บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 457

บทที่ 457 สมบัติที่เหลือทิ้งโดยทวยเทพ

บทที่ 457 สมบัติที่เหลือทิ้งโดยทวยเทพ

เกาะสมบัติที่ร่วงหล่น เป็นเหมือนกับทวีปที่กว้างใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งลอยอยู่เหนือทะเลบรรพกาล

นับตั้งแต่การต่อสู้ของทวยเทพในสมัยโบราณจนกระทั่งปัจจุบัน

ในทุก ๆ หนึ่งร้อยปีจะมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากราชวงศ์ต่าง ๆ ที่เข้าสู่สมรภูมิบรรพกาล ซึ่งเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นก็เป็นที่รู้จักของทุกคน หลายคนมาที่นี่เพื่อค้นหาสมบัติที่ทรงพลังและลึกลับที่ทวยเทพเหลือทิ้งไว้

เมื่อเฉินซีเข้าไปในซากปรักหักพังของเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น มีผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาก่อนเขานานแล้ว ซึ่งอีกนัยหนึ่ง ย่อมหมายความว่าพวกเขาไม่ใช่กลุ่มแรกที่เข้ามาในซากปรักหักพัง

ซากปรักหักพังนั้นกว้างใหญ่ไพศาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งส่องประกายด้วยอีกาสีทองที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าและถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกบาง ๆ ทำให้ทั่วทั้งฟ้าดินถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ทุกสิ่งรอบข้างก็ดูมืดมัวและไม่ชัดเจน

พื้นดินที่นี่เป็นสีแดงเข้มราวกับอาบด้วยเลือดสด สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยเศษหินและซากปรักหักพังเก่าแก่ที่แสดงถึงความโหดร้ายและไร้ปรานีของกาลเวลา

ฟิ้ว!

ทันใดนั้น ประกายแสงสมบัติก็พุ่งออกมาจากซากปรักหักพังราวกับเสาเพลิงที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ทุกคนตกใจกับประกายแสงสมบัติที่พุ่งมายังด้านหน้าของพวกเขา

“สมบัติที่เหล่าทวยเทพทิ้งไว้ ไล่ตามพวกมันไปเร็วเข้า!” อัจฉริยะกลุ่มใหญ่ร้องออกมา ก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและไล่ตามลำแสงนั้นไป สมบัติเช่นนี้มีสติปัญญาตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว และถ้าพวกเขาสามารถครอบครองพวกมันได้ ก็จะคุ้มค่ากับโชคลาภอย่างแน่นอน

“ที่นี่มีสมบัติมากมายจริง ๆ” เฉินซีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และเห็นว่า ลำแสงที่ลุกเป็นไฟนั้นคือเศษทองสัมฤทธิ์ที่เสียหายและมีสนิมอยู่เป็นจุด ๆ แต่เนื่องจากมันสามารถคงสภาพเดิมได้หลังจากผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานและมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง จึงถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า

แต่เขาก็รู้สึกสงสัย “หรือว่าสมบัติทั้งหมดที่ถูกทิ้งไว้หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ของเหล่าทวยเทพ จะถูกซ่อนอยู่ในซากปรักหักพังเหล่านี้?”

“สมบัติเหล่านี้เฉลียวฉลาดเป็นอย่างมากและจะไม่ซ่อนตัวอยู่ในที่เดียวกัน พวกมันกระจายไปทั่วซากปรักหักพังที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต เราสามารถพบพวกมันได้ทุกหนทุกแห่งในซากปรักหักพังเหล่านี้”

เผยอวี่ซึ่งอยู่ข้างหน้าหันกลับมาและกล่าวว่า “แต่การได้รับสมบัติที่ทวยเทพเหลือทิ้งไว้สักชิ้นนั้นก็เป็นเรื่องยาก และต้องใช้คนจำนวนมากทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ ดังนั้นข้าขอแนะนำให้ทุกคนร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อค้นหาและปราบสมบัติ สมบัติที่ได้มาจะถูกแบ่งปันทุกชิ้น ซึ่งข้ารับประกันได้ว่ามันจะยุติธรรมต่อพวกเราทุกคน พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรบ้าง?”

“องค์รัชทายาทกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าจะฟังคำพูดของท่านทุกอย่าง” ชุยซิวหงเป็นคนแรกที่แสดงทัศนคติของเขาอย่างชัดเจน ซึ่งไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเว่ยมู่อวิ๋นและเหลิ่งเชี่ยนชิวเลย

หวงฝู่ฉิงอิงกับนายน้อยโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองไปยังเฉินซี เป็นเชิงว่าต้องการความคิดเห็นของเขา

เมื่อเผยอวี่เห็นสิ่งนี้ ร่องรอยความเกลียดชังก็ฉายขึ้นในแววตาของเขา ทว่าเพียงชั่วครู่ แววตาก็จะกลับมาเป็นปกติ จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมกับกล่าวว่า “พี่เฉิน ท่านคิดเห็นเช่นไรหรือ?”

เฉินซีพยักหน้าและกล่าวว่า “แน่นอน แต่พี่เผย ท่านช่วยเจาะจงเกี่ยวกับการแบ่งสมบัติมากกว่านี้ได้หรือไม่?”

