บทที่ 409 เฉินซีปะทะจ้าวชิงเหอ
บทที่ 409 เฉินซีปะทะจ้าวชิงเหอ
หนึ่งชั่วยามต่อมา
เฉินซี ชิงซิ่วอี้ และจ้าวชิงเหอ ทยอยตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ พลังชีวิตและเลือดของพวกเขาได้บรรลุสู่สภาวะสูงสุด แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่ภายในของพวกเขาก็เป็นดั่งถังดินปืนที่พร้อมจะระเบิดด้วยประกายไฟเพียงเล็กน้อย!
ศึกที่หนึ่งในรอบสุดท้าย เฉินซีปะทะจ้าวชิงเหอ
“เฉินซี เจ้าระวังตัวด้วย” เจิ้นหลิวชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เฉินซีพยักหน้ารับ ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งออกไปที่สังเวียนสังหารปีศาจ
ในเวลาเดียวกัน จ้าวชิงเหอก็ทะยานออกไปเช่นกัน ทั้งคู่เคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยและแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะนี้ ผู้บ่มเพาะทั้งหมดในนครหลวงธารสายไหมและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่อยู่กลางอากาศ กำลังมองดูชายหนุ่มสองคนนี้ด้วยสายตาที่ร้อนแรง และพวกเขาก็ตั้งตารอการต่อสู้
“ใครจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ?” มหาเสนาบดีถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหมดยังคงนิ่งเงียบ ราวกับว่าพวกเขากำลังไตร่ตรองและชั่งน้ำหนักความแข็งแกร่งของชายหนุ่มทั้งสองคน
หลังจากนั้นไม่นาน แม่ทัพใหญ่ก็กล่าวออกมาช้า ๆ ว่า “ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในระดับที่สูสี และทักษะการบ่มเพาะกายาของพวกเขาก็น่าตกตะลึง หากเปรียบเทียบแล้ว เฉินซีได้บ่มเพาะทั้งการขัดเกลากายาและปราณแท้ ดังนั้นวิธีการของเขาจึงมีมากมาย ส่วนจ้าวชิงเหอได้บ่มเพาะกายาเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจได้เปรียบเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกาย ดังนั้นในตอนท้ายของการต่อสู้ครั้งนี้ มันอาจจะเป็นการต่อสู้โดยใช้ความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาหรือพลังอิทธิฤทธิ์”
มหาเสนาบดีและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ล้วนพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“เขาอยู่ห่างอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น” ดวงตาที่งดงามของฟ่านอวิ๋นหลานจดจ้องไปทางเฉินซี ขณะที่นางตั้งตารออยู่เงียบ ๆ โดยหวังว่าเฉินซีจะสามารถคว้าอันดับหนึ่งและกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์รุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของราชวงศ์ซ่ง!
“พี่ใหญ่เฉินซีจะต้องชนะอย่างแน่นอน!” มู่เหวินเฟยกำหมัดแน่น
“เจ้าต้องชนะ…” เมื่อพวกนางเห็นเฉินซีเข้าสู่รอบสุดท้ายของการประลอง ย่าชิงและหญิงสาวคนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะประหม่า
“ท่านลุง ขอให้ท่านโชคดี!” เฉินอวี่น้อยนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเฟยเหลิ่งชุ่ยผู้เป็นมารดา ในขณะที่เหวี่ยงกำปั้นเล็ก ๆ ของเขาไปรอบ ๆ และร้องออกมาเสียงดัง
ภายในสังเวียนสังหารปีศาจ
เฉินซีและจ้าวชิงเหอยืนเผชิญหน้ากันจากระยะไกล ร่างของเฉินซีนั้นสูงโปร่งและมีท่าทางที่ไม่ธรรมดา ในขณะที่ร่างของจ้าวชิงเหอทั้งกำยำและเย็นชา แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือพวกเขามีสีหน้าที่สงบนิ่งอยู่ในขณะนี้
แต่เบื้องหลังความสงบนี้คือความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ ‘เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้และมุ่งมั่นที่จะชนะ!’
เพื่อให้ได้อันดับที่หนึ่ง พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองมีข้อผิดพลาด และจะไม่มีทางยั้งมืออย่างแน่นอน พวกเขาจะต่อสู้อย่างเต็มที่และทุ่มทุกสิ่งออกไปให้สุด!
