บทที่ 414 ทะลวงผ่านอีกครั้ง
บทที่ 414 ทะลวงผ่านอีกครั้ง
เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบขึ้นชื่อว่าเป็นเคล็ดวิชากระบี่ที่บ่มเพาะได้ยากที่สุดในโลก
เคล็ดวิชากระบี่นี้มีเต๋ารู้แจ้งอยู่แปดประเภทและทุก ๆ กระบวนท่าก็มีการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย หนาแน่นราวกับทางช้างเผือก กว้างใหญ่เหมือนทะเลเมฆ และแม้แต่ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่มีความชำนาญในการคาดเดา ก็ยังรู้สึกการคาดเดาการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของมันเป็นเรื่องยาก ยิ่งไปกว่านั้น เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบยังแบ่งออกเป็นแปดระดับ ซึ่งแต่ละระดับนั้นจะยากยิ่งขึ้น และผู้ที่สามารถเรียนรู้พื้นฐานของมันได้ ก็เพียงพอที่จะถูกเรียกว่าอัจฉริยะที่ทำให้โลกต้องตกตะลึง ส่วนผู้ที่สามารถบ่มเพาะจนถึงระดับสูงสุดได้นั้นมีเพียงหนึ่งในล้าน ซึ่งหาได้ยากในรอบหนึ่งพันปี!
แม้แต่ผู้มีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังอย่างจักรพรรดิซ่ง ก็ยังต้องใช้เวลาศึกษามันหลายสิบปี แต่ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกกลางคันและไม่สามารถเชี่ยวชาญได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้เอง ความยากลำบากอันน่าสะพรึงกลัวของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
แต่ในตอนนี้ เฉินซีได้เข้าสู่สภาวะการตระหนักรู้อย่างเฉียบพลันในระหว่างการประลองครั้งสุดท้าย แล้วเขาก็ได้หลอมรวมกระบวนท่าทั้งแปดของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบจนสามารถบรรลุระดับสูงสุด จึงก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในหมู่ผู้ชมทันที
ความซับซ้อนทั้งหมดได้ถูกกำจัด เพื่อหวนคืนสู่ความเรียบง่าย!
เจตจำนงกระบี่ที่สมบูรณ์แบบได้หวนคืนสู่ธรรมชาติ!
แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์เฒ่าทุกคนที่ชมการต่อสู้ก็ยังตกตะลึงจนไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ พวกเขาพากันชื่นชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่ากำลังชื่นชมภาพวาดทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดในโลก และความรู้สึกเห็นใจที่มีต่ออัจฉริยะก็เกิดขึ้นในใจของพวกเขา
“ในทุกยุคสมัยที่รุ่งเรือง ย่อมมีอัจฉริยะที่สามารถสั่นสะเทือนสวรรค์ บดขยี้ทุกคนในรุ่นเพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุด และเฉิดฉายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เด็กคนนี้สมควรได้รับเกียรตินี้!”
“อันที่จริง เขาได้เข้าสู่สภาวะการตระหนักรู้อย่างฉับพลันในการต่อสู้ที่สำคัญเช่นนี้ และได้หลอมรวมกระบวนท่าทั้งหมดของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบให้เป็นการโจมตีในกระบวนท่าเดียว พรสวรรค์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนและหาได้ยากในรอบหนึ่งพันปี ข้าได้ยินมาว่าเด็กคนนี้ยังไม่ได้สังกัดนิกายใด หอหยกนภาของข้ายินดีต้อนรับอัจฉริยะเช่นนี้!”
“ถ้าเด็กคนนี้เต็มใจ เกาะบ่อหยกสวรรค์ของข้าก็เต็มใจรับเขาเป็นศิษย์สายหลัก เขาสามารถเลือกเคล็ดวิชาบ่มเพาะ หรือโอสถทิพย์และสมบัติวิเศษชิ้นใดก็ได้ตามที่ต้องการ และแม้แต่การตั้งให้เขาเป็นรองประมุขนิกายก็ไม่นับเป็นอะไร!”
