บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 396

บทที่ 396 สังเวียนปีศาจสังหาร

บทที่ 396 สังเวียนปีศาจสังหาร

เวลาหนึ่งปีในแผนภาพขุนเขาธารสายไหม แต่เวลาในโลกภายนอกได้ผ่านไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น

สำหรับผู้บ่มเพาะทุกคนที่อยู่ในนครหลวงธารสายไหม เห็นได้ชัดว่าเวลาเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ส่งผลอะไรต่อพวกเขาเลยสักนิด อีกทั้งยังผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับการรับประทานอาหารและทำสมาธิเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น และคงไม่มีใครหมดความอดทนเพราะต้องรอคอยอย่างขมขื่น

ในทางกลับกัน เพื่อที่จะได้รับชมการต่อสู้ของผู้บ่มเพาะทั้งหนึ่งร้อยคนที่จะประลองเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในการชุมนุมดาวรุ่งให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้คนจึงต่างมุ่งครอบครองจุดรับชมที่ดีที่สุดและแหงนหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าอย่างตั้งตารอ

“เจ้าได้ยินมาบ้างหรือไม่? ผู้บ่มเพาะทั้งหนึ่งร้อยอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิซ่งเท่านั้น แม้แต่รางวัลที่ได้รับก็มากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นกัน”

“ถูกต้อง พวกเขาจะได้โอสถกลั่นแรกเริ่มห้าล้านเม็ด สมบัติวิเศษระดับสวรรค์ยี่สิบสี่ชิ้น โอสถทิพย์กำเนิดเต๋าสิบสองเม็ด …และยิ่งไปกว่านั้น หากใครสามารถติดอันดับหนึ่งในสาม ก็จะสามารถเลือกกระบวนยุทธ์์หรือพลังอิทธิฤทธิ์วิชาใดก็ได้ที่อยู่ในขุมสมบัติของราชวงศ์ซ่ง! รางวัลเช่นนี้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปี และมีเพียงจักรพรรดิซ่งที่จะมีปณิธานเช่นนี้! ท่านช่างใจกว้างเสียนี่กระไร!”

“ฮึ่ม! ข้อมูลที่เจ้าได้รับมานั้นมันเก่าไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่าเพื่อการประลองชิงหนึ่งร้อยอันดับแรก จักรพรรดิซ่งกำลังจะเปิดสังเวียนปีศาจสังหาร และเมื่อถึงเวลานั้น ทุกซอกทุกมุมของนครหลวงธารสายไหมจะสามารถรับชมการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน”

“สังเวียนปีศาจสังหารหรือ? ว่ากันว่าจักรพรรดิซ่งเป็นคนสร้างมันขึ้นมา โดยรวบรวมกลิ่นอายจิตสังหารมาจากสนามรบโบราณ และมันก็เป็นสมบัติวิเศษที่น่าอัศจรรย์ ยามใดทำการต่อสู้ในสังเวียนปีศาจสังหาร ก็จะสามารถกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในระดับที่สูงขึ้นได้ อีกทั้งยังส่งผลต่อการขัดเกลาความแข็งแกร่งได้เช่นกัน!”

“จริงหรือ?”

มีเสียงพูดคุยอยู่ทุกหนทุกแห่งของนครหลวงธารสายไหม ทุกคนล้วนสนทนาถึงการประลองเพื่อชิงหนึ่งร้อยอันดับแรกที่กำลังจะเริ่มขึ้น และการสนทนาเกี่ยวกับสังเวียนปีศาจสังหารได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุด

ครืน!

ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมนี้ จักรพรรดิซ่งผู้สวมชุดคลุมสีดำและปล่อยผมประบ่าหลวม ๆ ได้ทะยานขึ้นไปบนฟ้า และมาถึงกลางอากาศเหนือใจกลางนครหลวงธารสายไหมในทันใด

ร่างอันสง่าผ่าเผยของเขา เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เรืองรองออกมามหาศาล ซึ่งส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าและผืนดิน เสมือนกับเขาเป็นดั่งเทพเจ้าที่จุติมายังโลก ทำให้หัวใจของเหล่าผู้บ่มเพาะที่อยู่ในนครหลวงธารสายไหมต้องสั่นสะท้านด้วยความตกตะลึง เสียงอึกทึกในเมืองทั้งหมดได้หายไปทันที และเงียบสนิทจนได้ยินแม้แต่เสียงของเข็มหล่น

เมื่อพวกเขามองไปยังร่างอันสง่าผ่าเผยที่ยืนตระหง่านอยู่กลางเวหา ซึ่งเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่พร่างพราว ทุกคนแสดงความเคารพ อีกทั้งความชื่นชมก็พรั่งพรูออกมาจากหัวใจของพวกเขา

ด้วยการยกมือขึ้น จักรพรรดิซ่งได้โยนสมบัติวิเศษที่ดูเหมือนแท่นหยกออกไป จากนั้นมันก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่กลางอากาศและกลายเป็นแท่นขนาดใหญ่สีดำสนิท

ครืนนน ! ครืนนนน!