“เราได้พบกันอีกครั้ง คนแปลกหน้าที่เดินผ่านข้าไปเมื่อหลายปีก่อน ได้กลายเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ข้าก้าวไปสู่ที่หนึ่ง สรรพสิ่งในโลกนี้ ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ” จ้าวชิงเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างช้า ๆ “แต่ข้าไม่ค่อยกังวลนัก เพราะไม่เพียงแต่เจ้าจะเป็นอุปสรรคของข้า ทว่ายังเป็นหินก้าวแรกให้ข้าเหยียบย่ำเช่นกัน ดังนั้นเจ้าจะแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”
“ตั้งแต่ข้าบ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ ข้าเชื่ออย่างแน่วแน่ในสิ่งหนึ่งเสมอมา คนที่เย่อหยิ่งและจองหองจะไม่มีวันได้ดี เจ้าเองก็เช่นกัน” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “และการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ว่า มุมมองของข้านั้นถูกต้อง และรูปลักษณ์ของเจ้าก็เป็นข้อพิสูจน์อีกขั้น”
“ข้าเย่อหยิ่งหรือ?” จ้าวชิงเหอหัวเราะ “ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้านั้นเย่อหยิ่งและจองหองมากกว่าตัวข้าเสียอีก ไม่ต้องกล่าววาจามากความ จงใช้ทุกสิ่งที่เจ้ามีอยู่ตามสบาย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ มันจะพิสูจน์ว่ามุมมองของเจ้านั้นถูกต้อง ในขณะที่ถ้าข้าเป็นฝ่ายได้ชัย มันจะพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นหินให้ข้าก้าวผ่านในท้ายที่สุด”
“แล้วข้าจะรอดู” เฉินซีตอบอย่างใจเย็น และเบื้องหลังความสงบนี้คือความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ในชัยชนะ!
ครืนนนนน!
ร่างของจ้าวชิงเหอสั่นไหวในทันทีและได้กลายร่างเป็นยักษ์ที่มีความสูงถึงยี่สิบสามจั้ง จากนั้นปราณจ้าววิญญาณของเขาก็พวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยปรากฏแขนทั้งหกข้างและศีรษะทั้งสามอยู่บนร่าง
พลังอิทธิฤทธิ์ ร่างแปลงสวรรค์และอวตารเทพ!
ทว่าเฉินซีกลับไม่มีทีท่าแปลกใจ เนื่องจากพลังอิทธิฤทธิ์เสริมทั้งสองนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นความสามารถที่จำเป็นของผู้ขัดเกลากายา แม้ว่าอวตารเทพจะเป็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่ค่อนข้างหายาก แต่ด้วยตัวตนของจ้าวชิงเหอ เขาย่อมได้รับมันมาอย่างง่ายดาย
จากนั้นร่างของเฉินซีก็สั่นไหว เขาได้กลายเป็นยักษ์ที่สูงถึงยี่สิบสองจั้งที่มีศีรษะทั้งสามและแขนทั้งหกข้างเช่นกัน!
จากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขา ความเชี่ยวชาญในร่างแปลงสวรรค์ของเฉินซีนั้นด้อยกว่าจ้าวชิงเหออย่างเห็นได้ชัด แต่นอกจากร่างแปลงสวรรค์และอวตารเทพแล้ว เขายังมีไพ่ตายอีกใบหนึ่ง ซึ่งก็คือปีกนภาดารกะ!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เฉินซีมีความมั่นใจที่จะเอาชนะจ้าวชิงเหอด้วยความเร็ว นั่นเพราะปีกนภาดารกะได้รับการสืบทอดมาจากปรมาจารย์แห่งเคหาบ่มเพาะ และเป็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งหาได้ยากและอยู่ในจุดสูงสุด
“เฉินซีจะเปลี่ยนวิธีการต่อสู้จริง ๆ หรือ”
“เห็นได้ชัดว่าเขามีความชำนาญอย่างมากในเต๋าแห่งกระบี่ แล้วเหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้? หรือเขาต้องการที่จะเอาชนะจ้าวชิงเหอโดยอาศัยการบ่มเพาะกายา?”
“เจ้านี่ท่าทางจะเสียสติไปแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าการบ่มเพาะกายาของเขาจะทรงพลังยิ่งกว่าการบ่มเพาะปราณ”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างงุนงงเมื่อเห็นเฉินซีกลายร่างเป็นยักษ์สูงยี่สิบสองจั้ง และแม้แต่เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีก็ขมวดคิ้ว เพราะพวกเขารู้สึกว่าเฉินซีค่อนข้างบุ่มบ่ามเกินไป
มีเพียงผู้บ่มเพาะที่เคยเข้าสู่แดนเต๋าแห่งการต่อสู้เท่านั้นที่ไม่รู้สึกเช่นนี้ เพราะในเวลานั้น เฉินซีได้อาศัยทักษะการบ่มเพาะกายาของเขาเพื่อทำลายหวงฝู่ฉางเทียน หลินโม่เซวียนและอัจฉริยะชั้นยอดอีกสี่คนในคราวเดียว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...