“นิกายกระบี่สะบั้นนภาของข้า…”
“นิกายแสงจรัสของข้า…”
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคนถูกกระตุ้นด้วยความรักที่มีต่ออัจฉริยะในใจของพวกเขาและต้องการที่จะรับเฉินซีเข้าสู่นิกายของพวกตน และพวกเขายังได้ยื่นข้อเสนอที่ดึงดูดใจต่าง ๆ แม้กระทั่งผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีหลายคนต่างเริ่มโต้เถียงกัน เพื่อแย่งชิงเฉินซีมาเข้านิกายของพวกเขา
ภาพที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวานี้ ทำให้แม้แต่เป่ยเหิงที่อยู่ใกล้เคียงถึงกับตกตะลึง “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าน้องร่วมสาบานของข้าจะโด่งดังขนาดนี้ในพริบตา”
…
เป็นเวลานานมากแล้วที่เฉินซีไม่ได้ประสบกับการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความกดดันและปล่อยให้เขาได้ต่อสู้จนสุดใจปรารถนา แรงกดดันที่ชิงซิ่วอี้นำมาสู่เขาในครั้งนี้ ทำให้ชายหนุ่มสามารถดึงศักยภาพอันมหาศาลที่อยู่ในจิตวิญญาณ จนในที่สุดเขาก็สามารถทะลวงผ่านอุปสรรคสุดท้ายของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบ และสามารถหลอมรวมเพื่อบรรลุไปสู่ระดับสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์
และตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่ายันต์ศัสตราในมือได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ที่เชื่อมโยงเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของเลือดเนื้อ ทุกกระบวนท่าได้ทะลวงผ่านกำแพงที่ขังเขาไว้ ทำให้เข้าใจธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงมากมายของมัน เต๋ารู้แจ้งประเภทต่าง ๆ มาบรรจบรวมกันในการโจมตีของเขา ทำให้อานุภาพของมันเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลายเท่า!
“ที่ใดมีแสงสว่าง ปีศาจ และความชั่วร้ายทั้งหมดจะถูกบดขยี้!” ภายใต้กระบวนท่าของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบของเฉินซีที่บรรลุความสมบูรณ์แบบแล้ว ชิงซิ่วอี้รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก แต่การบ่มเพาะของนางก็พรั่งพรูขึ้นพร้อมกัน จากนั้นหญิงสาวก็ได้ระเบิดศักยภาพที่ไร้ขอบเขตออกมา
อัจฉริยะ!
ไร้เทียมทานและเป็นไปไม่ได้ที่จะบดขยี้ พวกเขาสามารถแข็งแกร่งขึ้นในสถานการณ์ที่เลวร้ายและระเบิดศักยภาพที่หลากหลายออกมามากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นชิงซิ่วอี้ เฉินซี จ้าวชิงเหอ หวงฝู่ฉางเทียน หรือแม้แต่คนอื่น ๆ ก็ล้วนมีศักยภาพดังกล่าว
แต่ข้อแตกต่างระหว่างพวกเขานั้นคือ ศักยภาพของชิงซิ่วอี้มาจากประสบการณ์ของเซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิด ซึ่งก็เท่ากับเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ฟ้าประทาน แต่ศักยภาพของเฉินซีได้รับการขัดเกลาจากการต่อสู้ที่ยากลำบากนับครั้งไม่ถ้วน และเป็นสิ่งที่ส่งเสริมในภายหลัง
ปัง!