แท่นพาดผ่านท้องฟ้าและทำให้มิติต้องสั่นสะเทือน พื้นผิวสีดำสนิทของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่กะดำกะด่าง ขณะปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้และการเข่นฆ่าที่รุนแรงออกมามากมาย ราวกับว่ามีกองทัพที่ทรงพลังกำลังสู้รบอยู่ภายในนั้น ทำให้แม้แต่ท้องฟ้าและผืนดินต้องหม่นหมองลงเพราะการปรากฏตัวของมัน

นี่คือสังเวียนปีศาจสังหาร! สังเวียนที่ลอยอยู่กลางอากาศและกว้างใหญ่ราวกับผืนดิน จะเป็นสนามรบที่ผู้บ่มเพาะทั้งหนึ่งร้อยคนต้องต่อสู้เพื่อชิงอันดับทั้งหนึ่งร้อยของการชุมนุมดาวรุ่ง

ภายในพระราชวังธารสายไหม

หลังจากที่จักรพรรดิซ่งได้จากไป เหล่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีได้เรียกศิษย์ในกองกำลังของพวกเขาให้มาอยู่ที่ข้างกาย

“ฉางเทียน ในการทดสอบครั้งสุดท้ายนี้ เจ้าต้องดึงศักยภาพทั้งหมดออกมาอย่างเต็มที่ และต้องฝ่าฟันเพื่อให้ได้สามอันดับแรก! หากเจ้าสามารถรับเคล็ดวิชาต่อสู้จากขุมสมบัติของราชวงศ์ได้ เจ้าก็จะได้ทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตำหนักจ้าวปัญญาของข้าและตำแหน่งผู้สืบทอดของตำหนักจ้าวปัญญาจะเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน!” ดวงตาของหวงฝู่จิ่งเทียนเบิกโพลง สายตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ร้อนแรงและคลุ้มคลั่ง ในขณะที่เขากล่าวผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็ว “ที่สำคัญ เจ้าอย่าได้ลืมแก้แค้นให้แก่น้องชายของเจ้า หากเจ้าสบโอกาสที่จะฆ่าเฉินซีได้ละก็ อย่าได้ลังเลแม้แต่น้อย!”

หวงฝู่ฉางเทียนสัมผัสได้ถึงความปรารถนาอันร้อนแรงของบิดา เขาก็พยักหน้าและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าได้กังวลไปเลยท่านพ่อ ครั้งนี้ข้าจะทุ่มสุดตัวอย่างแน่นอน และข้าขอสาบานว่าจะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะฆ่าเจ้าเฉินซีให้ได้!”

“ซิ่วอี้ ความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงพอที่จะเอาชนะศัตรูได้ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดันและอย่าได้ลังเลหากใครคิดขวางทาง จงฆ่าพวกมันซะถ้าจำเป็น ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด หากไม่มีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้จะต้องตกเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน!”

“ชิงเหอ ข้าได้ให้แก่นโลหิตของเทพอสูรโบราณแก่เจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องไม่ทำให้ข้าผิดหวัง เข้าใจหรือไม่? ข้าจะไม่ขออะไรอีก แค่เจ้าสามารถคว้าอันดับในสามอันแรกให้ได้ก็พอ และถ้าเจ้าสามารถได้ที่หนึ่งละก็… ฮ่า ๆ ข้าจะให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ และข้าจะไม่คืนคำพูดอย่างแน่นอน!”

“ไอ้เจ้าเด็กตัวเหม็น! จริงจังกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ! การชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้เต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะที่ไม่ธรรมดา มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่มีแนวโน้มในตระกูลโจวของเรา ดังนั้นเจ้าต้องติดหนึ่งในสิบอันดับแรกให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม! เจ้าได้ยินไหม?”

การทดสอบครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น รางวัลของการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ก็มากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเช่นกัน และพวกเขาก็เรียกศิษย์ในนิกายมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะตักเตือนอย่างจริงจัง

เฉินซีถูกเป่ยเหิงเรียกให้มาที่ด้านข้างเช่นกัน พวกเขาพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

เป่ยเหิงไม่ได้วางตัวเหมือนผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ที่กล่าวถึงข้อกำหนดที่เฉินซีต้องได้รับ เพราะอีกฝ่ายเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขาและไม่ได้เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่เมฆาพเนจร ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับเขาที่จะกล่าวอะไร

เขาแค่ให้กำลังใจแก่เฉินซี เพื่อให้อีกฝ่ายได้สงบสติอารมณ์ สามารถทุ่มเทต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอันดับที่ดี และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เฉินซีได้ทำดีที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเสียใจ

เฉินซียิ้มอย่างเป็นธรรมชาติและเห็นด้วยกับเรื่องนี้

“เหล่าสหายเต๋า สังเวียนปีศาจสังหารได้เปิดขึ้นแล้ว จงนำศิษย์ทั้งหมดของพวกเจ้ามาโดยเร็วเถิด” ทันใดนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีอันสูงสุดของจักรพรรดิซ่งก็ดังออกมาจากนอกพระราชวัง

ในที่สุดการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้น!

ขณะนี้ ไม่เพียงแต่หัวใจของเฉินซีและผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ที่สั่นไหว แม้แต่หัวใจของผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี และผู้บ่มเพาะทุกคนในนครหลวงธารสายไหมก็สั่นคลอนเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

ในเวลาไม่นาน ทุกคนก็ได้มารวมกันที่ด้านนอกของสังเวียนปีศาจสังหารแล้ว

“การต่อสู้รอบแรก พวกเจ้าทั้งเก้าสิบหกคนจะต้องจับคู่ต่อสู้ จนกว่าจะเหลือผู้ชนะทั้งสี่สิบแปดคน

และผู้ชนะจะได้เข้าสู่รอบต่อไปของการประลอง ส่วนผู้แพ้จะถูกคัดออก!” จักรพรรดิซ่งยืนเอามือไพล่หลังกวาดสายตาผ่านเฉินซีและผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเสียงฟ้าร้องดังก้องอยู่ในท้องฟ้าและผืนดิน ทำให้ทั้งนครหลวงธารสายไหมสามารถได้ยินคำพูดเขาอย่างชัดเจน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]