บทที่ 462 ดินแดนเร้นลับอุบัติขึ้น
บทที่ 462 ดินแดนเร้นลับอุบัติขึ้น
ฟิ้ว!
ที่ใจกลางของแม่น้ำกระดูกอันเชี่ยวกราก มีร่างสูงใหญ่ได้ทะยานออกมา ในขณะที่เสื้อผ้าปลิวไสวไปตามสายลม ซึ่งร่างนั้นก็คือเฉินซี
ก่อนหน้านี้เขาได้ศึกษาหม้อกลั่นเป็นเวลาครึ่งวัน แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ใด ๆ เขาจึงทำได้เพียงใช้มันเป็นเครื่องประดับและแขวนไว้ที่หน้าอกของตนแทน
“ข้าได้ยินมาว่ามีสมบัติมากมายภายในซากปรักหักพัง ซึ่งผู้เยี่ยมยุทธ์ส่วนใหญ่ที่ได้เข้ามาในซากปรักหักพังก็มุ่งหน้าไปที่นั่นแล้ว บางทีข้าอาจจะหาร่องรอยขององค์หญิงน้อยและนายน้อยโจวที่นั่นได้” เฉินซีมองไปรอบ ๆ และครุ่นคิดสั้น ๆ จากนั้นจึงแยกแยะทิศทางและทะยานเข้าไปในซากปรักหักพัง
หลังจากเผชิญกับการซุ่มโจมตีในช่วงสองสามที่ผ่านมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าราชวงศ์ซ่งนั้นมีศัตรูอยู่มากมาย ยิ่งไปกว่านั้น จนกระทั่งถึงวันนี้ เขายังไม่เคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับหวงฝู่ฉิงอิงกับนายน้อยโจวเลย จึงทำให้ใจของชายหนุ่มรู้สึกหนักอึ้งเพราะกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับคนทั้งสอง
ไม่กี่วันต่อมา เฉินซีได้มาถึงด้านในของภูเขากลุ่มหนึ่ง ตลอดทางที่ผ่านมานี้ เขาได้พบกับสมบัติมากกว่าสิบชิ้นที่เหล่าทวยเทพทิ้งไว้ บางส่วนบินออกมาจากซากปรักหักพัง บางส่วนสั่นไหวอยู่ในชั้นเมฆ และบางส่วนก็พุ่งออกมาจากใต้ผืนดิน สมบัติทุกชิ้นเหล่านั้นต่างเปล่งแสงสมบัติและทำให้แววตาของผู้คนเป็นประกายด้วยความโลภ
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถปราบพวกมันได้ ทำให้อดไม่ได้ที่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่มีบางอย่างที่ทำให้เขาแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่า สมบัติเหล่านี้ไม่ได้ลึกลับหรือน่าสะพรึงกลัวเท่าหม้อกลั่นใบนั้น
สถานที่แห่งนี้เป็นกลุ่มภูเขาแห้งแล้งที่ถูกปกคลุมด้วยหินรูปร่างแปลกประหลาด ซึ่งเป็นฉากที่สวยงามและตระการตาเป็นพิเศษ
ตลอดทางที่มายังที่แห่งนี้ เฉินซีไม่พบกับใครเลย และดูเหมือนว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนที่เข้ามาในซากปรักหักพังอันกว้างใหญ่ได้หายไปหมดแล้ว ทำให้มันดูรกร้างเปล่าเปลี่ยวเป็นอย่างยิ่ง
“หรือว่าทุกคนได้เข้าไปยังซากปรักหักพังแล้ว?” เฉินซีหยุดและมองไปในระยะไกล พร้อมกับรู้สึกสับสนในใจ ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็หรี่ลง เนื่องจากมีศพอยู่ที่ด้านข้างของยอดเขาซึ่งอยู่ตรงกลาง!
ฟึ่บ!
ในเวลาต่อมา เฉินซีได้มาถึงด้านข้างของศพแล้ว
ศพร่างนี้มีสีทองเข้มและนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น พื้นดินบริเวณรอบ ๆ ศพนั้นเป็นสีดำไหม้เกรียม อีกทั้งยังเผยให้เห็นร่องรอยของพลังงานสายฟ้าอย่างบางเบา ซึ่งทำให้ใจต้องสั่นสะท้าน
“คนผู้นี้คงจะเพิ่งล้มเหลวในพิชิตทัณฑ์สวรรค์เพื่อบรรลุสู่ขอบเขตจุติ …ดูเหมือนว่าทัณฑ์สวรรค์จะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ทำให้ร่างกายและวิญญาณของเขาถูกแผดเผา แม้แต่กระดูกของเขาก็เกือบถูกเปลวเพลิงแห่งทัณฑ์สวรรค์เผาไหม้จนแทบสูญสิ้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าสลดใจจริง ๆ” เฉินซีประเมินอยู่ครู่หนึ่งและคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จากนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ในยามที่บรรลุสู่ขอบเขตจุติ เปลวเพลิงแห่งทัณฑ์จุติจะเกิดขึ้นในร่างกายและจิตใจของผู้บ่มเพาะ ในขณะที่เต๋าแห่งสวรรค์จะฟาดลงมาด้วยสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ ทัณฑ์ทั้งสองจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ดังนั้นคนธรรมดาจึงแทบจะไม่สามารถพิชิตมันได้
แต่สิ่งที่ทำให้เฉินซีต้องงุนงงก็คือ ผู้บ่มเพาะทุกคนที่เข้าสู่สมรภูมิบรรพกาลในครั้งนี้ ล้วนเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ชั้นยอดของราชวงศ์ต่าง ๆ ซึ่งมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสามารถบรรลุเข้าสู่ขอบเขตจุติ ยิ่งไปกว่านั้น ศพที่อยู่ตรงหน้าเขาอาจเป็นหนึ่งในศิษย์ของราชวงศ์เหล่านี้ ดังนั้นผู้บ่มเพาะคนนี้จะไม่สามารถพิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างไร?
เฉินซีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และตระหนักได้ทันทีว่า ก้อนหินกับพื้นผิวของภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงล้วนเต็มไปด้วยรูและรอยกะดำกะด่าง เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่ก่อนหน้านี้ ศพร่างนี้คงถูกใครบางคนโจมตีในขณะที่กำลังพิชิตทัณฑ์สวรรค์อยู่ มันคือสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายล้มเหลวนั่นเอง
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาที่ปลอดภัยเมื่อพิชิตทัณฑ์สวรรค์ มิฉะนั้น จุดจบของข้าก็จะเป็นเช่นเขา…” เฉินซีถอนหายใจเบา ๆ และกำลังจะจากไป แต่ดวงตาของเขาพลันหรี่ลง จากนั้นชายหนุ่มก็มองไปที่หินก้อนหนึ่งในระยะไกลอย่างเย็นชา “สหาย การปกปิดตัวตนนั้นไม่ควรกระมัง”
“เฉินซีแห่งราชวงศ์ซ่ง ไม่ใช่คนที่อัจฉริยะทั่วไปจะเทียบได้จริง ๆ”
พร้อมกับเสียงแหบแห้ง ชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าสีดำเดินออกมาจากหลังก้อนหินด้วยฝีเท้าที่มั่นคง ชายหนุ่มคนนี้ดูค่อนข้างผอมแห้ง โดยเฉพาะใบหน้าที่ดูซีดเซียวของเขาพร้อมกับเบ้าตาลึก และมีร่องรอยสีขาวแปลก ๆ อยู่ในรูม่านตาของคนผู้นี้ ทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดและสยดสยองราวกับได้พบภูตผีวิญญาณร้ายที่หนาแน่น
“เจ้าเป็นใคร?”
เฉินซีกล่าวอย่างสงบนิ่ง แต่เขากลับรู้สึกวิตกอยู่ในใจ เพราะคนผู้นี้ได้บรรลุเข้าสู่ขอบเขตจุติแล้ว ทั้งพลังชีวิตและเลือดในร่างของเขาก็ควบแน่นและรุนแรง จึงทำให้เฉินซีสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย
“โชคของเจ้านั้นไม่เลวเลย เจ้าได้พัดนกยูงเพลิงจากซวีเหลิ่งเยี่ยแห่งแคว้นเยว่หลุน ถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติกึ่งอมตะชิ้นนั้น คลั่งกระบี่น้อย ไท่ชูฮวาหรงคงไม่ตายง่าย ๆ ด้วยน้ำมือของเจ้า” ชายหนุ่มรูปร่างผอมแห้งที่สวมชุดสีดำเลี่ยงคำถาม และเปิดโปงเรื่องที่เฉินซีใช้พัดนกยูงเพลิงฆ่าคลั่งกระบี่น้อยโดยตรง
“ว่าอะไรนะ? เจ้าก็สนใจพัดนกยูงเพลิงด้วยหรือ” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลงขณะที่ปราณแท้ภายในร่างเริ่มโคจรอย่างเงียบ ๆ
“ถ้าตอบว่าใช่ เจ้าจะต่อต้านข้าทันทีหรือไม่?” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง เมื่อประกอบกับท่าทางอันน่ากลัวนั่น มันก็ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องระมัดระวัง
เมื่อล่วงรู้ความคิดของคนผู้นี้ เขาเพียงยิ้มออกมาและไม่ได้แสดงความคิดเห็น เพราะแม้ว่าจะไม่รู้ที่มาของชายหนุ่มชุดดำคนนี้ แต่หากคิดแย่งชิงสมบัติที่อยู่ในการครอบครองของเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“เจ้าอย่าได้กังวล แม้ว่าพัดนกยูงเพลิงจะไม่เลวในสายตาของข้า แต่มันก็ไม่ใช่สมบัติประเภทที่ข้าต้องการ” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...