกล่าวเด็ดเดี่ยวยิ่งจนสั่นสะเทือนถึงสวรรค์และปฐพี ฟ่านอวิ๋นหลานในยามนี้ได้ดำดิ่งสู่ความบ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์แล้ว

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจและหวาดกลัว ราวกับว่าพวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเมื่อผู้หญิงคนนี้โกรธ นางจะโหดเหี้ยมและเด็ดเดี่ยวมากขนาดนี้ ความเกลียดชังที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของนางทำให้พวกเขารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว

“ฮึ่ม! เจ้ากำลังจะตายแท้ ๆ แต่กลับยังกล้าโอ้อวดหน้าด้าน ๆ สหายเต๋า ข้าและเซียวหลิงเอ๋อร์จะช่วยพวกเจ้ากำจัดผู้หญิงคนนี้เอง!” หวงฝู่ฉงหมิงตะคอกด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เตรียมจะพุ่งเข้าหาฟ่านอวิ๋นหลาน

ในความคิดของเขา จริงอยู่ที่ความแข็งแกร่งของฟ่านอวิ๋นหลานนั้นแข็งแกร่งอย่างที่พวกเขาคาดไม่ถึง แต่ตราบใดที่พวกเขารวมพลังกันนางก็ไม่มีทางรอดไปได้อย่างแน่นอน ส่วนคำสาบานของนาง ช่างไร้สาระและน่าหัวเราะ มันไม่ได้ต่างอะไรกับเสียงคร่ำครวญของมดตัวจ้อยที่ไม่มีอะไรควรค่าแก่การกล่าวถึง

อย่างไรก็ตาม ในอึดใจต่อมา เขาก็ต้องหยุดเคลื่อนไหวลงอย่างกะทันหัน สายตาของเขาก็มองไปยังที่ไกล ๆ พร้อมกับความตกใจที่ปกคลุมใบหน้าของเขา

เซียวหลิงเอ๋อร์ก็ตกตะลึงเช่นกัน หลังจากที่นางมองตามสายตาของหวงฝู่ฉงหมิงไป จากนั้นใบหน้าของนางก็แข็งทื่อไปในทันที

ในทะเลเพลิงที่โหมกระหน่ำ ร่างกายของเฉินซีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและแทบจะแหลกสลาย จู่ ๆ ก็เริ่มปรากฏเส้นใยถักทอรักษาบาดแผล จนหายสนิทในพริบตา!

ปัง!

คลื่นอากาศอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกไปทุกทิศทุกทางโดยมีเฉินซีเป็นจุดศูนย์กลาง ทุก ๆ ที่ที่มันกวาดผ่านไปล้วนเกิดผลกระทบ ทะเลเพลิงมอดดับ ชั้นอากาศแตกเป็นเสี่ยง ๆ การโจมตีทั้งหมดสลายเป็นผง

“สหายผู้นี้ยังไม่ตาย!”

“เขา… ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่กลับฟื้นตัวได้ในทันที!”

“ทักษะขัดเกลากายาเทพอสูร! นั่นมันกลิ่นอายของปราณจ้าววิญญาณ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าใช้ร่างกายของตัวเองรับการโจมตีเต็มกำลังของหวงฝู่ฉงหมิงและเซียวหลิงเอ๋อร์ กลับกลายเป็นว่าเขาไม่มีอะไรต้องกลัว!”

ขณะที่พวกเขามองไปยังร่างสูงที่ยืนนิ่ง ๆ อยู่กลางอากาศ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า คนที่จะต้องตายอย่างแน่นอน จะฟื้นกลับมาอีกครั้ง ราวกับเขาได้เกิดใหม่!

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่า… ตัวข้า เฉินซี จะมีความสามารถพอ ถึงขั้นที่มีคนมอบคำสาบานแด่ข้าอย่างหนักแน่นเช่นนี้ หากวันนี้ข้าตกตายลงที่นี่ ดวงตาสวรรค์คงจะมืดบอดแล้วจริง ๆ!”

เฉินซีทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าในขณะที่เสื้อผ้าของเขาโบกสะบัด รอยยิ้มสดใสอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ประดับประดาอยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลา เขาจ้องมองไปยังฟ่านอวิ๋นหลานที่อยู่ห่างไกลและกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าเคยกล่าวไปแล้วว่า ตราบใดที่ข้ายังคงอยู่ จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้ ยามนี้เป็นเช่นนั้น และหลังจากนี้ต่อไปก็จะเป็นเช่นนั้นตลอดไป เว้นเสียแต่… ข้าจะตายไปแล้วจริง ๆ!”

เมื่อฟ่านอวิ๋นหลานที่อยู่ห่างไกลออกไปเห็นเฉินซีฟื้นกลับมาอีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์ นางก็รู้สึกตื่นเต้นจนไม่สามารถยับยั้งร่างกายของตนไม่ให้สั่นเทาได้ นางกัดริมฝีปากแน่นขณะที่ดวงตาใสกระจ่างถูกปกคลุมด้วยละอองน้ำ น้ำตายังคงไหลลงมาตามกรอบหน้าของนางเหมือนลูกปัดที่สายขาด แม้จะกลั้นแล้วก็ตามที หากไม่ใช่เพราะตอนนี้ยังคงอยู่ในสนามรบ นางคงจะไม่ต้องการสิ่งใดไปกว่าโผเข้าสู่อ้อมกอดของเฉินซีและร้องไห้ออกมาแล้ว!

“อย่าร้องไห้เลย ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขเอง หลังจากที่ข้าฆ่าคนเหล่านี้แล้ว!” เสียงของเฉินซีอ่อนโยนราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมเอาใจเด็กซุกซน

“แล้วเจ้าจะยังยืนรออยู่เพื่ออะไรอีก?” ฟ่านอวิ๋นหลานรู้สึกสะเทือนใจ แต่นางก็ไม่อาจทนการถูกเฉินซีปลอบประโลมอย่างนุ่มนวลในที่สาธารณะเช่นนี้ได้ ดังนั้นนางจึงจ้องอีกฝ่ายอย่างดุดันด้วยดวงตาแจ่มกระจ่าง แล้วกล่าวเสียงดัง

“ข้าจะกล้าปฏิเสธเจ้าได้อย่างไร?”

เคร้ง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]