บทที่ 488 เมืองบรรพกาล
บทที่ 488 เมืองบรรพกาล
แผ่นหยกที่หลิงเจ๋อมอบให้บันทึกไว้เพียงหนึ่งเรื่องเท่านั้น
ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใด ชิงซิ่วอี้กับเจิ้นหลิวชิงจึงกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองบรรพกาลพร้อมกับศิษย์จากตระกูลอันทรงเกียรติแห่งอาณาจักรโบราณ
เท่าที่เขารู้ นอกจากราชวงศ์ระดับล่างกับราชวงศ์ระดับกลางแล้ว ยังมีเจ็ดราชวงศ์ระดับสูง สามราชวงศ์ระดับสูงสุด และศิษย์จากตระกูลอันทรงเกียรติแห่งอาณาจักรโบราณที่เข้าสมรภูมิบรรพกาลมาในครั้งนี้
พวกที่สามารถเรียกว่าอาณาจักรโบราณได้คือ พวกที่ถูกกวาดล้างไปเมื่อนานมาแล้ว หากย้อนประวัติศาสตร์กลับไป ก็อาจย้อนไปถึงต้นกำเนิดโลกเมื่อครั้งสร้างสามภพขึ้นมาก็เป็นได้ ดังนั้นมันจึงมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจนน่าตกใจ
ทว่าระหว่างยุคบรรพกาลเมื่อหลายล้านปีก่อน อาณาจักรโบราณจำนวนมากที่เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดกลับย่อยยับไปตามกาลเวลาที่ผันผ่าน ราชวงศ์ที่ก่อตั้งขึ้นมาหลังยุคบรรพกาลไม่สามารถเรียกว่าอาณาจักรโบราณได้อีกต่อไป
ดังนั้นชื่ออาณาจักรโบราณจึงเหมาะจะใช้ในช่วงก่อนยุคบรรพกาลเท่านั้น
แม้จะมีอาณาจักรโบราณจำนวนมากที่ถูกทำลายล้างและสูญสิ้นไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีตระกูลอันทรงเกียรติในอาณาจักรเหล่านั้นที่ยังไม่ได้หายไปอยู่ กลับยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ทั้งยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีทรัพยากรซุกซ่อนเอาไว้มากมาย จนถึงขั้นที่ราชวงศ์ในปัจจุบันยังไม่อาจเทียบได้
ศิษย์ที่มาจากตระกูลอันทรงเกียรติเหล่านี้เรียกว่า ศิษย์ตระกูลอันทรงเกียรติแห่งอาณาจักรโบราณ ซึ่งให้ความรู้สึกนับถืออยู่จาง ๆ และเพื่อให้แตกต่างจากราชวงศ์อื่น ๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้
ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าชิงซิ่วอี้และเจิ้นหลิวชิงร่วมมือกันกับศิษย์ตระกูลอันทรงเกียรติจากอาณาจักรโบราณชื่อตระกูลซางแคว้นลั่วเหอ
ศิษย์ผู้นั้นมีชื่อว่าซางคุน ตามข้อมูลที่ได้มาจากหลิงเจ๋อ จะเห็นได้ว่าคนผู้นี้คือยอดอัจฉริยะที่ตระกูลซางฟูมฟักเลี้ยงดูมา สามารถเอาชนะทัณฑ์สวรรค์และบรรลุสู่ขอบเขตจุติได้อย่างง่ายดายเมื่อเข้าสู่สมรภูมิบรรพกาล อีกทั้งยังทะลวงสู่ระดับที่ห้าของขอบเขตจุติได้แล้ว! มีความสามารถน่าสะพรึงและน่าตกตะลึงเป็นยิ่งนัก
เป็นที่รู้กันว่าในขอบเขตจุติจะมีอยู่เจ็ดระดับ ทุกระดับเป็นเหมือนวัฏจักรชีวิต ทุกย่างก้าวที่เคลื่อนไปข้างหน้าทำให้ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นมีคุณภาพเปลี่ยนแปลงไป
เจ็ดระดับเหล่านี้แบ่งเป็นเจ็ดอารมณ์ของมนุษย์ สุข โกรธ กังวล โหยหา หวาดกลัว โศกเศร้า ตกตะลึง
เจ็ดอารมณ์ของมนุษย์เหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับอวัยวะภายในและจิตวิญญาณ สุขเชื่อมใจนับเป็นไฟ โกรธเชื่อมตับนับเป็นไม้ กังวลเชื่อมปอดนับเป็นโลหะ โหยหาเชื่อมม้ามนับเป็นดิน หวาดกลัวเชื่อมไตนับเป็นน้ำ นี่คือกลไกของอวัยวะภายใน เมื่อบ่มเพาะพลังมาถึงจุดนี้ อวัยวะภายในทั้งหลายก็เหมือนกับกงล้อศักดิ์สิทธิ์ที่กลั่นขึ้นมาจากห้าธาตุ หมุนวนไปพร้อมกับความลึกล้ำ นี่คือระดับที่ห้าของขอบเขตจุติ