ชิงซิ่วอี้ระเบิดพลังออกมาอย่างสมบูรณ์ ทำให้ร่างของนางอาบไปด้วยแสงที่เปล่งประกายเจิดจรัสซึ่งปกคลุมฟ้าดิน แสงที่เปล่งออกมานั้นดูเหมือนวัตถุและก่อตัวเป็นเปลวเพลิงจำนวนมากที่บรรจุพลังงานอันน่าสะพรึงกลัว มันได้แผ่ความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์ที่กว้างใหญ่และลึกลับออกมาอย่างบางเบา ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากต้องก้มกราบและไหว้บูชา
“นี่มันกระบวนท่า ‘แสงบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์’! การสละอายุขัยของตนเองและถวายให้แก่แสงสว่าง เพื่อแลกกับพลังที่แข็งแกร่งกว่าปกติหลายเท่าตัว! เฉินซีบีบบังคับให้นางต้องใช้อายุขัยในการต่อสู้อย่างสิ้นหวัง…” เมื่อพวกเขาจำกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบอันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ ดวงตาของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีต่างก็หดตัวลงในทันที
แสงบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์ เป็นกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเชื่อมโยงกับความลึกล้ำที่เป็นแก่นแท้ของสวรรค์และโลก โดยใช้หัวใจที่บริสุทธิ์และจริงใจ รวมถึงเจตจำนงที่แน่วแน่สูงสุดในการควบแน่นความลึกล้ำของเคล็ดวิชาต่อสู้ ซึ่งได้หลอมรวมเข้ากับปราณวิญญาณของสวรรค์และโลก เพื่อสังเวยและดึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวของแก่นแท้แห่งแสงอันลึกล้ำออกมา!
…ยามที่มันถูกใช้ออกไป ก็จะสามารถควบคุมแสงเพื่อสยบทวยเทพและนำความโกลาหลมาสู่โลกได้!
ฟุ่บ! ลำแสงได้ส่องผ่านท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่เฉินซี แต่เขากลับหลบทัน จากนั้นเปลวไฟก็พุ่งลงมายังสังเวียน ทำให้เกิดหลุมลึกในทันที ซึ่งด้านล่างของสังเวียนนั้นมีค่ายกลยันต์อักขระที่จักรพรรดิซ่งสร้างขึ้นวางเอาไว้ ทว่ามันกลับถูกทำลายในพริบตา!
“ที่แท้มันก็คือเปลวเพลิงบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวขึ้นจากเคล็ดวิชาแสงบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถหลอมละลายและทำลายล้างทุกสิ่ง ว่ากันว่าเมื่อบ่มเพาะจนบรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว มันจะสามารถเรียกวิญญาณแสงที่ก่อตัวขึ้นในธรรมชาติ และยังสามารถทำให้ทะเลเดือด เผาภูเขา และทำลายดวงดาราให้เป็นจุณ”
“แต่ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้บ่มเพาะที่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาแสงบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์จนถึงขั้นสูงสุด ล้วนมีอยู่ในแดนภวังค์ทมิฬเท่านั้น และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะได้พบเจอกับผู้บ่มเพาะเช่นนี้ในผืนแผ่นดินที่เราอยู่”
“นั่นไม่จริงเสมอไป หากยึดตามพรสวรรค์ของนาง บางทีชิงซิ่วอี้อาจจะเป็นผู้บ่มเพาะคนแรกที่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาแสงบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์จนบรรลุถึงขั้นสูงสุดก็ได้”
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีต่างก็กล่าวถึงเคล็ดวิชาแสงบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์ และในเวลาเดียวกัน จักรพรรดิซ่งก็ลงมือเพื่อทำให้สังเวียนมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
บนสังเวียน การต่อสู้นั้นร้อนแรงเสมือนเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ
ทันทีที่ชิงซิ่วอี้ใช้เคล็ดวิชาแสงบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์ เปลวเพลิงก็สาดส่องไปทั่วท้องฟ้าด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้เฉินซีไม่กล้าผลีผลาม ต่อต้านเปลวไฟที่แฝงไปด้วยความรู้สึกสังเวยเหล่านี้ด้วยกำลังทั้งหมด ทำให้แรงกดดันที่มีต่อเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากในทันที
การต่อสู้ครั้งนี้เต็มไปการพลิกผันไม่รู้จบ แม้ว่ามันจะเพิ่งดำเนินไปถึงช่วงหนึ่งถ้วยชา แต่การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงก็ปรากฏขึ้นมากมาย
ฟ่อ! ฟ่อ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...