บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 467

บทที่ 467 ประกาศิตเซียนสวรรค์

บทที่ 467 ประกาศิตเซียนสวรรค์

โอม!

กฎแห่งฟ้าดินบิดเบี้ยวราวกับตกอยู่ในความโกลาหล เหลือเพียงแสงพร่างพราวเพียงเล็กน้อยที่ยังคงลอยอยู่ภายใต้ท้องฟ้า ซึ่งดูราวกับเทพกำลังอุบัติขึ้นมาบนโลก แสงเจิดจ้าที่เหมือนดวงอาทิตย์แผดเผาก็ระเบิดออกและเปล่งกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

เมื่อมองอย่างระมัดระวัง ก็จะสังเกตเห็นว่ามันไม่ใช่สมบัติวิเศษ แต่เป็นแผ่นกระดาษเก่า ๆ สีเหลืองที่มีแสงพร่างพราวและถูกเขียนด้วยอักษรเพียงตัวเดียวนั่นคือ ‘戮’*[1] !

ตัวอักษรที่อยู่บนแผ่นกระดาษใบนั้นถูกเขียนอย่างดุดันและเฉียบคม เส้นของมันกระชับเหมือนสายฟ้าแลบ อีกทั้งยังแผ่กลิ่นอายสังหารและคมกริบออกมา ขณะเปล่งแสงเจิดจ้าราวกับดวงดาวและนำพาแรงกดดันที่เหนือชั้นมาสู่ทุกคน

“เจตจำนงของเซียนสวรรค์!”

“นี่เป็นงานเขียนที่เซียนสวรรค์ที่แท้จริงทิ้งไว้ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเจตจำนงของเซียนสวรรค์ ซึ่งเพียงพอที่จะสังหารทุกสรรพสิ่งในโลกได้!”

“โอ้สวรรค์! สิ่งนั้นมาปรากฏที่นี่ได้อย่างไร”

“สิ่งนี้ไม่ใช่เจตจำนงของเซียนสวรรค์ แต่เป็นประกาศิตเซียนสวรรค์! แต่กระนั้นมันก็แสดงถึงเจตจำนงสูงสุดของเซียนสวรรค์ และตัวอักษร ‘戮’ นั้นก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าจนถึงขั้นบิดเบือนกฎแห่งฟ้าดิน มันช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”

ทุกคนที่อยู่ในตอนนี้ต่างรู้สึกใจสั่นด้วยความกลัว อีกทั้งวิญญาณของพวกเขายังสั่นสะท้าน แรงกดดันและกลิ่นอายเช่นนี้ ทำให้รู้สึกราวกับว่าร่างกายของพวกเขากำลังจะระเบิดและถูกสังเวยให้แก่เซียนสวรรค์ผู้นี้

ผู้คนที่ปิดล้อมเฉินซีอยู่ในขณะนี้ต่างหยุดชะงัก ก่อนจะล่าถอยทีละคน เนื่องจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอันตรายร้ายแรง และพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับเฉินซีอีกต่อไป

ทว่าเมื่อได้เห็นประกาศิตเซียนสวรรค์ ดวงตาของฉินเซียวและปี้หลิงอวิ้นก็หรี่ลง ก่อนที่สายตาของพวกเขาจะเผยแววหนักอึ้งขณะมองไปยังเผยอวี่ ราวกับพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเมื่อเข้าสู่สมรภูมิบรรพกาล เผยอวี่จะนำอาวุธที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาด้วยจริง ๆ

“ทำลาย!” เผยอวี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยจิตวิญญาณที่พวยพุ่งพร้อมกับตะโกนออกมาดังกึกก้อง เช่นเดียวกับกระบี่โศกนภาที่เป็นสมบัติกึ่งอมตะ ประกาศิตเซียนสวรรค์นี้ก็เป็นไพ่ตายของเขา และเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการทำลายล้างเฉินซีในคราวเดียว เนื่องจากตอนนี้เขาได้ใช้มันอย่างเปิดเผย

ตู้ม!

ประกาศิตเซียนสวรรค์ส่งเสียงดังก้องและเปล่งแสงเจิดจ้า จากนั้นมันก็ยิงลำแสงสีทองนับไม่ถ้วนออกมา ซึ่งเหมือนกับลูกศรสีทองที่ยิงออกไปอย่างรุนแรงและปกคลุมเฉินซีโดยตรง

“ไม่ได้การ!” เฉินซีในขณะนี้รู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงจนถึงจุดที่เส้นผมของเขาตั้งขึ้น จากนั้นชายหนุ่มก็เร่งหันหลังกลับและตั้งใจหลบหนีไปอย่างแน่วแน่ ปีกนภาดารกะปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังของเขา ทำให้ความเร็วของเขาพุ่งสูงขึ้น

เขาเป็นเหมือนลำแสงที่ล่องลอยและเหมือนภูตผีที่พุ่งผ่านท้องฟ้า พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วด้วยพลังทั้งหมด และในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็โบกพัดนกยูงเพลิงไปทางด้านหลังซ้ำ ๆ เพื่อขัดขวางลำแสงสีทองที่พุ่งเข้ามาอย่างหนาแน่น

เคร้ง!

