บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 434

บทที่ 434 พัดสมบัติและประกายเพลิง

บทที่ 434 พัดสมบัติและประกายเพลิง

ทันใดนั้น ซวีเหลิ่งเยี่ยก็หันกลับมาและกวาดสายตามองไปที่เฉินซีอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ที่ข้าไม่ได้สนใจเจ้าก่อนหน้านี้เพราะนายน้อยผู้นี้กำลังอารมณ์ดี และไม่ได้คิดที่จะสังหารใคร ดังนั้นตอนนี้เจ้าจึงกล้าเหยียบจมูกขึ้นหน้า*[1] ฉกเอาสมุนไพรวิญญาณของข้าผู้นี้ไป เจ้าไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเลยหรืออย่างไร ออกไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าทิ้งเสียเดี๋ยวนี้!”

ระหว่างที่พูด เขาก็หยิบสมุนไพรวิญญาณไปโดยไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าซวีเหลิ่งเยี่ยนั้นหยิ่งยโสเพียงใด

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เดิมทีเขาคิดว่าคนที่สามารถเข้าสู่สมรภูมิบรรพกาลได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ระดับแนวหน้าของราชวงศ์ต่าง ๆ ซึ่งควรจะมีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะตั้งใจฉกฉวยสมบัติวิเศษไป ก็ควรเข้าใจความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ให้ชัดเจนก่อนที่จะเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?

แต่ว่าท่าทางเย่อหยิ่งโดยไม่สนใจใครของซวีเหลิ่งเยี่ยคนนี้ อธิบายได้เพียงอย่างเดียวคือ หากสหายผู้นี้ไม่ได้เป็นคนงี่เง่าโดยกำเนิด เช่นนั้นก็คงจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างมาก!

“ยังมัวยืนโง่อยู่ตรงนั้นเพื่ออะไรอีก? ความอดทนของนายน้อยผู้นี้มีจำกัด รีบไสหัวออกไปได้แล้ว หากเจ้ายังกล้าทำให้เรื่องสำคัญต้องล่าช้า แม้ว่าต้องการจะจากไปก็คงไม่ได้แล้ว!” ซวีเหลิ่งเยี่ยตะโกนขึ้นอีกครั้ง และกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกรอบตัวราวกับคลื่นยักษ์ในทันที

หลังจากมาถึงจุดนี้ เฉินซีก็แน่ใจแล้วว่าสหายผู้นี้อาจจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่กลับดูไม่มีสมองเท่าไรนัก เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็ไม่อยากจะคิดเรื่องนี้อีกต่อไป และกล่าวตรง ๆ ว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าสองทางเลือก หนึ่ง ไสหัวไปเองซะ บางทีทางเลือกนี้อาจจะช่วยรักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้ได้ก็ได้ สองคือให้ข้าส่งเจ้าออกไป แต่ไม่แน่ใจหรอกนะว่าเจ้าจะรอดไปได้หรือไม่?”

ซวีเหลิ่งเยี่ยที่ยืนปล่อยให้เสื้อผ้าพลิ้วไสวอย่างภาคภูมิอยู่บนท้องฟ้า มีสีหน้าประหลาดใจและดูตกตะลึงในทันใด จากนั้นเขาก็พูดอย่างลังเลว่า “เจ้า…เจ้าแน่ใจหรือว่ากำลังคุยกับนายน้อยผู้นี้อยู่?”

“ยังมีเวลาอีกสามลมหายใจให้เจ้าได้พิจารณา” เฉินซีเลี่ยงไม่ตอบตรง ๆ

ซวีเหลิ่งเยี่ยไม่ได้โง่ถึงขนาดนั้น เขาจึงสามารถบอกได้ว่าหลังจากสามลมหายใจ หากตนไม่ยอมจากไป ชายหนุ่มคนนี้ที่อยู่ข้างหน้าเขาจะเป็นคนส่งเขาออกไปเอง…

“บัดซบ! เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นกับนายน้อยผู้นี้จริง ๆ หรือ? รนหาที่ตายนัก!” ดวงตาของซวีเหลิ่งเยี่ยลุกเป็นไฟ เขาคำรามเสียงดังจนสามารถสะเทือนภูเขา พื้นดิน และทำให้การไหลเวียนของอากาศในบริเวณโดยรอบเริ่มวุ่นวาย ขณะเดียวกัน สีหน้าของคนผู้นี้ก็นับว่ามืดมนอย่างมาก พร้อมกันกับกลิ่นอายอันน่ากลัวพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง

เขาโกรธมากจริง ๆ เพราะไม่เคยเห็นคนงี่เง่าแบบนี้มาก่อน

ต้องการให้เขาไสหัวไป? มันเป็นบ้าไปแล้วหรือไร?

