บทที่ 435 สมบัติกึ่งอมตะ
บทที่ 435 สมบัติกึ่งอมตะ
พัดเพลิงพุ่งทะยานผ่านท้องฟ้า ก่อนที่จะเผาผลาญพื้นที่ในรัศมีพันลี้ในทันที ดูน่ากลัวเป็นยิ่งนัก
นี่มันเหนือกว่าพลังของสมบัติวิเศษระดับปฐพี หรือเหนือกว่าสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ไปแล้ว ทว่ายังด้อยกว่าสมบัติอมตะอยู่เล็กน้อย และยากจะจินตนาการได้ว่ามันเป็นสมบัติวิเศษประเภทใดกันแน่
‘หรือจะเป็นสมบัติกึ่งอมตะ?’ ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในจิตใจของเฉินซี เขาพลันนึกถึงสมบัติวิเศษประเภทหนึ่งที่มีพลังเหนือกว่าสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ ทว่าด้วยความที่ไม่อาจสร้างดวงจิตของวัตถุโบราณขึ้นมาได้จึงเรียกมันว่าสมบัติกึ่งอมตะ
แม้ว่าชื่อจะไม่น่าประทับใจเหมือนสมบัติอมตะ แต่ก็มีอำนาจสูงส่ง ในราชวงศ์ซ่ง มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่บัญชาลมและเมฆเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองสมบัติกึ่งอมตะได้ ส่วนผู้บ่มเพาะคนอื่นไม่อาจหามาได้
ตัวอย่างเช่นนิกายกระบี่เมฆาพเนจร มีเพียงผู้อาวุโสระดับสูงอย่างเป่ยเหิงเท่านั้นที่มีสมบัติกึ่งอมตะ กระจกดาราแห่งปฐพีที่ห้า และมันยังเป็นสมบัติกึ่งอมตะเพียงหนึ่งเดียวในนิกายกระบี่เมฆาพเนจร ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าสมบัติกึ่งอมตะหายากเพียงใด
“แต่มีเพียงการบ่มเพาะแห่งขอบเขตสถิตกายาหรือเหนือกว่านั้นจึงจะสามารถใช้สมบัติกึ่งอมตะได้ไม่ใช่หรือ?” นี่คือสิ่งที่ทำให้เฉินซีงุนงง เนื่องจากซวีเหลิ่งเยี่ยมีการบ่มเพาะเพียงแค่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์เท่านั้น หากใช้สมบัติกึ่งอมตะจริงก็คงไม่น่าเชื่อ
“เจ้าโง่ ในสมรภูมิบรรพกาล ไม่ว่าสมบัติวิเศษชิ้นใดก็สามารถใช้ได้ภายใต้กฎแห่งเต๋าสวรรค์ทั้งนั้น ไม่ได้ถูกยับยั้งพลังไว้ตั้งนานแล้ว เจ้าไม่รู้กระทั่งเรื่องนี้เรอะ? เช่นนั้นก็ไม่สมควรเป็นคนรับใช้ของนายน้อยผู้นี้ ยอมรับความตายของเจ้าเสียเถอะ!” เมื่อเห็นเฉินซีดูจะตกใจกับการโจมตีของเขา ซวีเหลิ่งเยี่ยก็เชิดคางหัวเราะเยาะ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เชื่องช้า แล้ววาดพัดเพลิงในมือออกไปอีกครั้ง จนเกิดประกายไฟลุกโชนปกคลุมพื้นที่ บดขยี้เฉินซีอย่างดุดัน
‘เป็นเพราะความต่างของกฎแห่งเต๋าสวรรค์หรือ? เช่นนี้ ในมือเจ้านั่นต้องเป็นสมบัติกึ่งอมตะแน่…’ เฉินซีเข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่หัวใจกลับดิ่งวูบ
ในตอนนี้ ไม่มีสมบัติวิเศษใดในความครอบครองของเขาเลยที่จะสามารถต่อกรกับสมบัติกึ่งอมตะได้ แต่เจ้านี่อยู่เพียงขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ถึงจะใช้สมบัติกึ่งอมตะได้ ก็คงไม่อาจดึงกำลังทั้งหมดของมันออกมาได้…
ฟิ้ว!
เฉินซีครุ่นคิดวิธีโต้กลับอย่างรวดเร็ว ครู่ต่อมา เขาก็ใช้ปีกนภาดารกะทะยานไปอีกด้าน หลบเลี่ยงพัดเพลิงนั่นไว้ก่อนจนกว่าเขาจะรู้พลังของมันดีกว่า
โชคดีที่ความเร็วของปีกนภาดารกะนั้นมีมากพอ เขาจึงสามารถหลบออกไปไกลกว่าพันลี้ได้พริบตา แม้ว่าพลังพัดเพลิงของซวีเหลิ่งเยี่ยจะยอดเยี่ยมแค่ไหน ก็ไม่อาจปิดทางหนีเฉินซีได้ และหากต้องการ ชายหนุ่มก็สามารถหนีไปตอนนี้โดยไม่ต้องกลัวอะไรเลย
ครืน!
