บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 466

บทที่ 466 ใกล้ชิดกับความตาย

บทที่ 466 ใกล้ชิดกับความตาย

เสือดำเกล็ดเงินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดในขณะที่ตัวสั่นด้วยความกลัว มันไม่กล้าเผชิญหน้ากับเฉินซีอีกต่อไป ก่อนจะหันหลังกลับและตั้งใจจะเผ่นหนี

อย่างไรก็ตาม ในเวลาถัดมา เฉินซีก็ไล่ตามมันทัน จากนั้นวังวนอัสนีก็แผ่ออกมาจากฝ่ามือ ปกคลุมรอบกำปั้นของเขา และทะลวงผ่านแผ่นหลังของเสือดำเกล็ดเงิน

ตู้ม!

กระดูกสันหลังของเสือดำเกล็ดเงินระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ มันได้สูญเสียชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของร่างกายไป ก่อนที่ชิ้นส่วนเหล่านี้จะถูกวังวนอัสนีกลืนกินเข้าไป เพื่อเปลี่ยนเป็นปราณอันอบอุ่นบริสุทธิ์และฟื้นฟูปราณจ้าววิญญาณของเฉินซีที่ใช้ไปก่อนหน้านี้

ตามที่คาดไว้ สายเลือดของสัตว์ร้ายตนนี้บริสุทธิ์และน่าเกรงขามยิ่ง เฉินซีอุทานด้วยความชื่นชมในใจขณะที่กำลังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของปราณจ้าววิญญาณภายในร่างกายของเขา

ทว่าความเร็วของเขาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มใช้พัดนกยูงเพลิงทันทีที่เห็นเสือดำเกล็ดเงินส่งเสียงร้องโหยหวนและกำลังเผ่นหนี ทำให้เกิดเปลวเพลิงอันไร้ขอบเขตพุ่งไปปกคลุมพื้นที่ข้างหน้าก่อนที่จะเผาไหม้ขนสีดำสนิทของเสือดำเกล็ดเงินในทันที

ในที่สุดมันก็รอดพ้นจากหายนะมาได้ และกลายร่างเป็นมนุษย์ก่อนจะล้มลงกับพื้น ผู้คนหันไปมองและตกตะลึงโดยพลัน มีแผลนองเลือดสองสามรอยที่ปรากฏขึ้นบนร่างมนุษย์ของเสือดำเกล็ดเงิน แผลเหล่านั้นถูกเฉินซีแหวกออก ทำให้มันเกือบสิ้นชีพ แต่ถึงรอดมาได้ มันก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง

“พวกเศษสวะ! มีคนมากมายที่มุดตัวเหมือนเต่าในกระดอง! หรือว่านี่จะเป็นพลังที่ราชวงศ์ระดับสูงครอบครอง?” เฉินซีกวาดสายตาไปรอบ ๆ พลางกล่าวอย่างไม่แยแส ทว่าในใจของเขากลับระแวดระวังมากขึ้น

จนถึงตอนนี้ นอกจากเสือดำเกล็ดเงินแล้ว สมาชิกของทั้งสามกลุ่มใหญ่ยังไม่ได้ออกเคลื่อนไหว พวกเขาปิดล้อมเฉินซีเอาไว้แต่ก็ไม่ได้โจมตี ขณะที่ผู้ลงมือก่อนหน้านี้ล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะแห่งราชวงศ์เสวี่ยหง ราชวงศ์เทียนหลางและราชวงศ์อื่น ๆ ที่เป็นศัตรูกับราชวงศ์ซ่ง เห็นได้ชัดว่าทั้งสามกลุ่มต้องการใช้จำนวนคนตัดกำลังของเขาจนกว่าจะหมด

เหตุผลที่เฉินซียั่วยุอีกฝ่ายเช่นนี้ก็เพื่อกระตุ้นโทสะของทุกคนและทำให้สถานการณ์เข้าสู่ความโกลาหล เพราะยิ่งสถานการณ์ยุ่งเหยิงมากเท่าไร เขาก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

แน่นอนว่า เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ‘พวกเศษสวะ’ จากเฉินซี มันก็ทำให้ทุกคนในกลุ่มทั้งสามพลันแสดงสายตาที่เดือดดาล เช่นเดียวกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากเฉินซีมีเพียงตัวคนเดียว แต่กลับกล้ายั่วยุผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะจำนวนมหาศาลจากราชวงศ์ต่าง ๆ มันช่างน่าละอายเสียนี่กระไร

“ในเมื่อเจ้ารอที่จะตายไม่ไหว อย่างนั้นพวกข้าก็จะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง ทุกคน ลงมือเลย! ฆ่ามัน!” กลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะจากทั้งสามราชวงศ์ตะโกนออกมา พวกเขาโจมตีด้วยพลังทั้งหมดที่มีและไม่อ่อนข้อให้อีกต่อไป

โครม!