เขามาจากแคว้นเยว่หลุนและเป็นหนึ่งในยอดฝีมือรุ่นเยาว์ นอกจากนี้ยังเป็นผู้สืบทอดสายตรงของราชวงศ์เยว่หลุนด้วย ดังนั้นการบ่มเพาะของเขาจนถึงตอนนี้ จึงได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ เมื่อไรกันที่มีผู้ใดกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเขา?

ทว่าตอนนี้ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่เพียงแค่ขัดความต้องการของเขา แต่ยังหยิ่งยโสมากกว่าตนด้วย ทั้งยังต้องการให้เขาไสหัวไป ดังนั้นสีหน้าของชายหนุ่มจึงเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะกลายเป็นเพลิงที่ลุกโชนพุ่งไปข้างหน้า!

“นายน้อยผู้นี้จะสั่งสอนเจ้าเองว่าความตายคืออะไร!” เปลวเพลิงเคลื่อนตัวดุจคลื่นที่รุนแรงและน่าตกใจ เมื่อเข้าใกล้ตัวเฉินซีแล้ว หมัดที่ปกคลุมด้วยเปลวเพลิงของเขาก็กระแทกไปที่ศีรษะของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว จนเกิดลมพัดกระโชก ภูเขาและหินในบริเวณโดยรอบต่างก็พากันสั่นสะเทือนก่อนที่จะหลอมละลายและพังทลายลง

ไม่จำเป็นต้องพูดก็ทราบว่า ความแข็งแกร่งของซวีเหลิ่งเยี่ยนั้นแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน เพียงแค่ลมกับเปลวไฟจากหมัดของเขาก็สามารถทลายภูเขาและก้อนหินที่อยู่โดยรอบได้แล้ว ฉะนั้นเขาจะต้องแข็งแกร่งเพียงใดถึงจะทำเรื่องแบบนี้ได้?

เฉินซีก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทีที่พร้อมจะต่อสู้ ผมสีดำของเขาปลิวไปข้างหลัง สายตาราวกับมีสายฟ้าแลบผ่าน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาสงบและเยือกเย็นอย่างที่สุด

ตู้ม!

หมัดของพวกเขาเข้าปะทะกัน เกิดเสียงกึกก้องที่สั่นสะเทือนท้องฟ้าราวกับสายฟ้าฟาด

ทันใดนั้น ซวีเหลิ่งเยี่ยก็เบิกตากว้าง ในขณะที่มือของเขาสั่นเบา ๆ ตัวคนอ้าปากค้าง ในการปะทะกันครั้งนี้เขาพ่ายแพ้แก่หมัดของอีกฝ่ายจริง ๆ และถ้าไม่ใช่เพราะเพิ่มความแข็งแกร่งของกำปั้นในช่วงเวลาสำคัญ เมื่อครู่เขาอาจจะปราชัยไปแล้ว!!

เขาสะบัดมือออกไป แผ่นสีเงินสว่างไสวลอยออกมาและปกคลุมกล้วยไม้สายฟ้าที่อยู่ด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลายจากผลของการต่อสู้เอาไว้

ต่อจากนั้นตัวคนก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง ทันใดนั้นลำแสงเพลิงก็ปรากฏขึ้นจากรูม่านตา และเปลี่ยนเป็นลูกธนูเพลิงสองลูกที่มีความยาวกว่าสิบจั้ง พุ่งออกไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก มันน่ากลัวยิ่งกว่าลูกธนูที่ยิงออกจากคันธนูเสียอีก

การแสดงออกของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่เขาหนีบสองนิ้วเข้าหากันเพื่อสร้างกระบี่ขึ้นมา ปลายนิ้วของเขาโปร่งแสงและปลดปล่อยสายฟ้าที่ลึกล้ำออกมา มันเป็นสายฟ้าที่ฟาดผ่าเป็นวงกว้าง และตรงเข้าหาซวีเหลิ่งเยี่ยในทันที!

แสงเพลิงแผดเผาท้องฟ้าขณะที่สายฟ้าฟาดโหมกระหน่ำ ทำให้ท้องฟ้าและพื้นดินถูกย้อมด้วยแสงที่สว่างจ้าไกลออกไปนับสิบ ๆ ลี้

เฉินซีเคลื่อนตัวไปด้านข้าง ในขณะที่ปอยผมสีดำถูกแสงเพลิงตัดออก มันเฉียดใกล้มาก และหากเฉียงมากกว่านี้อีกเล็กน้อย แสงเพลิงคงทะลุคอของเขาไปแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นคอของเขาคงจะถูกบั่น ทำให้ศีรษะหล่นลงกับพื้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]