บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 463

บทที่ 463 รายล้อมด้วยศัตรูมากมาย

บทที่ 463 รายล้อมด้วยศัตรูมากมาย

ฟู่!

เมื่อสัมผัสกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากเฉินซี คนทั้งสามก็อ้าปากค้างพร้อมกับจ้องมองกันและกันในทันที และเพราะไม่กล้าล่วงเกินอีกฝ่าย พวกเขาจึงรีบกล่าวว่า “ดินแดนเร้นลับอยู่ภายในซากปรักหักพัง ซึ่งจะสามารถสังเกตเห็นมันได้อย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น”

“ที่แท้มันก็อยู่ภายในซากปรักหักพังนี่เอง…” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง จากนั้นเขาก็ผ่อนแรงกดดันที่ปล่อยออกมาอย่างไม่ตั้งใจก่อนจะหันหลังกลับและจากไป

“สหายเต๋าเจ้ามาจากราชวงศ์ระดับสูงใช่หรือไม่” พวกเขาทั้งสามเอ่ยถามอย่างเร่งรีบเมื่อเห็นชายหนุ่มจะจากไปอย่างง่ายดาย เนื่องจากพวกเขาตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า หากสามารถดึงเฉินซีมาอยู่ฝ่ายเดียวกันได้ บางทีโอกาสในการคว้าผนึกยันต์เพื่อเข้าสู่ดินแดนเร้นลับของพวกเขาก็จะยิ่งมากขึ้น

“ราชวงศ์ระดับสูง? หากราชวงศ์ซ่งเป็นราชวงศ์ระดับสูงแล้วละก็ คงไม่มีศัตรูมากมายที่กล้าหาเรื่องพวกข้า” ร่างของเฉินซีหยุดชั่วขณะ และกล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะ จากนั้นจึงกลายเป็นลำแสงที่ทะยานหายลับไปในขอบฟ้าอันไกลโพ้นทันที เหลือทิ้งไว้เพียงผู้บ่มเพาะทั้งสามคนเท่านั้น

“คนผู้นี้มาจากราชวงศ์ซ่งจริง ๆ หรือ? มีผู้แข็งแกร่งเช่นเขาปรากฏขึ้นในราชวงศ์ซ่งตั้งแต่เมื่อใดกัน?” คนทั้งสามอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำขณะมองไปยังร่างของเฉินซีที่หายลับไปในขอบฟ้า

หนึ่งในพวกเขาขมวดคิ้วและดูจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จากนั้นรูม่านตาก็หดลง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจว่า “เขาคือเฉินซี! ครั้งหนึ่งเขาเคยเอาชนะผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะทั้งสี่คนของราชวงศ์อื่นด้วยตัวเองที่ด้านนอกประตูขุนเขาซึ่งมุ่งสู่ซากปรักหักพัง!”

อีกสองคนก็แสดงสีหน้าตกใจเช่นกัน และดูเหมือนว่าพวกเขาจะจำตัวตนของเฉินซีได้ ทำให้ใบหน้าของพวกเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปมาและกลายเป็นซับซ้อนขึ้น

“หรือว่าเขาจะไปช่วยคนโชคร้ายทั้งสอง? แต่การช่วยเหลือพวกเขานั้นก็ไม่ง่ายเลย ในเมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะของราชวงศ์ต่าง ๆ กำลังจ้องมองพวกเขาด้วยความละโมบ”

ฟุ่บ!

ร่างที่เกือบโปร่งแสงทะยานอยู่บนท้องฟ้า และด้วยการเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้ง มันก็พุ่งออกไปเป็นระยะทางหลายพันลี้ อีกทั้งความเร็วของมันก็ไม่มีใครเทียบได้

‘ซากปรักหักพังที่เรียกว่าเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น มีสมบัติมากมายของทวยเทพโบราณที่ล้มตายระหว่างการต่อสู้ถูกฝังไว้ที่นี่ เหตุใดดินแดนเร้นลับถึงปรากฏขึ้นที่นี่ได้? องค์หญิงน้อยกับนายน้อยโจวโชคดีจริง ๆ ที่ได้รับผนึกยันต์เพื่อเข้าสู่ดินแดนเร้นลับ…’ เฉินซีเหาะเหินด้วยความเร็วสูงสุดในขณะที่ครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็ว

ดินแดนเร้นลับคือ มิติอิสระที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ทรงอำนาจ ซึ่งอาจมีมรดกของผู้ทรงอำนาจหรือหรือโอสถวิญญาณและสมบัติวิเศษต่าง ๆ ถึงแม้ว่าดินแดนเร้นลับแต่ละแห่งจะแตกต่างกัน แต่พวกมันล้วนเป็นสถานที่ล้ำค่าที่หายาก

เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว สมบัติที่ผู้ทรงอำนาจทิ้งเอาไว้ที่สามารถเปิดมิติอิสระได้ จะเป็นสมบัติธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร?

กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ผนึกยันต์คือกุญแจสำคัญในการเปิดดินแดนเร้นลับ

หากไม่มีมันแล้วละก็ ถึงแม้ใครจะรู้ว่ามีดินแดนเร้นลับอยู่ในบริเวณนี้ แต่คงจะไม่สามารถเข้าไปได้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าผนึกยันต์มีความสำคัญเพียงใด

เฉินซีเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่า หากดินแดนเร้นลับแห่งนี้มีอยู่จริง มันจะต้องน่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน เพราะเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นเป็นสถานที่ฝังสมบัติจำนวนมากของทวยเทพที่ล้มตาย ซึ่งดูจะมีเพียงทวยเทพในสมัยโบราณที่ทรงอำนาจเท่านั้นที่พอจะสามารถเปิดดินแดนเร้นลับในที่แห่งนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความล้ำค่าอันน่าอัศจรรย์ หากผนึกยันต์ตกอยู่ในมือของผู้เยี่ยมยุทธ์บางคนที่มีพลังสยบอันยอดเยี่ยม สถานการณ์ก็คงดีกว่านี้ เพราะถึงแม้คนอื่นจะไม่ยินยอม แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผนึกยันต์ได้ตกอยู่ในมือของหวงฝู่ฉิงอิงและนายน้อยโจว ซึ่งก็เหมือนกับคนธรรมดาที่มีอัญมณีล้ำค่า จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กระตุ้นความโลภของผู้อื่น

ยิ่งไปกว่านั้น ผนึกยันต์อาจไม่ส่งเสริมประโยชน์อันมหาศาลให้แก่พวกเขา แต่อาจนำหายนะมาสู่พวกเขาเสียด้วยซ้ำ

ซึ่งเป็นดั่งคำกล่าวที่ว่า ความร่ำรวยทำให้ผู้บริสุทธิ์เดือดร้อน หากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ แม้ว่าโชคลาภจะตกลงมาจากสวรรค์ มันก็จะกลายเป็นหายนะภายในพริบตา

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ในสายตาของผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ทั้งหลาย หวงฝู่ฉิงอิงกับนายน้อยโจวมาจากราชวงศ์ระดับกลางเช่นราชวงศ์ซ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คู่ควรที่จะครอบครองผนึกยันต์อย่างยิ่ง จึงมีทางเลือกเพียงแค่สองทางสำหรับคนทั้งสองคือ ส่งมอบผนึกยันต์หรือ… มอบชีวิตของพวกเขาไป

“บางทีหลังจากได้เห็นผนึกยันต์ เผยอวี่และคนอื่น ๆ อาจจะไม่สามารถยับยั้งตัวเองจากการบีบบังคับหวงฝู่ฉิงอิงและนายน้อยโจวเพื่อมอบมันให้แก่พวกเขาใช่หรือไม่??” เฉินซีพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังระยะไกล

ภูเขาขนาดมหึมาที่เจาะเข้าไปในก้อนเมฆได้ตั้งตระหง่านอยู่ที่ปลายสายตา เทือกเขาพาดผ่านผืนดินไกลสุดลูกหูลูกตา ประหนึ่งกำแพงธรรมชาติที่ขวางหน้าเขาไว้

นี่คือพื้นที่ภายในซากปรักหักพัง

เนื่องจากท้องฟ้าเหนือภูเขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังกึกก้องอยู่ในพายุที่โหมกระหน่ำอยู่ในบริเวณนั้น มันดูเหมือนกับปากที่เปื้อนเลือด ซึ่งทำให้ใจของผู้คนสั่นสะท้านและไม่กล้าที่จะเข้าใกล้

“นี่ข้ามาถึงหรือยัง?” เฉินซีกวาดสายตามองไปยังระยะไกล และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงเล็กน้อย

ในขณะนี้ ได้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นที่เบื้องหน้าของเทือกเขาขนาดมหึมาที่ทอดยาวออกไป อีกทั้งยังมีร่างจำนวนมากยืนอยู่บนพื้นดินว่างเปล่าที่อยู่เบื้องหน้าภูเขาขนาดมหึมา ซึ่งมีเสียงโห่ร้องประกอบเข้าด้วยกันและกระจายออกไปโดยรอบ

ยิ่งกว่านั้น สายตาของทุกคนแทบจะรวมกันอยู่ที่จุดเดียว ซึ่งก็คือใจกลางของพื้นที่ว่างเปล่าซึ่งมีห้องโถงโบราณตั้งอยู่ ห้องโถงถูกสร้างขึ้นจากหินขนาดมหึมาและอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับซากปรักหักพังที่อยู่ด้านหน้า ดูมันจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์กว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]