บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 484

บทที่ 484 สายฟ้าลงทัณฑ์ยุติลง

บทที่ 484 สายฟ้าลงทัณฑ์ยุติลง

เขาเป็นดั่งปลาที่กลับสู่ทะเล ดั่งอินทรีที่คืนสู่เวหา

ทันทีที่แก่นวิญญาณของเฉินซีกระโจนลงไปในบ่อ จิตใจของเขาพลันหยั่งรู้ เกิดความรู้สึกมหัศจรรย์ราวกับว่าทุกความคิดของเขานั้นโปร่งใส เป็นอิสระ และเบาบาง

นี่ไม่ใช่กระบวนการจุติหรือแปลงกายอีกต่อไป ทว่าเป็นความสุขภายในจิตใจรูปแบบหนึ่ง

พลังชีวิตอันล้นหลามอยู่ภายในสายฟ้าที่เจิดจ้ายิ่งยวดเริ่มควบแน่นรอบแก่นวิญญาณของเขาและสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ ราวกับว่าชายหนุ่มได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตลงในดิน มันสร้างเลือด เนื้อ หนัง กระดูก เส้นเอ็น อวัยวะภายใน จุดชีพจรและเส้นลมปราณ… ดั่งต้นไผ่หลังสายฝน มันเจริญงอกงามและเปล่งประกายแห่งชีวิตใหม่

เฉินซีนั่งขัดสมาธิขณะที่เตร็ดเตร่ไปมาอย่างเงียบสงบ ไร้ซึ่งความต้องการใด ๆ ร่างกายของเขายังคงเปลี่ยนแปลงไม่มีท่าทีจะยุติลง ร่างที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้นโปร่งแสงและตกผลึกเหมือนทองคำเคลือบเทวะซึ่งเปล่งประกายมันวาวราวกับสายฟ้า

วิหคอมตะอาศัยเปลวเพลิงเพื่อกลับมาเกิดใหม่ เช่นเดียวกับเฉินซีในตอนนี้ที่กำลังผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในชีวิต

เวลาผ่านไปไม่นาน แสงที่เปล่งออกมาจากร่างกายของเขาเริ่มสว่างไสวมากขึ้น แสงเจิดจรัสเผยให้เห็นความมีชีวิตชีวา ภายในร่างกาย เสียงแตกหักดังขึ้นในขณะที่แขนขาและกระดูกของเขาเต้นเป็นจังหวะ อวัยวะภายในสั่นพ้อง ฟังดูเหมือนเสียงธรรมชาติที่ชัดเจนไพเราะ เหมือนเสียงระฆังยามเช้า ทำให้กระดูกทุกส่วนของเขาเปล่งประกายแวววาว

ชั้นของเยื่อบุผิวที่คล้ายโลหะเจือผลึกปรากฏขึ้นบนกระดูก จุดชีพจรและเส้นลมปราณของเขาซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ เยื่อบุเหล่านี้เปล่งแสงแวววาว เปี่ยมล้นด้วยปราณวิญญาณ การบ่มเพาะที่ไหลเวียนอยู่ส่งเสียงดังกราวและเป็นจังหวะที่ทำให้ผู้คนรู้สึกมั่นคง

นอกจากนี้ เลือดและเนื้อของเขาก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ทุกอณูของผิวหนังของเขามีโลกแห่งจุดชีพจรเล็ก ๆ ซึ่งกำลังเปิดออกในขณะนี้และส่องสว่างด้วยแสงสีทองที่หล่อเลี้ยงร่างกาย

นี่เป็นขั้นตอนสำคัญ ผู้ขัดเกลากายาต่างเดินบนเส้นทางแห่งการบรรลุความเป็นอมตะ พวกเขาถือว่าในร่างกายมีจุดชีพจรสี่ร้อยแปดสิบล้านจุด ทุกจุดคือโลกใบหนึ่ง หากเปิดโลกทั้งหมดเหล่านี้ได้ก็จะบรรลุความเป็นอมตะและเป็นนิรันดร์

เหตุผลที่ร่างเซียนจุติหล่อเลี้ยงแก่นวิญญาณนั้นเนื่องจากการปลดปล่อยและการพัฒนาของจุดชีพจรเล็ก ๆ ในร่างกาย เมื่อแก่นวิญญาณได้รับการหล่อเลี้ยงอยู่ภายใน แม้ว่าร่างจะถูกทำลาย เพียงหนึ่งจิตคิดก็สามารถสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ได้!

ทั้งหมดนี้ฟังดูแล้วช่างน่าเกรงขามยิ่ง!

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากต้องการสังหารผู้ขัดเกลากายาในขอบเขตจุติ การทำลายเฉพาะร่างกายของผู้ขัดเกลากายานั้นยังไม่พอ ต้องทำลายแก่นวิญญาณที่อยู่ภายในจุดชีพจรเล็ก ๆ ในร่างกายของอีกฝ่ายด้วย

อย่างไรก็ตาม มีจุดชีพจรเล็กมากหลายสิบล้านจุด ดังนั้นการจะทำลายเส้นแก่นวิญญาณทั้งหมดที่หล่อเลี้ยงอยู่ภายในจุดชีพจรจะเป็นเรื่องง่ายดายได้อย่างไร?