“ฮึ่ม! ด้วยตัวตนขององค์รัชทายาท พระองค์จะใช้ประโยชน์จากเจ้าได้อย่างไร? เจ้าไม่ประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยหรือ?” ชุยซิวหงหัวเราะเยาะเย้ย

แต่ชายหนุ่มกลับมองไปที่เผยอวี่ และไม่สนใจชุยซิวหงเลยสักนิด “คนผู้นี้มีจิตใจชั่วร้ายและมุ่งร้าย อีกทั้งยังชอบสร้างความขัดแย้งระหว่างผู้คน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องโต้เถียงกับเขา”

“แล้วเช่นนี้ล่ะ? เราจะค้นหาสมบัติไปด้วยกัน ส่วนใครจะยึดหรือได้มานั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง และแน่นอนว่าเงื่อนไขเบื้องต้นนั้นคือเราห้ามสู้กัน เช่นนี้พี่เฉินคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” เผยอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวออกมา

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวว่า “นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

“ฮ่า ๆ ดี ตราบใดที่ร่วมมือกัน เราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับสมบัติ” เผยอวี่หัวเราะอย่างเต็มที่ในขณะที่กล่าว และเขาดูจะมีความสุข แต่สิ่งที่คิดอยู่ในใจนั้นไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

กลุ่มของพวกเขามุ่งตรงไปยังภายในซากปรักหักพังทันที

“เฉินซี ถ้าเป็นไปตามความคิดของเผยอวี่ ดูเหมือนว่าเราจะเสียเปรียบเล็กน้อย เผยอวี่นั้นครอบครองสมบัติกึ่งอมตะอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับการช่วยเหลือจากพวกชุยซิวหง ในขณะที่พวกเรามีเพียงสามคนเท่านั้น เมื่อเราเริ่มแข่งขันกันเพื่อชิงสมบัติ พวกเขาจะได้เปรียบเล็กน้อย” ในระหว่างทาง นายน้อยโจวลอบกล่าวผ่านกระแสปราณ

“ใช่แล้ว ข้อตกลงนี้เราเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด” หวงฝู่ฉิงอิงกล่าวออกมาเช่นกัน

“ไม่มีอะไรต้องน่ากังวล ก็แค่การแย่งชิงสมบัติเท่านั้น จำนวนไม่ใช่สิ่งสำคัญ” เฉินซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าได้กังวล ในเมื่อข้ากล้าตกลงตามคำแนะนำของเขา ข้าจะไม่ยอมให้เราต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี” เมื่อเห็นว่าเฉินซีดูจะไตร่ตรองทุกสิ่งอย่างละเอียดแล้ว นายน้อยโจวและหวงฝู่ฉิงอิงก็รู้สึกสบายใจ

เผยอวี่ซึ่งอยู่ในอีกด้านหนึ่งกำลังสั่งอีกสามคนผ่านกระแสปราณเช่นกัน “ตราบใดที่เราพบสมบัติ เจ้าทั้งสามต้องรั้งพวกมันเอาไว้ แล้วปล่อยให้ที่เหลือเป็นหน้าที่ของข้าเอง แน่นอนว่าเจ้าเฉินซีนั่นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นอย่าได้ฝืนตัวเองหากพวกเจ้าไม่สามารถหยุดมันได้ แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”

ขณะที่กล่าว ความเย็นชาก็อดไม่ได้ที่จะระบายออกที่ริมฝีปากของเขา จากนั้นจึงกล่าวด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า “บางทีเฉินซีคนนี้อาจคาดเดาเจตนาของข้าได้ แต่เขากลับคาดเดาเรื่องนี้ผิด แท้จริงแล้วข้าไม่มีสมบัติกึ่งอมตะเลยแม้แต่ชิ้นเดียว…”

ดวงตาของชุยซิวหงเป็นประกายในขณะที่เอ่ยถาม “องค์รัชทายาท แล้วในขณะที่แย่งชิงสมบัติ แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

“หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะฆ่ามันซะ!” เผยอวี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวและไม่ลังเล “ความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กคนนี้เกินความคาดหมายของข้าไปแล้ว และถ้าเขาใช้งานมันไม่ได้ ข้าก็ควรกำจัดมันโดยเร็วที่สุด เพื่อยุติปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

ชุยซิวหงรู้สึกตื่นเต้นและยินดีในใจเป็นอย่างมาก

“แน่นอน พี่ชุย เจ้าควรรู้จุดยืนของตัวเอง หากเจ้าทำให้แผนการสังหารเฉินซีล้มเหลว อย่าได้โทษข้าที่ไร้ความปรานี!” เผยอวี่มองไปยังชุยซิวหงและกล่าวอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขาเต็มไปการคุกคาม

“องค์รัชทายาทอย่าได้กังวล ข้าจะไม่ทำลายแผนการของพระองค์อย่างแน่นอน” หัวใจของชุยซิวหงกระตุกวูบและเผยรอยยิ้มเล็กน้อย

ซากปรักหักพังบนเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นนั้นกว้างใหญ่และไร้ขอบเขตเป็นอย่างมาก มันทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้ใคร ๆ ต่างก็สงสัยว่านี่ไม่ใช่เกาะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]