โศกเศร้าทำให้ใจอ่อนแอนับเป็นหยิน
ตกตะลึงสะเทือนถึงจิตวิญญาณนับเป็นหยาง
ในสองระดับนี้คือจิตวิญญาณที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอยู่ในระดับที่หกและเจ็ดของขอบเขตจุติ เมื่อถึงจุดนี้ก็จะกลั่นเบญจธาตุ หยินหยางควบรวม เกิดเป็นกงล้อสังสารวัฏที่สมบูรณ์พร้อม
จริง ๆ แล้วหลักการของมันเรียบง่ายมาก ผู้บ่มเพาะทำการบ่มเพาะเจ็ดอารมณ์นี้เมื่อบ่มเพาะทั้งเจ็ดระดับของการจุติไปพร้อมกัน ทุกระดับคือวัฏจักรชีวิต เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้แก่นพลังชีวิตมีความก้าวหน้า
ตัวอย่างเช่น มนุษย์ติดอยู่ในวังวนเจ็ดอารมณ์ ทำให้เกิดโรคภัยบาดเจ็บ เมื่อแพทย์ตรวจคนไข้และกล่าวถึงอวัยวะภายในที่ได้รับบาดเจ็บจากเจ็ดอารมณ์ ก็คือการพูดถึงเรื่องนี้
พลังบ่มเพาะของเฉินซีหลังจากบรรลุสู่ขอบเขตจุตินั้นอยู่ในระดับที่หนึ่ง กงล้อสังสารวัฏที่กลั่นอยู่ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณเปล่งประกายสีแดงจ้าเหมือนดวงตะวัน มันเชื่อมกับหัวใจและนับเป็นไฟ สีของไฟก็คือสีแดง
ดังนั้นจึงแยกง่ายมากว่าผู้เยี่ยมยุทธ์อยู่ขอบเขตจุติระดับใดกันแล้ว โดยดูแค่สีจากแสงที่เรืองออกมาจากกงล้อสังสารวัฏเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ซางคุนแห่งตระกูลซางมีพลังบ่มเพาะถึงระดับที่ห้าของขอบเขตจุติแล้ว ดังนั้นกงล้อสังสารวัฏจึงมีสีน้ำเงินและมีขนาดใหญ่ราวกับมหาสมุทร
อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าพลังบ่มเพาะของซางคุนถึงขั้นที่สามารถกลั่นและโคจรธาตุทั้งห้าได้แล้ว ทำให้เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เฉินซีได้เห็นมานับตั้งแต่เข้าสมรภูมิบรรพกาล
‘เหตุใดพวกเขาถึงมารวมกับศิษย์ตระกูลอันทรงเกียรติจากอาณาจักรโบราณกัน? เมืองบรรพกาลเป็นสถานที่แบบใด?’ ชายหนุ่มดูสับสนหลังจากได้อ่านแผ่นหยกแล้ว
เท่าที่รู้ เพราะความสัมพันธ์ของนางกับเขา เจิ้นหลิวชิงย่อมไม่มีทางเป็นสหายกับชิงซิ่วอี้ได้ แต่ตอนนี้ทั้งคู่กลับอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก
เฉินซีรู้สึกได้ราง ๆ ว่าเหตุผลที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเกี่ยวเนื่องกับซางคุน
“เมืองบรรพกาลตั้งอยู่ที่ใจกลางสมรภูมิบรรพกาล มีแต่ผู้อยู่ขอบเขตจุติเท่านั้นที่จะสามารถไปถึงที่นั่นได้ อีกทั้งการทดสอบสุดท้ายในสมรภูมิบรรพกาลก็จะเริ่มต้นที่นั่นด้วย” หลิงเจ๋อที่อยู่ไม่ไกลเห็นสีหน้าสงสัยของเฉินซีแล้ว จึงอธิบายพร้อมกับรอยยิ้ม
“อ้อ?” ชายหนุ่มชะงักไป ‘เช่นนั้นก็หมายความว่าชิงซิ่วอี้และเจิ้นหลิวชิงบรรลุสู่ขอบเขตจุติแล้วหรือ? ดูท่าจะไม่ใช่ข้าเพียงคนเดียวที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว คนอื่น ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นภายในระยะเวลาไม่นานเช่นกัน’
“พี่เฉิน ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหรือไม่?”
เฉินซีพยักหน้า “เป็นประโยชน์มาก ขอบคุณพี่หลิงด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...