นี่คือเหตุผลที่ผู้ขัดเกลากายาเอาชนะผู้บ่มเพาะปราณแท้ในระดับการบ่มเพาะเดียวกันได้อย่างง่ายดาย พวกเขาเป็นเหมือนแมลงสาบอมตะที่มีพลังชีวิตมหาศาลจนน่าสะพรึงกลัว

ทั่วทั้งร่างกายของเฉินซีในขณะนี้สว่างไสว แก่นวิญญาณรวมเข้ากับร่างกายของเขา กงล้อสังสารวัฏและร่างเซียนจุติผนึกกำลังกัน ทำให้เขาเป็นเหมือนเทพเจ้าที่ไร้ที่ติ ไร้มลทิน และเปล่งแสงเจิดจรัสอันไร้ขอบเขต

จากภายในสู่ภายนอก จากร่างกายสู่จิตใจ การจุติและการแปรสภาพกำลังดำเนินไปพร้อมกัน

ขอบเขตจุติคว้าโชคแห่งโลกา เป็นการแปรสภาพแก่นแท้แห่งชีวิต เป็นดั่งพิธีล้างบาปครั้งใหญ่ในกระบวนการไล่ตามเต๋าแห่งสวรรค์ เป็นการสร้างตัวตนขึ้นใหม่และพัฒนาจิตวิญญาณ ทำให้ร่างกายและจิตใจก้าวสู่ขั้นถัดไป

นอกจากนั้น เฉินซียังแตกต่างจากคนทั่วไป ทัณฑ์แห่งการแปรสภาพกายาและปราณแท้มาถึงในเวลาเดียวกัน เขาเผชิญกับสายฟ้าลงทัณฑ์ถึงสี่ระลอกก่อนที่จะก้าวไปสู่ขอบเขตจุติได้สำเร็จในท้ายที่สุด ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจึงไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำเพียงไม่กี่คำ

เช่น แก่นวิญญาณของเขานั้นต่างจากคนอื่น โดยแปรสภาพเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งหล่อเลี้ยงอยู่ภายในกงล้อสังสารวัฏในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา อีกส่วนหนึ่งหล่อเลี้ยงอยู่ภายในจุดชีพจรขนาดเล็กทั่วร่างกาย ทว่าทั้งสองก็ไม่ได้ขัดต่อกัน ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

ยิ่งกว่านั้น อาจกล่าวได้ว่าเขาได้ประสบกับวงจรชีวิตเกิดตายถึงสองรอบในระหว่างการบรรลุขอบเขตจุติในครั้งนี้

ครั้งหนึ่งอยู่ที่หนองบึง เขาฟื้นคืนชีพจากความตายก่อนควบแน่นกงล้อสังสารวัฏและร่างเซียนจุติ

อีกครั้งหนึ่งคือบ่อแห่งพลังชีวิตในหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ แก่นวิญญาณของเขาสลายไปและสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่หลายครั้งก่อนที่จะปล่อยให้ทั้งร่างกายและจิตใจผ่านการแปรสภาพจุติครั้งใหญ่

ในช่วงเวลาต้นกำเนิดของโลก การจุติเช่นนี้เรียกว่า ‘วิหคอมตะร่ายรำ’ ซึ่งบ่งบอกเป็นนัยว่าผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นมีศักยภาพพอที่จะเป็นผู้สูงส่งไปตลอดหลายยุคสมัยหลังจากผ่านทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติได้!

“เขาตายหรือยัง?”

“เขาควรจะตายไปแล้ว ไม่เห็นหรือว่าไม่มีร่องรอยของเฉินซีบนท้องฟ้า?”

“แต่หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ยังคงอยู่ ถ้าพวกเราเข้าใกล้เช่นนี้ จะทำอย่างไรถ้าถูกสายฟ้าลงทัณฑ์เข้า? อย่างไรนั่นก็คือทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติซึ่งพบเห็นได้ตามตำรายามกำเนิดโลกเท่านั้น มันไม่ได้ปรากฏขึ้นมานานมากแล้ว ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้นละก็พวกเราตายแน่!”

“เจ้าพูดถูก อย่างนั้นพวกเราจะรอให้หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์สลายให้หมดก่อนที่จะเข้าไป”

ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะจากราชวงศ์ต่าง ๆ ที่อยู่ห่างออกไปสนทนากันพร้อมแสดงท่าทาง ทว่าไม่มีใครสักคนที่กล้าเข้าใกล้กลุ่มหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ เนื่องจากเกรงกลัวว่าจะถูกผลกระทบโดยบังเอิญ

ที่จริงแล้ว หลังจากร่างของเฉินซีถูกทำลาย หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าก็ยุติความรุนแรงลงและตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงของพายุฝนฟ้าคะนองที่ดังก้องอยู่แผ่วเบา

ทว่าเนื่องจากหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ยังไม่สลายไปหลังจากผ่านไปนาน กอปรกับผู้คนที่หวาดกลัวทัณฑ์สวรรค์วิหคอมตะแห่งการจุติอย่างยิ่ง จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แม้จะผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้วนับตั้งแต่ร่างของเฉินซีถูกทำลาย

“เอ๊ะ หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์เริ่มหดตัวแล้ว!” หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม มีคนพลันอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง แน่นอนว่าพวกเขาเห็นหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ที่ปกคลุมท้องนภาเริ่มลดขนาดลงอย่างกะทันหัน และหมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็เหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยจั้งในพริบตา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]