แสงไฟลุกโชนบนท้องฟ้าทำให้พวกมันย้อมไปด้วยเพลิงสีแดง ราวกับภูเขาไฟปะทุขึ้น เปลวไฟไหลจากทุกทิศทาง พวกเขาสองคน คนหนึ่งโจมตี อีกคนหนึ่งป้องกัน เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในพื้นที่หลายหมื่นลี้ ทำให้พื้นที่การต่อสู้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
“บัดซบ! หากกล้าก็มาสู้กับข้าสิ!” เมื่อเขาเห็นเฉินซีเลี่ยงการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ซวีเหลิ่งเยี่ยก็โกรธจนตะโกนออกมา
ร่างของเขาวูบไหวไปทั่วท้องฟ้าราวกับเทพแห่งเปลวเพลิงที่จุติลงมายังโลก พัดเพลิงในมือกวัดแกว่งหลายครา เกิดคลื่นเปลวไฟขนาดใหญ่ปกคลุมฟ้าดินพุ่งออกมา ราวกับวารีสมุทรเทลงมาจากสวรรค์
ฟิ้ว!
เทียบกับความโกรธเกรี้ยวของซวีเหลิ่งเยี่ยแล้ว เฉินซีกลับมีสีหน้าสงบไร้กังวล ร่างเขาเคลื่อนไหวไปมาเหมือนแสงดาวระยับบนฟากฟ้า ทว่ากลับเกือบหลบการโจมตีไม่พ้น เขาเป็นเหมือนก้อนหินลื่น ๆ ที่ทำให้ซวีเหลิ่งเยี่ยโกรธจนอยากอาละวาดไล่ล่าเขาอย่างบ้าคลั่ง
พวกเขาต่อสู้กันบนฟ้าอย่างไร้สิ่งกีดขวาง ดูโดดเด่นเห็นชัด เนื่องจากพื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงซัดครืน
…
“พัดนกยูงเพลิง!”
“อัจฉริยะรุ่นเยาว์จากแคว้นเยว่หลุนเข้าร่วมสมรภูมิบรรพกาลครั้งนี้ด้วย แต่มีเพียงแค่ซวีเหลิ่งเยี่ยที่มีสมบัติกึ่งอมตะ พัดนกยูงเพลิง ดูเหมือนคนผู้นั้นจะเป็นองค์ชายใหญ่แห่งแคว้นเยว่หลุน ซวีเหลิ่งเยี่ย”
“สมบัติกึ่งอมตะ! สมบัติวิเศษหายากที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเห็นยังต้องอยากได้ ข้าได้ยินมาว่ามีเพียงศิษย์สายหลักของราชวงศ์เท่านั้นที่นำสมบัติกึ่งอมตะมาด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เราต้องหลีกเลี่ยงคนผู้นี้หากอนาคตได้พบกัน”
บนภูเขาห่างไกลยังมีชายหนุ่มสองคนยืนข้างกัน ขณะมองการต่อสู้ระหว่างเฉินซีกับซวีเหลิ่งเยี่ยจากระยะไกล
“ฮึ่ม! หากแข็งแกร่งไม่พอ การมีสมบัติล้ำค่าอย่างสมบัติกึ่งอมตะไปก็มีแต่จะนำภัยมาสู่ตัวและมอบประโยชน์แก่ผู้อื่น” คนพูดคือชายหนุ่มที่เป็นผู้นำ เขามีหน้าตาหล่อเหลาสูงส่ง นัยน์ตาลึกล้ำดั่งดาราบนฟ้า ท่วงท่าสง่างามมั่นคง ยืนเอามือไพล่หลัง ผมสีดำพัดไปตามลม เผยกลิ่นอายกล้าหาญออกมา
“พี่เหวยคง ท่านหมายความว่าซวีเหลิ่งเยี่ยอาจจะแพ้หรือ?” ชายหนุ่มอีกคนดูประหลาดใจ ดวงตาของเขาแคบยาว สีหน้าดูชั่วร้าย นัยน์ตาเป็นประกายแสง ทำให้ดูโหดร้ายยิ่งนัก ด้านหลังคือง้าวสั้นเรืองแสงสีฟ้าห้อยอยู่ ปลดปล่อยกลิ่นอายเยือกเย็นเหี้ยมโหดออกมา
“ไม่ใช่แค่อาจ แต่แพ้แน่นอน” เหวยคงเอ่ยเสียงเรียบ
ขณะพูด ดวงตาก็จ้องมองเฉินซีที่อยู่ในการต่อสู้ไปด้วย “เฉิงเฟิง เจ้าดูสิ คู่ต่อสู้ของซวีเหลิ่งเยี่ยคนนี้ดูเหมือนจะเป็นผู็ชนะอันดับหนึ่งในการชุมนุมดาวรุ่งของราชวงศ์ซ่งที่มีนามว่าเฉินซีใช่หรือไม่”
“เฉินซีหรือ? เฉิงเฟิงหรี่ตาลง จากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “จากข้อมูลที่ได้รับมาจากตำหนักตะวันดำ เด็กคนนี้ต้องเป็นเฉินซีอย่างไม่ต้องสงสัย ในบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของราชวงศ์ต่าง ๆ ที่เข้าสมรภูมิบรรพกาลในครั้งนี้ มีเพียงสหายผู้นี้เท่านั้นที่บ่มเพาะเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบจนถึงขั้นที่รวมกระบวนท่าทั้งแปดเป็นหนึ่งเดียวได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...