สมบัติวิเศษและกระบวนยุทธ์ต่าง ๆ พุ่งขึ้นไปบนท้องนภา ปกคลุมทั่วทั้งโลกาพร้อมกับเปล่งแสงที่เจิดจ้าดั่งกระแสน้ำที่ไหลหลากเพื่อบดขยี้เฉินซี

ในขณะนี้ พวกเขายุติการปิดล้อมและเริ่มจู่โจม ซึ่งหากคนทั้งหมดถูกคนคนเดียวปราบปราม แม้ว่าจะชนะในท้ายที่สุด มันก็ทำให้พวกเขาเสียหน้าและถูกเยาะเย้ยอยู่ดีหากข่าวนี้แพร่ออกไป

นี่คือภาระของแบกรับชื่อเสียง พวกเขาเป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิในราชวงศ์ต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องการชัยชนะเท่านั้น ซ้ำยังต้องการชนะอย่างสง่างามอีกด้วย

“ตายซะ!” เฉินซีริเริ่มจู่โจม เขาหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่ปีกนภาดารกะกางออกมาและพุ่งตรงไปยังกลุ่มคน เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบ พัดนกยูงเพลิง ก่ออัสนีผสานดารา เพลงหมัดมหาทำลายล้าง อวตารเทพ เนตรเทวะแห่งความจริง…กระบวนยุทธ์และพลังอิทธิฤทธิ์ที่หลากหลายถูกเปิดใช้อย่างชำนาญและไร้ขีดกำจัดเพื่อปะทะใส่ศัตรู

เขาในตอนนี้เองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้เช่นกัน

ภายใต้อำนาจเนตรเทวะแห่งความจริง เฉินซีจึงเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในสนามรบได้อย่างแม่นยำ เขามองเห็นพละกำลัง จุดอ่อน และการโจมตีแฝงของศัตรูได้อย่างชัดเจน ทำให้หลบเลี่ยงการโจมตีร้ายแรงได้หลายครั้ง

ทว่าการพลิกสถานการณ์กลับมาก็ทำได้ยากเช่นกัน เพราะศัตรูทั้งหมดของเขาล้วนเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ ในขณะนี้ เมื่อพวกเขารวมกำลังกันเพื่อปิดล้อมเฉินซีผู้อยู่ลำพัง ระดับของอันตรายนั้นชัดเจน

ตู้ม!

การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์ มีเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนสรวงสวรรค์ในขณะที่กระบวนยุทธ์และสมบัติวิเศษล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า พื้นดินพังทลายทำให้หินและดินกระจายขึ้นไปบนท้องนภา ศึกในครั้งนี้ปกคลุมทั่วทั้งโลกา

ผู้ชมทุกคนที่อยู่ในระยะไกลในขณะนี้กลั้นหายใจด้วยสมาธิจดจ่อขณะจ้องมองการต่อสู้ตาไม่กะพริบ แม้แต่รายละเอียดยิบย่อยก็ยังกลัวที่จะพลาด พวกเขารอผลสรุปอย่างเงียบงัน

เพราะศึกครั้งนี้มีความหมายมหาศาล ด้านหนึ่งเป็นชายหนุ่มจากราชวงศ์ธรรมดาที่เผชิญหน้ากับการปิดล้อมของราชวงศ์มากมายด้วยตัวคนเดียว เขาจะได้รับสุดยอดแห่งเกียรติยศหรือจะถูกกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์สังหารกันแน่?

“ถ้าเขาชนะจริง ๆ ข่าวนี้จะต้องสั่นสะเทือนทั้งโลกอย่างแน่นอน และเมื่อบททดสอบสุดท้ายของสมรภูมิบรรพกาลมาถึงในอีกครึ่งปีนับจากนี้ ที่นั่นจะเป็นที่สำหรับเขาโดยแท้”

“รอดูไปก่อน เผยอวี่ ฉินเซียว และปี้หลิงอวิ้นยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย”

ผู้คนกำลังเฝ้าดู สถานการณ์การต่อสู้ในครั้งนี้ส่งผลต่อหัวใจของทุก ๆ คน

ผู้ทรงอำนาจจะไม่ยอมเสี่ยง

ไม่ว่าจะเป็นเผยอวี่ ฉินเซียว หรือปี้หลิงอวิ้น ล้วนน่ายกย่องและมีสายเลือดสูงส่ง พละกำลังของพวกเขาน่าเกรงขามอย่างไม่มีใครเทียบ เป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิใจของราชวงศ์จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะไม่เผชิญกับเฉินซีในตอนนี้

แม้ว่าพวกเขาจะกัดฟันด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเฉินซี และมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถบดขยี้เฉินซีได้ แต่เพื่อป้องกันการโต้กลับชุดสุดท้ายของอีกฝ่ายก่อนที่จะล้มตาย พวกเขาก็เลือกที่จะเฝ้าดูจากข้างสนามชั่วคราว

เพราะพวกเขารู้สึกว่าสถานะของตนสูงส่งกว่าเฉินซีมากเป็นหลายพันเท่า จึงมิอาจเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับเฉินซีและได้รับบาดเจ็บไปพร้อมกับอีกฝ่ายได้

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต้องการรับบททดสอบสุดท้ายในสมรภูมิบรรพกาล และแข่งกับศิษย์ของสามราชวงศ์ชั้นนำรวมถึงตระกูลอันทรงเกียรติจากอาณาจักรโบราณเพื่อให้ได้รับตราคำสั่งภวังค์ทมิฬมา และเข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬ จึงทำให้พวกเขาหวงแหนชีวิตของตนอย่างที่สุด ดังนั้นจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้กับเฉินซีที่กำลังจะล้มตายได้อย่างไร?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]