ซ่า!

เคร้ง! เคร้ง!

ไม่ว่าเฉินซีจะเร็วแค่ไหน แต่ก็ยังมีลำแสงสีทองบางส่วนที่พุ่งเข้ามาใกล้ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่อาจทำลายได้และทำให้ฟ้าดินต้องสั่นสะเทือน อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ลำแสงปะทะเข้ากับพัดนกยูงเพลิง เสียงพลันดังกึกก้อง อีกทั้งยังทำให้แขนของเฉินซีชาและเจ็บปวด เนื่องจากอานุภาพของมันนั้นทรงพลังอย่างน่าสะพรึงกลัว!

ฟุ่บ!

ในช่วงเวลาเดียวกัน ลำแสงสีทองก็พุ่งมาถึงตรงหน้าเขาและเจาะเข้าที่แขนขวาของเฉินซีโดยตรง ทำให้เลือดพุ่งออกมาทันที

ลำแสงสีทองที่เปล่งออกมาจากประกาศิตเซียนสวรรค์นี้รวดเร็วและน่าสะพรึงกลัวเกินไป มันปกคลุมฟ้าดินและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้เฉินซีไม่สามารถหลบหนีการปิดล้อมของมันได้

“ข้าคงต้องสู้กับมันเท่านั้น!” เฉินซีตระหนักได้ทันทีว่าการหลบหนีมีแต่จะทำให้ตายเร็วขึ้น เขาจึงหันหลังกลับทันทีและโจมตีลำแสงสีทองที่ปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดิน

เคร้ง!

เคร้ง!

แม้ว่าพัดนกยูงเพลิงจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับลำแสงสีทองเหล่านี้ได้ เฉินซีจึงดึงยันต์ศัสตราออกมาและฟันออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้เงากระบี่หลายชั้นซ้อนทับกัน ก่อนจะเหวี่ยงมันออกไป ทำให้เกิดประกายกระบี่ที่ถาโถมดั่งคลื่นยักษ์ออกไปต้านทานประกาศิตเซียนสวรรค์

“ไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เจ้าก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเจตจำนงแห่งเซียนสวรรค์ ในเมื่อเจ้ากล้าต่อกรกับข้าในวันนี้ ข้าก็จะทะยานขึ้นไปยังมิติเซียนและทำลายร่างที่แท้จริงของเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน!” เฉินซีถูกกดดันจนระเบิดพลังทั้งหมดออกมา จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวที่สั่นสะเทือนโลก

ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็ไม่ได้ล่าถอย แต่กลับพุ่งไปข้างหน้าแทน และเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งอย่างสมบูรณ์ ทำให้ปราณแท้ในร่างเดือดพล่านและรุนแรงอย่างมาก

ยันต์ศัสตราในมือของเฉินซียิ่งส่องประกายมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนยันต์เทวะทั้งห้าที่อยู่ภายในกระบี่ก็เริ่มโคจรอย่างช้า ๆ ทำให้อักขระยันต์พวยพุ่งและเปล่งแสงเจิดจ้าขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็ฟันไปยังประกาศิตเซียนสวรรค์ที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เกิดเสียงดัง ‘เคร้งคร้าง’ ขณะที่เข้าโจมตีไม่หยุด

ทุกคนตกตะลึงและรู้สึกว่าการกระทำนี้ไร้สาระเกินไป เฉินซีคนนี้ต้องการต่อต้านประกาศิตเซียนสวรรค์จริงหรือ? นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ? อีกทั้งยังต้องการมุ่งหน้าไปยังภพเซียนเพื่อทำลายร่างที่แท้จริงของเซียนสวรรค์… นี่มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอกหรือ!

“มดปลวกเยี่ยงเจ้าจะต่อต้านประกาศิตเซียนสวรรค์ได้อย่างไร? เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เผยอวี่ก็ตกตะลึงเช่นกัน จากนั้นเขาก็ตะโกนเย้ยหยันออกมาดัง ๆ

“ฮึ่ม!” เฉินซีตะคอกอย่างเย็นชาซึ่งเผยให้เห็นความดูถูกเหยียดหยามอย่างสุดซึ้ง และเขาต่อสู้อย่างสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม เพราะตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อใดที่ผ่อนการโจมตี เขาจะต้องตายแน่นอน

เมื่อหลายปีก่อน เขาเคยมีประสบการณ์เผชิญกับเจตจำนงเซียนประเภทนี้ครั้งหนึ่งและรู้ดีว่ามันน่าสะพรึงเพียงใด ในเวลานั้น เขาอยู่ภายในห้วงทะเลทรายมรณะ และเจตจำนงของเจ้าของระเบียนแดนมรณะ ซึ่งก็คือจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามได้รับรู้ว่าหกวิถีสังสารวัฏได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สามารถยึดสมบัติวิเศษของหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ ด้วยพลังมหาศาล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]